ไร้วิทยาลัย:มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

จากไร้วิทยาลัย — ส่วนหนึ่งของโครงการไร้สาระนุกรมเสรี แหล่งรวบรวมเรื่องราวตลกขบขันและบิดเบือนข้อเท็จจริง
ไปยังการนําทาง ไปยังการค้นหา

ยินดีต้อนรับสู่ไร้วิทยาลัยภาษาไทย
แหล่งรวมเรื่องขําขันไร้สาระเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาที่ทุกคนร่วมเขียนได้
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 เวลา 05:09 น. ตามเวลาสากลเชิงพิกัด (ช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง)
เว็บย่อ: http://th.uncyclopedia.info/wiki/Un-niversity

บทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ ไร้วิทยาลัย , แหล่งรวบรวมเรื่องน่ารู้ เรื่องลึกลับ เรื่องไร้สาระ ของสถานศึกษาในประเทศเทย!

เรื่องน่ารู้ประจํามหาวิทยาลัย[แก้ไข ]

  • ชื่อเรียกมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
    • เคยมีความพยายามหลายๆ ครั้งที่จะให้คนเลิกเรียกชื่อแบบสั้นๆ ไม่เป็นทางการ ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จากคําว่า "เทคโน" หรือ "บางมด" แล้วให้เรียกเป็นคําอื่น เช่น "ม.พระจอมเกล้าธนบุรี" หรือ "ม.พระจอมเกล้า" แต่ผู้คนส่วนใหญ่ในย่านบางมด ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ ก็ยังติดกับคําสั้นๆ จําง่ายๆ ว่า "เทคโน" และคนอีกจํานวนมากนอกเขตพื้นที่ก็จะรู้จักในคําว่า "มหาวิทยาลัยบางมด" "มหา'ลัยบางมด" "ม.บางมด" หรือแค่คําสั้นๆ ว่า "บางมด" (ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มีวิทยาเขต "บางขุนเทียน" และ "ราชบุรี" มี e-School "โรงเรียนดรุณสิกขาลัย" มีสถาบัน KOSEN และมี "Bangkok Code" (ปัจจุบันกว่านี้ มันคือ KX) ตั้งอยู่บนถนนสาทรใต้) .. ความพยายามในปัจจุบันก็คงยังอยู่
    • หลายๆ คนใน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เรียกชื่อมหาวิทยาลัยว่า ม จ ธ (มอ-จอ-ทอ) ตามอักษรย่อของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมักจะเขียนชื่อ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี แบบสั้นๆ ว่า มจธ มากกว่าที่จะเขียนด้วยอักษรย่อของมหาวิทยาลัยจากภาษาอังกฤษว่า KMUTT (เข้าใจว่า อาจจะเป็นเพราะ KMUTT มีอักขระมากกว่า มจธ)
    • หลายๆ คนนอก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มักจะเรียกชื่อมหาวิทยาลัยว่า บางมด และเขียนชื่อแบบสั้นๆ ว่า บางมด
    • ถ้าบอกแท็กซี่ว่าไปพระจอมเกล้าธนบุรี อาจจะไม่ได้ไป ต้องบอกว่าไปเทคโนฯ บางมด
    • คนต่างชาติมักรู้จัก ​King Mongkut's University of Technology Thonburi (KMUTT) ในชื่อของ "King Mongkut University" และ "King Mongkut University in Bangkok" และมักจะสับสนกับชื่อในภาษาอังกฤษของ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ) เพราะมีพระนาม "King Mongkut" เหมือนกัน และมีที่ตั้งในกรุงเทพฯ (สับสนกับ สจล) หรือมีชื่อ Bangkok (สับสนกับ มจพ) เหมือนกัน และเพื่อ"ลด"ความสับสน คนต่างชาติมักใช้ตัวย่อ KMUTT ในการเรียกและเขียนชื่อของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
      • คนต่างชาติมักจะจําชื่อ ​King Mongkut's University of Technology Thonburi ได้จากคําว่า "King Mongkut"
      • คนต่างชาติเมื่อได้ยินชื่อ King Mongkut's University of Technology Thonburi อาจจะเข้าใจผิดว่า เป็นมหาวิทยาลัยที่ถูกก่อในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นส่วนหนึ่งหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับละครเรื่อง The King and I
  • What's in a name? That which we call a rose by any other name would smell as sweet. - William Shakespeare
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มีวิสัยทัศน์ (5 ข้อ) และมีเป้าหมาย (6+1 ข้อ --> ไม่ประกาศว่าเป็น 7 แต่คงตัวเลขเป็น 6+1)
  • โลโก้ใหม่ประจํา ม. คือ KMUTT++ กําลังเป็นข้อพิพาทระหว่างอาจารย์และนักศึกษาที่ร้อนแรงมากๆ โลโก้ใหม่เลยดังสมใจแบบไม่ต้องใช้เงินประชาสัมพันธ์
    • เป็นเรื่องเป็นราวขององค์การนักศึกษาทีเดียวเชียวแหละ
      • ปัจจุบันใช้ KMUTT++ กันอย่างกว้างขวางจนแทบจะลืมไปเลยว่าในอดีตเคยพิพาทกัน
        • KMUTT++ แท้จริงแล้วถูกสร้างขึ้นเพื่อให้นักศึกษาใช้ในงานที่มีขอบเขตกว้าง เช่นโปสเตอร์ ใบปลิว ไวนิล คัตเอาท์ และอื่นๆที่ใช้ตราสัญลักษณ์แล้วดูไม่เหมาะสม
  • มาสคอต (Mascot) สัตว์โชคในการเรียนการสอบให้ได้เอ (A) คือ กระรอก ถ้าเห็นกระรอกที่ไหน เมื่อไร ให้ตั้งจิตอธิษฐานให้ประสบความสําเร็จในการเรียน
    • ส่วนสัตว์นําโชค(ร้าย) จะทําให้การสอบได้เอฟ (F) คือ เต่า ถ้าเห็นเต่า ให้หันหน้าหนี และไปรดน้ํามนต์ที่วัดพุทธสะ จะได้เป็นสิริมงคลกับตัวเอง
  • สระมรกต มีชื่อมาจากน้ํา(เน่า)ที่เขียวสวยประกายเมื่อยามพระอาทิตย์ส่องดั่ง "มรกต" นั่นเอง
    • ใต้สระมรกตนั้นเองมีฐานลับของ หน่วยงาน FIBO ประจําการอยู่
  • ร้านขายน้ําปั่น ทั้งสตาร์บัคและทรูคอฟฟี่ช้อปไม่กล้ามาตั้ง (แต่มีร้านคาเฟ่แอมะซอนมาเป็นตัวเปิด) เพราะไม่สามารถสู้แคมเปญของร้าน "ลุงหนุ่มน้ําปั่น" ได้คือ แจก iPad เป็นของสมนาคุณให้กับลูกค้า
  • KFC ของมหาวิทยาลัย ถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก และไม่ได้มีแค่ขายไก่ทอดเพียงอย่างเดียว แต่ขายอาหารข้าว ก๋วยเตี๋ยว น้ํา หลากหลายประเภทรวมไปด้วยอาหารนานาชาติ (ข้าวแกงปักษ์ใต้ ลาบ ส้มตํา) เพราะที่นี่คือ KFC (King's Mongkut Food Center)
  • อาคารและสถานที่ในมหาวิทยาลัย
    • อาคารเรียนรวมจะมีชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า CB จะมี CB 1 , CB 2 , CB 3 (ตึกครุ) , CB 4 (ตึกวิศวะ) , CB 5 (ตึกโยธา)
    • ห้องสโลป (slope) จะมี Slope 200 (บรรจุได้ 200 คน) , Slope 600 (บรรจุได้ 600 คน) อยู่ตึกวิทย์ใหม่ทั้งคู่
    • ห้องคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในมหาวิทยาลัย มีชื่อว่า ลานแดง อยู่ใต้ตึก CB 2

==ความรู้ทั่วไป] ....

วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (Copy and Paste Engineering)[แก้ไข ]

  • อดีตได้แยกตัวออกจากภาคไฟฟ้า
  • คณะไอที กับวิศวะคอมฯ จัดว่าเป็นพี่น้องกัน เพราะตั้งมาได้เพราะ อ. กลุ่มเดียวกัน
  • FiBO แทบจะไม่เคยมีนักศึกษาภาคคอมฯเข้าไปเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ให้เลย ทั้งๆที่น่าจะเป็นงานของเด็กภาคคอม
  • เนื่องจากภาคคอมฯไม่ค่อยถูกกับ FiBO ดังนั้นถ้าอยากเล่นหุ่นยนต์ก็ต้องไปที่ lab lego
  • เป็นภาคที่มีระบบรุ่นพี่รุ่นน้องดีมาก คอยช่วยเหลือกันตลอดทั้งที่เรียนอยุ่และจบไปแล้ว
  • อาจารย์ บร. เป็นอาจารย์ที่เก่ง Ele. ที่สุดในมหาลัย(หรือในประเทศไทยเลยมั้ง) แต่ไม่ชอบอยู่ภาคอิเล็คเพราะปัญหาทางการเมือง เลยขอมาอยู่ภาคคอมด้วยคนตอนที่ตั้งภาคฯ (อ. บร. เกษียรไปแล้ว)
  • แต่ตอนนี้ (ปี 2/2007) Lecture กับ Lab วิชา Circuit and Electronic ก็ได้เรียนกับ อ.บร. ที่เก่งที่สุดแล้ว กลับมาเจออ.สน. ที่เหมือนจะเก่งกว่า เค้าตกลงกันไม่ได้ว่าใครเก่งกว่ากัน จังหวะนี้เลยจําเป็นต้องไปฟ้องศาลกันอยู่แล้ว
  • หากท่านต้องการเก็บ A , B+ , B วิชา Circuit ท่านต้องเรียนกับ อ. สน. แต่บางทีท่านอาจจะงงว่าได้ A มาได้ไง เพราะข้อสอบนั้นถามชื่ออาจารย์ พอดีตอบถูกข้อนี้ ได้ A เลย
  • อ สน. เป็นอาจารย์คนเดียวในภาคที่มีฝีมือในด้านช่างศิลป์ เพราะแก "ART" มาก
    • ART ในที่นี้ คืออยู่นอกเหนือจินตนาการและไม่ต้องการความเข้าใจ
  • หากท่านต้องการทําข้อสอบ Lab ของ อ.สน. เต็ม ต้องเอา ข้อมูลทุกอย่างที่มีอยู่ในห้อง Lab เข้าห้องสอบ (รวมทั้ง เลข SerialNO ของอุปกรณ์!!)
  • หากท่านต้องการเก็บ F , D , D+ มาเจอกันกับอ.บร. ดีกว่า ท่านอาจได้ขึ้น F18 ในปีหน้า (หรือ F22 ดีกว่า ทันสมัยกว่า)
  • สถิติ F วิชาภาครวดเดียวสูงสุดอยู่ที่ 47 คน (CPE-1110) (ไม่รู้โดนทําลายไปรึยัง) (ตอบ: ยัง) (ตอบตอบ: น้องๆช่วยทําลายสถิติให้หน่อยสิ)
  • ปี 2010 CPE 23 ตีตั๋วเรื่อรบ SN F-38 ไป และยังไม่สามารถทําลายสถิติที่ทํามาได้
  • รู้สึกปี 2008 เครื่องบิน F16 บินผ่านภาค เลยทําให้วิชาเลือกปี 3 ของอาจารย์ บร. มีคนเรียนแค่ 6 คนเอง !!!
  • อาจารย์ บร. เป็นอาจารย์คนเดียวในมหาวิทยาลัยที่ใช้ข้อสอบแบบเขียนด้วยลายมือทั้งหมด
  • เท่าที่รู้ยังไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหน ทําข้อสอบของอ. บร. ได้คะแนนเต็ม (ตอบ: เคยมีแล้วอยู่รุ่น 12)
  • อ.บร ไม่เคยเป็นหัวหน้าภาคฯ แต่ทุกคนในภาคฯต้องเกรงใจ ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้าภาค
  • คนที่ทําโปรเจคกับ อ.บร ถือได้ว่าสอบโปรเจคผ่านชัวร์ 100% แต่อ.ไม่ค่อยรับนศ.ทําโปรเจค
    • รุ่น 19 อ.บร เลยเชือดให้ดู ทําต่อซัมเมอร์ 11 คน
  • สมัยก่อน เวลา Ent จะต้องเลือกเข้ากลุ่มภาคไฟ ก่อน แล้วค่อยสัมภาษณ์เพื่อให้ได้เข้าภาคคอมฯ ซึ่งดําเนินการสัมภาษณ์โดย อ. พพ
  • เดี๋ยวนี้ Ent เข้าภาคคอมได้โดยตรง เพราะภาคไฟโวยวายว่าได้แต่นักศึกษาอกหักจากภาคคอมฯ (แต่ในความเป็นจริงคือ ไปฉุดคะแนน Ent ของภาคคอมให้ตกต่ํา ภาคคอมเลยขอแยกออกเพื่อดึงคะแนน Ent ด้วยตัวเอง)(แต่ปัจจุบันคะแนนEntภาคไฟสูงกว่าภาคคอมทั้งmaxทั้งminเลย)
  • อ.ท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า ภาคคอมฯโชคดีที่ได้ นศ.เก่งๆเข้าภาคเยอะตอน admission ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย เพราะที่นี่เปิดรับโควต้าเร็วมาก ทําให้หลายคนรีบมาสมัครเพราะกลัวว่าพึ่งพา admission แล้วจะไม่มีที่เรียนซะงั้น (ผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในนั้น)
  • เนื่องจากปัญหาด้านงบประมาณ ทําให้ภาคฯคอมต้องเปิดห้องอินเตอร์
  • ห้องสมุดเกือบจะเป็นของภาคคอมฯ สาเหตุคาดว่าอ.เป็นผู้บริหารที่นั่น
  • อินเทอร์เน็ตที่แรงที่สุดในมหาลัยฯอยู่ที่ห้องสมุด เพราะเป็น Gateway ของสถาบันการศึกษาในภาคใต้
  • อินเทอร์เน็ตของห้องสมุดมีสายต่อตรงมายังภาคคอม (อิอิ)
  • อ.พพ มีท่าจับปากกาที่ไม่เหมือนใคร
  • อ.ต เป็นอาจารย์ที่ชอบทําตัวเหมือนรู้ทุกเรื่อง แต่จริงๆแล้วท่านรู้แค่บางเรื่อง
  • ถ้าหากไม่ติดว่า ภาคคอมฯ ต้องได้วุฒิ วศ.บ. ภาคคอมฯ อาจจะย้ายไปขึ้นกับคณะไอทีนานแล้ว
  • ภาคคอมเป็นภาคที่มีเสื้อ Shop ไว้เพื่อใส่กันหนาวเวลาเรียน
  • เสื้อ Shop ของภาคคอมถ้าเลือกสีผ้าผิด(เลือกสีเพื้ยนจากรุ่นพี่) จะกลายเป็นเสื้อของช่างแอร์ นอกจากนี้ยังเคยมีนักศึกษาบางคน แหวกแนวโดยการใส่ shop สีดํามาแล้ว หน้าอกปักชื่อ TONY JAA เป็นรุ่นพี่ในตํานาน หาตัวลําบาก ปัจจุบันพบได้แถวสวนธนและสมาคมนักดื่มประจําภาค
  • เชื่อหรือไม่ นศ.ภาคคอมฯ ตลอด 4 ปี เรียนเขียนโปรแกรมแค่วิชาเดียวเท่านั้น แต่พอจบมาแล้วกลายเป็น Programmer กว่า 70%(เรียนในวิชา ภาษาเด่ว แต่เรียนเอง (โดนบังคับ) อีกเยอะ ฮา)
  • แปลกแต่จริง วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่นี้เรียนเน้นแต่ Software จนจะเหมือน ComSciไปทุกที แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือได้วุฒิ วศ.บ. ไม่งั้นเป็นComSciแล้ว
  • วิชา Network/Admin ไม่มีในหลักสูตร แต่นศ.จบมาเอาดีทางด้านนี้ได้หลายคน
  • อ. สท มีเชื้อแขก นศ. จึงนิยมเรียกว่า "อาบัง"
    • จริงๆแล้วเป็นแขก100%
  • ระวัง!!!หากใครทําการบ้านของอ. สท สั่งงานอย่างหนึ่งเวลาส่งจะเอาอีกอย่าง หากผิด(ซึ่งแน่นอนว่าผิดอยู่แล้ว)จะโดนบ่นทั้งคาบ
  • ใครที่ได้เข้าเรียนกับ อ. ยย จงจําเอาไว้ว่า "เรามีกติกากันนะครับ"
  • กติกาที่ว่าก็คือ "ห้องมันเล็กนะครับ คุณพูดนิดนึงเสียงก็ดังแล้ว อย่าลืมนะครับ ว่าผมไม่มีคะแนนเข้าเรียนให้ คุณไม่จําเป็นต้องเข้าก็ได้"
  • อ. ยย จะทวนกติกาให้ฟังทุกครั้งที่มีเสียงดัง (โดยแกจะพูดอย่างไอ้ข้อความข้างบนนั่นแหละ แถมตรงตามสคริปเป๊ะทุกคําพูด)
  • สันนิษฐานว่าแกคงซ้อมทุกครั้งก่อนเข้าสอน
  • อ. ยย ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นอาจารย์ที่ตรวจข้อสอบได้มั่วที่สุด ผลงานอันลือลั่นคือ เคยตรวจข้อสอบที่ควรจะได้ 96/100 คะแนน ออกมาเหลือแค่ 66/100
    • ตอนแรก อ.มั่นใจมาก แต่พอจํานนต่อหลักฐานก็หน้่าซีดลงเล็กน้อย แล้วบอกว่า "จริงๆแล้วผมให้ TA ตรวจ"
    • หลังจากนั้นจึงเป็นธรรมเนียมของ นศ.กลุ่มนึงที่จะตั้งขบวนแห่ไปขอดูข้อสอบของตัวเองทุกครั้งหลังจากที่ อ.ยย ตรวจเสร็จ
    • แต่ได้ข่าวลือมาว่า เทอมล่าสุดนี้ มี อ.พรพเป็นผู้ท้าชิง (หรือเปล่า? ขอคํายืนยัน)
    • เมื่อ นศ. ต้องการดูคะแนน/ข้อสอบ จะได้ reaction ว่า "อย่าใช้มาตรฐานมหาวิทยาลัยกับผม".... ด้วยเหตุใดไม่ทราบ ก็ไม่เข้าใจ
    • การยื่นใบคําร้องถึง 30+ ใบ ก็ไม่มีผลที่จะทําให้เราได้เห็นข้อสอบแต่อย่างใด
  • วิชาของภาคฯ ส่วนใหญ่ห้ามขาดเรียน ถึงแม้ว่าจะไม่มีการเช็คชื่อ เพราะวิชาภาคฯมีสอบทุกคาบ
  • นศ.ภาคคอม จะไม่ค่อยสุงสิงกับภาคอื่น
  • หลังจากจบการศึกษา นศ.ทุกคนจะมีระดับสารตะกั่วละลายในเลือดสูงขึ้น เพราะต้องทํา lab elec กันทุกคน
    • แต่ถ้าได้เข้า lab elec เพราะต้องทําเป็น project พอจบเทอมนั้นจะเรียกได้ว่ามีระดับเลือดละลายในสารตะกั่วลดลง
  • หากปีใดวิชาแข่งรถ สอนโดยอ.ต ถือว่าปีนั้นนศ.จะโชคร้ายเป็นพิเศษ
  • ภาคอื่นมักจะอิจฉา ภาคคอมฯที่มีนศ. ญ เยอะ แต่หารู้ไม่ว่าน้อยคนนักที่จะเป็นแฟนกันในภาค ส่วนมากจะส่งออกหมด
    • อดีต(2008) เริ่มมีการจับคู่กันเองระหว่าง ผู้ชายกะ "หญิงแท้" ในภาคเยอะขึ้น
      • ที่ต้องเน้นหญิงแท้ ไม่ใช่เพราะหญิงเทียม แต่ปัจจุบันผู้หญิงภาคคอม ไม่ค่อยเป็นกุลสตรีเท่าไร
        • ปัจจุบัน(2011)ผู้หญิงในภาคได้กลายพันธุ์เป็นชายกันหมดแล้ว ผู้หญิงดีๆได้หมดภาคไปเรียบร้อย นอกนั้นมีแฟนหมด
  • เวลาเลือกทําโปรเจคจบ อย่าเลือกโปรเจคที่ต้องใช้อ.ที่ปรึกษาร่วมเป็นอ.นอกภาค เพราะคุณอาจจะไม่จบเอาง่ายๆ
  • คุณรู้หรือไม่ว่าเว็บของภาคคอมฯ เปลี่ยนทุก 2 ปี และทุกครั้งที่เปลี่ยน ก็มีการ reset ข้อมูลใหม่หมด (ไม่รู้จะทําไปทําไม)
  • ส่วนใหญ่ของรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว จะต่อ ป.โท คณะ IT เพราะว่าคนที่เรียน IT 100% จะจบไม่ต่ํากว่า 80% แต่คนที่เรียนคอม 80% จะไม่จบกว่า 100% แต่ถ้าใครจบ ป.โทภาคคอม ได้จะถูกเรียกว่า "ซุปเปอร์แมน" หรือไม่ก็ "ปู่โสมเฝ้าภาค"(เนื่องจากว่าใช้เวลามาก จนถึงมากที่สุด กว่าจะลากจนจบได้)
  • นักศึกษาบางคนเทพมากๆ ใช้ Notepad ในการเขียน Assignment ส่งอาจารย์ แถมยังทําภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที แถมใช้เพียง Function Replace-All เท่านั้น
  • อ. สน นิยม ดิ๊ก๊ะช่า จึงทําให้นักเรียนรู้สึกไม่ชอบ ดิ๊ก๊ะช่า อย่างแรง เพราะไม่รู้จะเอาอะไรไป ดิ๊ก๊ะ
  • เวลาสอนหนังสือ อ สน เป็นคนที่สามารถหาเรื่องบ่นมาได้ตลอดเวลา แม้เต่เวลาให้เด็กทํา โจทย์ ก็ยังไม่วายหาเรื่องมาบ่นอีก(บ่นอะไรของเขานักหนาก็ไม่รู้สงสัยเก็บกด)ฉนั้นทุกคนที่เรียนกับ อ สน หลังจากเรียนเสร็จแล้วจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะ หูชา กันหมด
  • จากการที่อาจารย์ภาคคอมฯได้ไปดูงานที่มหาลัยชื่อดังในต่างประเทศ เลยได้แรงบันดาลใจมา จัดการเปลี่ยนวิธีการสอนเป็น PBL
  • PBL ย่อมาจาก problem-based learning แต่ นศ.เห็นพ้องต้องกันว่า มันน่าจะย่อมาจาก problematic learning มากกว่า
  • อ. สน เป็น อ.ที่กระตือรือร้นที่สุดที่จะนํา PBL มาใช้
    • อยู่มาวันหนึ่ง อ. สน เริ่มด้วยการเขียนอะไรซักอย่างที่ นศ.ไม่รู้เรื่องบนกระดาน แล้วปล่อยให้ นศ.ดิ๊ก๊ะกัน แต่ไม่มีซักคนที่ดิก๊ะได้ (ที่อยู่บนกระดานคืออะไรฟระ) อ.ก็เลยโมโหมาก บ่นจน นศ.หูชาและปล่อย นศ. ออกจากคาบนั้นช้าจนไปเรียนวิชา อ.บด สายยกห้อง
      • เชื่อว่าวันนั้น อ. สน อดนอนมา เลยไม่มีแรงจะสอน หรือไม่ก็เซ็งที่ New York Giants แพ้ในศึก Super Bowl
        • แต่นั่นดูจะไม่ใช่ปัญหา เพราะยังไงถึงเวลาสอบ ก็แค่ตอบชื่ออาจารย์ให้ถูกหรือไม่ก็เขียนว่า ผมเลือกสมัคร แค่นี้ก็ได้ A แล้ว
  • วิชา Java Programming Language เป็นวิชาเลือกที่นักศึกษาปีล่าสุด ลงเรียนกันเยอะสุด คงได้เกรดง่าย (หรือเปล่า) อาจจะไม่มีที่จะไป หรือว่า... อาจารย์ที่สอนน่ารักมั้ง ^^
    • วิชา Java Programming Language ใน ห้องอินเตอร์ ถือว่าเป็นนรก เพราะ อ.ซร ทําให้วิชาง่ายกลายเป็นอภิมหายาก
      • เอ้อ อ.ซร กับ พี่ฝ.เป็นแฟนกันแหละ คนตาตี่ฝากบอกมา
        • ตอนนี้เค้าแต่งกันแล้วล่ะ
  • แต่น่าเสียดายโดยตัด Language ไป เหลือแค่ Java Programming ทําไมก็ไม่รู้ครับ
  • เอ้อ อีกอย่าง Java นี่ย่อมาจาก JAV Analysis อันนี้เป็นที่รู้กัน
  • ปัจจุบัน อ.ต ได้ใช้เวลาเกือบ 20 ปีในการขึ้นเป็น รองคณบดี
  • รู้สึกว่า CPE รุ่นล่าสุด (2008) จะถูกเรียกว่า CPE ช้าง เพราะดันมี staff นามเล่นๆว่า 'น' สั่งร้องเพลงช้างตอนประชุมเชียร์
  • ปี 2008 เป็นปีแรกที่มี ค่าย CPE สัมพันธ์ (ความจริงเมื่อปี 2006 ก็เคยมีมาก่อนแล้ว ไปปลูกป่าที่บางขุนเทียน ไปกันทั้งภาค ทั้งอาจารย์และนศ.)
  • ปี 2008 เป็นปีแรกที่มี Comcamp the meeting
  • หลังจากที่อ.ต.เริ่มมีอํานาจอันน้อยนิดขึ้นมาบ้างแล้ว(2008) ก็ได้พยายามที่จะใช้อํานาจอันน้อยนิดที่(เพิ่งจะ)มีอยู่ บีบบังคับให้Meeting กลายเป็น ค่ายพัฒนาชนบท (ปี 2007 ก็เกือบไปแล้ว)
  • และบายเนียร์อาจจะได้จัดในม. เนื่องจากอํานาจจิ๋วจอกข้างต้น เช่นกัน
  • คาดว่าด้วยอํานาจดังกล่าวนี้ อาจจะทําให้ Meeting และ บายเนียร์ หายไปได้
  • วิชา Lab Interface(2008) น่าจะสลับตําแหน่งระหว่าง "อาจารย์" กับ "TA"
    • บางที TA ก็ไม่ได้ดีเสมอไป บางคนก็สําคัญตัวผิดคิดว่าตัวเองเป็นอาจารย์ มารยาทแย่สุดๆ
      • TA บางคนมารยาททรามมาก แต่เอาจริงๆแล้วเป็นที่พึ่งพาได้
  • อ.ต อดีตเป็นนักศึกษาภาคไฟผู้ทํากิจกรรม และเป็นstaff ประชุมเชียร์ แห่งภาคไฟ ปัจจุบัน อ.ต พยายาม หยุดธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา รวมไปถึงประถึงปะชุมเชีย meeting และบายเนีย เอาใจผู้ใหญ่ เพื่อการเก้าสู่ตําแหน่ง คณบดี อย่างถาวร หลังจากได้แลกตําแหน่งนี้มาด้วย ...
  • ตําแหน่ง ผศ. ที่ อ.ตได้รับ ยังมีข้อสังสัยมาจนถึงทุกวันนี้ ( พี่ป.โท บอก แม่งโปรเจคกูทั้งนั้น เอาไปเสนอเข้าตัวเอง ไอ้สาด)
  • อ.ต ถือว่าเป็นผู้มีความรู้มาก และมากที่สุด ยังทํางานเก่งที่สุดด้วย โดยเฉพาะ การทํางานบนหลังคน
  • ขอเตือนน้องๆที่คิดจะทําโปรเจคกับ อ.ต ว่าอย่าเลย เพราะปัจจุบันเค้ายังใช้นิสัยเดิมๆ (หน้าบานงานตัวเองก็ไม่ใช่)
    • ทําโปรเจคกะ อ.ต ง่ายๆครับ ทําไงก็ได้ให้ดัง ดังแล้วจบ ไม่ดังก็จบ(จบชีวิตโปรเจค)
  • ตั้งแต่ อ.ต ขี้นเป็นรองคณะบดีก็เป็นที่รักของนักศึกษาทั้ง CB4 และรวมไปถึงเด็กวิดวะทุกภาคเป็นที่สุด ไม่เชื่อถามใครดูก็ได้ (เค้าประชดอะนะ)
  • JAVA Computer ก่อตั้งมาได้ 2 ปีเสดๆ มีลูกค้าจํานวนมากร้องเรียนเข้ามาว่า "สายแลนด์ของที่นี่คุณภาพดีเกินไป"
  • สงสัย คนสอน Java Programing Language จะน่ารัก คนถึงได้เรียนกันเต็มห้อง ห้อง 80 ไม่พอ ต้องไปเปิด Slope 200 เรียนเลย
  • ไม่ทราบว่าทําไมภาคคอมจะต้องมี Project ทุกชั้นปี - -
  • เหมือนกับว่าในทุกชั้นปีจะมีผู้ไขกุญแจห้อง International Service ได้
  • ห้องหน้า ISS เป็นห้องเดียวที่นักศึกษาแอบเปิดแอร์ได้ แต่ต้องไปแย่งกัน
  • ห้อง ISS หรือ International Student Service เป็นห้องเซอวิดที่เล็ก ไม่เหมาะกับจํานวนประชากรนักศึกษาอินเตอร์เล้ยยย ไม่เปิดให้ใช้ในเวลาที่ต้องการ ยกเว้นจะไปขอกุญแจมาอย่างยากเย็น (อย่ามีดีกว่า อารมณ์เสีย)
  • กระดาษที่ติดอยู่หน้าตู้ Sever ในห้อง ISS มีคนเขียนเพิ่มเติมขึ้นทุกที (ตั้งแต่ดึงสายแลน จนถึงประท้วงที่สนามบิน!?)
  • และมีนักศึกษาบางกลุ่มสามารถ Hack รหัสเข้าห้องธุรการภาคคอมได้แล้ว!! แต่ไม่กล้าเปิด เพราะวงจรปิด!
  • พวกเค้ากําลังพยายามเจาะระบบวงจรปิดของมหาลัย!
  • CyberAnt นิตยสารของภาคคอม ฉบับล่าสุด แต่เชื่อไหมพรีเซนเตอร์ กลับเป็น "เด็กภาคอื่น" กูไม่เข้าไจ๊ !... เด็กภาคคอมมันไม่หล่อหรือไงว้าาาา ไอ้สาดด

** CyberAnt ปี 2008 ไม่ได้มาจาก นศ.ปี 1 ข้อเท็จจริงนี้เพิ่งปรากฎเมื่อ พี่ปี 2 ทักว่าทําไมเอาเด็กภาคอื่นขึ้น แล้วไม่มีปี 1 ตอบได้เลย เออว่ะ ก้อจิงนะ

  • หากสังเกตประตูหลัง มอ เรา ให้ดีๆ จะมียามท่านนึงใส่เสื้อช็อปภาคเราอยู่!!! มีมดที่แขนขวาด้วย+! เค้ายังคงเป็นปริศนา....
    • เสื้อช็อปตัวนี้ ยามเขาขอยืมเพื่อทําการปลอมตัวเป็นนักศึกษาเอาไว้จับผู้ร้ายที่ชอบถ่ายคลิปในห้องน้ํา (ปล.เสื้อผมเอง)
  • เนื่องจากภาคคอมฯมีห้องอินเตอร์และบุคลากรที่ active มากๆ ภาคคอมฯจึงได้ริเริ่มกิจกรรมที่เกี่ยวกับภาคคอมฯแบบสุดๆไปเลยเช่น หลักสูตร ESL และกิจกรรมdebate
    • ESL ย่อมาจาก English as a Second Language ส่วน debate ก็แปลว่าโต้สาระวาที
      • ทั้งที่กิจกรรมเหล่านี้คณะศิลปศาสตร์ (SOLA) ควรจะเป็นคนเริ่ม
    • ท่ามกลางความงุนงงของนศ.หลายคนว่า มันเกี่ยวกับภาคคอมฯยังไง(วะ)?
  • active ขนาดไหน? เอาเป็นว่าทีมที่เพิ่งชนะเลิศ debate ระดับประเทศมา (rookie level 4th EU-Thailand) เป็นเด็กภาคคอมฯล้วนละกัน ตอนชนะเลิศได้ลงหน้า 1 นสพ.ของมหาลัยด้วย
  • ที่ไม่บังคับ แต่ต้องสอบคัด ถ้าเก่งพอไป debate เก่งไม่พอ ไป ESL (อื้ม ก่อนสอบ เขาเน้น "ไม่บังคับ")
    • "ไม่บังคับ" ย่อมาจาก "ไม่บังคับว่าเข้าอันไหน แต่ต้องเข้าซักอันนีง"
  • debate นั้นเป็นชมรมที่มีการเช็คชื่อชมรมเดียวของ ม. (ถ้าขาดมากกว่า 2 ครั้ง จะโดนโยนไปเรียน ESL)(ESL เสียเงินเรียนด้วย)
    • พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ชมรม debate น่ะไม่มีเช็คชื่อ แต่กิจกรรม debate ของภาคน่ะมี
  • คนที่ควบคุมกิจการเหล่านี้ เด็กภาคคอมมักจะเรียกชื่ออันแสนไพเราะว่า "เจ๊ป้อมฯ" หรือถ้าให้มันส์ในอารมณ์ก็ต้องเรียกว่า "e-ป้อมม"
    • ว่ากันว่า บางครั้งเห็นเจ๊แกไปขายส้มตําอยู่หน้าสวนธนฯ
      • เจ๊ป้อมฟังภาษาไทยไม่ออก (มั้ง)
      • เจ๊แกทําให้เราต้องถลึงไปเรียนภาษาข้างนอกเพื่อสอบโทเฟล หรือ โทอิกให้ผ่าน โดยที่ ESL ที่บังคับเรียนไม่มีผลอะไร แล้วก็ไม่ช่วยอะไรเลย
      • เจ๊แกชอบไปแวะเวียนรร.นานาชาติแล้วชวนนักเรียนมาเข้าเรียนที่มหาลัย [ในปี2011 นาย บ.ถูกหลอกให้เข้ามาและยังไม่พอยังให้มาร่วม debateแบบขัดขืนไม่ได้และยังเชื่อกันว่าสาวญี่ปุ่นก็โดนด้วย]
      • จริงๆเค้าใจดีนะ ถึงจะชอบบังคับให้ทํานู่นทํานี่ แต่ก็ทําไปด้วยความหวังดี แล้วที่เค้าบังคับนั่นมันก็ได้ประโยชน์กับตัวเราเองทั้งนั้น ไม่ใช่รึ?
  • เนื่องจาก SOLA ควรจะเป็นคนเริ่มแต่ไม่ได้เริ่ม ก็เลยใช้วิธีฮุบเพื่อหวังเอาผลงานซะเลย
  • SOLA ฮุบESL ไปแล้วมีความพยายามจะฮุบกิจกรรม debate ไปด้วย แต่นศ.debate รุ่นก่อตั้ง (ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นภาคคอมฯ) ไหวตัวทัน ก็เลยไปตั้งชมรม debate ซะ
  • นศ.ภาคคอมกับ SOLA เคยทําสงครามกันมาแล้ว ฝั่งภาคคอมฯนําทัพโดยนาย ป และนาย อ
    • เรื่องมีอยู่ว่า นศ.ภาคคอมฯเรียนวิชาของ SOLA แล้วเกรดออกมาไม่สมเหตุสมผล พอไปขอดูใบคะแนนก็ไม่ยอมให้ดูแต่โดยดี ต้องให้ขืนใจจนได้ดูแล้วก็พบว่า อาจารย์ให้คะแนนนศ.แบบปาเป้า (อาจได้แรงบันดาลใจจาก อ.ต ) และมีการหักคะแนนของ นศ.ออกไปเฉยๆโดยให้เหตุผลว่า คะแนนของนศ.กลุ่มนี้ "ดีเกินไป"
      • จากสงคราม นศ. VS SOLA ไปๆมาๆกลายเป็นสงคราม อ.VS SOLA ไปด้วย
      • ปัจจุบันเชื่อว่าสงครามยังไม่จบ (อย่าเพิ่งนับศพทหาร)
      • เป็นเรื่องบังเอิญมากที่ นาย ป และนาย อ ดันเป็น นศ.debate ด้วย และอยู่ในทีมที่ชนะเลิศที่ว่าซะงั้น สงครามการฮุบกิจกรรม debate ที่เกิดหลังคดีข้างบนก็เลยร้อนแรงขึ้นไปอีก
  • อ. บด เป็นอะไรกับอ. บร ไม่ทราบ แต่ใครที่ทําโปรเจคกับอ.บร แล้วได้ อ. บด เป็นคนตรวจ นักศึกษาในกลุ่มนั้นจะซวยเป็นพิเศษ
  • เมื่อไปสอบถามอ. บร ว่าเหตุใดจึงโดน อ. บด ทําspecail เวลาสอบโปรเจค ก้อได้คําตอบว่า เค้าคือบร๊ะศาสดาแห่งศาสนา Signal พวกคุณไม่ได้บูชาในตัวบร๊ะศาสดา จึงโดนspecial
  • แท้จริงแล้ว อ.บร เคยเป็นผู้มีบารมีในวิชา Signal มาก่อน แต่ต่อมา อ.บด ทําการยึดอํานาจและตั้งตนเป็นศาสดา ผู้ใดไม่นับถือหรือไปนับถือ อ.บร ผู้นั้นก้อจะถูกSpeciel
    • แต่แท้จริงแล้ว อ.บร ท่านนี้นั่นแหละที่เป็นผู้มีบารมีในวิชา Signal และ Circuit-Electronic ตัวจริง
  • อาการของผู้ถูก อ.บด ปล่อย speciel จะใจเต้น งงงัน โลกนี้มืดไปหมด ดิ้นยังไงก้อดิ้นรอด เหมือนโดนหาเรื่องแต่ทําอะไรไม่ได้ เพราะกลัวไม่จบ มันคือความมีเหตุผลบนความไม่มีเหตุผล สรุปไม่รู้ว่ากูโง่จริง หรือ ... บ้ากันแน่
  • ผู้ที่อาการหนักสุดในประวัติศาสตร์ คือ นาย ต. รุ่น 18 ถึงขั้น ร้องให้ 3 วัน 2 คืนไปเลย
  • ต้องยอมรับอ. บด ว่าเป็นบระเจ้าจริงๆ เพราะท่านใช้เวลาถึง 7 ปี ในการจบปริญญาSignal แล้วมันดีหรือไม่ดีอะคับ
  • มีบุคคลบางกลุ่มกําลังจัดทํา ถ้วยรางวัลสุดยอด Signal ให้แก่อ. บด จุดประสงค์เพื่อไม่ต้องการให้รุ่นน้องโดน special
  • คนที่มาสอน Signal แทน อ.บด คือ อ.พี่ ญ (เศร้า)
    • ตอนนี้พี่ ญ ดังไปทั่วประเทศแล้ว เพราะเป็นผู้พิสูจน์ว่าคลิปเสียงนายกฯเป็นคลิปตัดต่อ ถ้าอยากดังแบบพี่ ญ ก็ตั้งใจเรียน signal กันนะ หรือถ้าไม่อยากดังก็ขอให้ตั้งใจเรียนเช่นกัน
      • รุ่นพี่บางท่านลงมติว่า อ.พี่ ญ เป็นซอมบี้ ในสังกัดของสนเทย กุลทองลิ้ม
        • พี่ ญ แต่งงานแล้วนะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
          • แล้วหนูจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ฮือๆ...
  • คนมันจะหาเรื่อง เราทําอะไรก้อผิดหมดอยู่แล้วแหละ คติพจ์ของอ. บร
  • เดี๋ยวนี้เขียน C# เป็นเรื่องเป็นราวเลย ต้องมา Design Interface เพื่อทํา Assignment วิชา CG ด้วยแหละ เป็นวิชาภาคบังครับ ไม่ได้เขียนแต่ C เหมือนแต่ก่อนแร้วน้า
  • ในช่วงก่อน Deadline Project ห้องภาคจะเปรียบเสมือนครอบครัวที่อบอุ่น และ คึกคักตลอด 24ชม.
  • ข้อสอบปลายภาควิชา Java Programming[ห้องภาษาอังกฤษ] ปีล่าสุด1/2008 มีถึง 6 ช้อย!!!ต่อหนึ่งข้อ[ตอบผิดหัก.... พระเจ้าซาร่า ไม่อยากให้มั่วบอกกันดีๆก็ได้ oO]
  • เคยมีนักศึกษารุ่น 16 โดนธรณีสูบ บนเวที TMF ในปีสุดท้ายของรุ่นมาแล้ว คอนเฟิร์ม! (อย่าลบหลู่ เพราะเขายังมีชีวิตอยู่)
  • ปีหนึ่งก็เกรียนมาทุกๆปี ไม่ว่าจะทําอะไร สําหรับปีหนึ่งในทุกๆปีของภาคนี้แล้ว ไฟจะเเรงเป็นพิเศษ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ไฟก็จะหายไปหมด
  • ComCamp ถือเป็นค่ายที่จัดให้กับบุคคลภายนอกฟรีที่ยาวนานที่สุดในมอ เพราะครั้งนี้ ComCamp จัดขึ้นเป็นปีที่ 24 แล้ว (ปี 2012)
    • เวลาของค่าย คือ 7 วัน ส่วนค่าใช้จ่ายของน้องค่าย ฟรีหมด(ที่อื่นๆ เก็บตั้ง พันกว่าบาท)
    • Comcamp ได้เงินจาก CDG&G-Able ทุกปี 50,000 บ้าง 100,000 บาทบ้าง
  • ได้ข่าวว่าวิชา C Programming ของปี 1 เป็นวิชาเดียวที่อาจารย์สอนรู้่เรื่องมากที่สุดใน 4 ชั้นปี น้องๆปี 1 ก็ตั้งใจกันหน่อยน้า
    • Confirm!! จริงๆ เป็นวิชาเดียวจริงๆ ทั้งแต่เรียนมาที่เรียนรู้เรื่อง ขอบคุณอ.สท ที่ทําให้มีวันนี้ (วันไหนหว่า??)
    • แต่ก็มีสมมติฐานว่า อาจารย์สอนรู้เรื่องทั้งนั้นแหละ เพียงแต่นักศึกษาโง่ลงเรื่อยๆไปตามกาลเวลา (ตอนปี 1 ยัง fresh อยู่น่ะ เลยเรียนรู้เรื่อง)
    • Confirm!! อีกครั้งว่าจริง แต่ยกเว้นรุ่น 17 หน่อยนะ เพราะรุ่นนี้เค้าเรียนวิชานี้กับ อ.พพ
  • และในที่สุดปี 2008 เกียร์ก็กลับมาเป็นเกียร์อีกครั้ง...
  • ปี 2011 ภายหลังการประกาศสงครามกับมิดเทอมแคลคูลัส นาย บ. นาย ก. และ นาย พ. ได้รวบร่วมความกล้าไปขอดูข้อสอบของตัวเอง
  • ไม่รู้ว่าอาจารย์ อ. อารมณ์ขึ้นอะไรไม่ให้นักศึกษาดูคะแนนข้อสอบ ด้วยคะแนนที่สูงโด่งของ CPE ที่ 72 จาก 80เต็ม เค้าคงไม่พอใจและได้บอกว่า "นักศึกษาเค้าได้ต่ํามากถึง 0 ยังไม่กล้ามาขอดูแล้วพวกเธอมีสิทธิอะไร"
    • เด็ก CPE เรียนแคลกับอาจารย์ ท. แต่ อาจารย์ อ. เป็นคนตรวจข้อสอบ
  • หลายคนรู้หรือไม่ อ.ทุกท่านในภาควิชา ก็อ่านข้อความเหล่านี้แล้ว
    • อย่าลืมสิว่านี่คือไร้สาระนุกรมเสรี คนทั่วทุกมุมโลกเข้ามาอ่านได้นะจ๊ะ
  • ปล. อยากรู้ว่า อ. พพ คือ อ. พิพ หรือ อ.พีพ.
    • พพ ก็คือ พพ พรพ ก็คือ พรพ
  • ถูกต้องครับ อ.ทุกท่านในภาควิชา อ่านข้อความเหล่านี้หมดแล้ว เพราะประเด็นนี้อ.ทั้งหลาย ได้นํามากล่าวถึงในงาน... แต่กล่าวถึงในทางที่ดีนะ เพราะฉะนั้น ตราบใดที่เราไม่ใช้คําหยาบคาย เราก้อมีเสรีภาพทางความคิดที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ และที่สําคัญ ไม่มีใครรู้ด้วยว่าใครเป็นคนเขียน
    • งานอะไรเหรอ?
    • งาน...
      • ไม่บอก
  • อาจารย์ที่เป็นผู้หญิงเกือบท่านจะสอนดี และเด็กตั้งใจเรียน เช่น อ.ธณ, อ.น.ม. แต่มีอาจารย์ชายบางท่านเท่านั้นที่สอนแล้วนักศึกษาเข้าเรียนทุกคาบ
  • "ผมเชื่อว่าอาจารย์ทุกคนในภาคตั้งใจสอนพวกคุณทุกคนเต็มที่ นักศึกษาบางคนอาจไม่ถูกใจ พอใจ อาจารย์บางท่านจากเหตุผลส่วนตัวหรือเหตุผลใดๆ หรืออาจนึกสนุก มาเขียนนิททา ประชดประชันอาจารย์ที่ตนไม่ชอบ เผยแผ่ลงในเว็บ อาจเพื่อความสะใจของตนและกลุ่มเพื่อน ผลกระทบใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการกระทําในที่นี้ ผมขอให้ย้อนกลับไปสู่พวกคุณเช่นเดียวกัน ขอให้บุคคลใดๆ ที่พวกคุณมีความหวังดี ตั้งใจดี ทําสิ่งดีๆ ให้กับพวกเขา จงทํากับพวกคุณเหมือนกับที่พวกคุณได้ทํากับอาจารย์ของตนเอง ผมเชื่อว่าความรู้สึกโกรธ ผิดหวัง สิ้นหวังของอาจารย์ทุกท่านที่พบว่าลูกศิษย์ของตนมาเขียนนิททา ประชดประชันนั้น จะมีผลกระทบต่อรุ่นน้องและสถาบันของพวกเราเองอย่างแน่นอน" - อ.ธรร.สะแด่วแห้ว ลูกกํานัน
  • "ขอความร่วมมือ ไม่นําอาจารย์มาเขียนข้อความเชิงลบหลู่ อย่าเห็นเป็นที่ระบายอารมณ์(เกรียน)ของตัวเอง"-อ.สท.บินลาเด้น ณ เอาเกย์ด้า+ อ.นทช.เมพีขริงๆ
    • แรกๆก็ดีหลังๆรุ่นน้องมาเติมจะเละเทะไปหมดละ
      • "ขอลบข้อความเชิงใส่ร้ายป้ายสี(กรุณาให้เกียติบุคคลอื่นด้วยเขาไม่มีโอกาศมาแก้ตัว)" อ.ธรร. + อ.สท.+ อ.นทช.
      • มิน่าบางข้อความถึงโดนอุ้ม
      • Qui tacet consentire videtur ubi loqui debuit ac potuit.
      • "หากมีผู้ใดตําหนิติเตียนท่าน ท่านอาจทําได้สองอย่าง อย่างแรกคือทําให้เขาหยุดตําหนิติเตียนท่าน อย่างที่สองคือทําตัวของท่านให้ดี อย่างแรกนั้นอาจเกินวิสัย ส่วนอย่างหลังจะยากหรือง่ายก็อยู่ที่ตัวท่านเอง"- ปราชญ์นิรนาม
        • Like
        • Like
  • เท่าที่ผมอ่านดูกว่า 90% ในนี้ก็เป็นเรื่องจริงนะครับ ^^ ยอมรับความจริงแล้วนําไปปรับปรุง ขอบคุณครับ ^^
  • ในการเลือกที่ฝึกงานของปี 3 นั้น จะต้องเลือกดีๆ โดยสอบถามจากรุ่นพี่และห้องแนะแนว ไม่งั้นอาจถูกส่งไปกวาดพื้นแถวๆประชาอุทิศได้
    • จําชื่อนี้ไว้ Acacia ที่สํานักงานใหญ่อยู่ตรงข้ามสวนลุม อย่าไปเน่อ อาจซวย
    • เห็นว่าวิทยุการบินต้องดื่มสุราหนักถึงทําได้
    • มีบางที่พาน้องไป "ออน" ด้วยนะ :P
  • ปลายปี 53 ย้ายห้องภาควิชา จาก "ชั้น 8 CB4" มา "ชั้น 10 , 11 ตึกแดง"
    • ห้องภาคใหม่ห้องเรียนหรูมาก
    • ห้องน้ํามีให้ใช้ตั้ง 3 ที่แหน่ะ
      • มีห้องให้อาบน้ําด้วยนะ
    • ปลั๊กไฟที่ใช้งานได้นี่ มีอยู่ไม่น่าจะเกิน10 ปรับปรุงนิดนึงนะ
  • สามารถมาถ่ายรูปคู่ กับ ล๊อคเกอร์ ที่ถูกแปลงร่างเป็น เรกเก้ ได้ ที่ชั้น11นะจ๊ะ
  • ป้าย "วิศวกรรมคอมพิวเตอร์" ที่ชั้น 1 ตึกแดง อย่างกับเล่นเส้นที่ได้ location เหมาะแก่การถ่ายรูปมาก
  • กําเนิด Comcamp ดาว
  • 2014 พาเหรดได้รองชนะเลิศอันดับ1 จากทั้งหมด 52 ภาควิชา
  • ปี2020 เรียนDiscrete math ไม่รู้เรื่องโดยเฉพาะเรียนกับ อจ นรม
  • ปี2021 ไม่รู้เลยว่าเรียนไร เพราะ covid-19 นอนอย่างเดียว
  • ปี2021 มีการปรับเนื้อหาวิชา UX/UI เข้ามาในมหาลัยเป็นวิชาที่สอนการทํา User interface ให้ related กับ User experience แต่สิ่งที่ได้คือการเป็น Blogger กับการแชร์โพสต์เพื่อได้ A
  • ปี2021 เด็กวิศวะคอมอินเตอร์ได้เรียนเพียงทฤษฎี ไม่มีการสอน Coding แม้แต่น้อย

วิศวกรรมเครื่องกล[แก้ไข ]

  • คติประจําใจของเด็กเครื่องกลคือ "The Trained Man Wins" ติดหราอยู่ใน Shop แต่จริงๆแล้ว มันเป็นคติของคณะวิศวะด้วยนะจ๊ะ
    • การนับรุ่นเครื่องกลจะน้อยกว่ารหัสนักศึกษาอยู่ 2 ปี เช่น รหัสนักศึกษา 51 จะเป็นเครื่องกลรุ่น 49
    • เพลงบูมภาคคือ "เพลงสีแดง" ซึ่งเนื้อเพลงท่อนนึงที่ได้ยินแล้วซึ้งใจ ปราบปลื้มใจสุดที่ได้มาเรียน "เครื่องกลบางมด" คือ "ME นั้นไซร้ใช่อื่นไกลคือน้องพี่"
    • สีประจําของภาควิชาคือ สีแดง
  • วิชาเด็ดสุดของเด็กเครื่องกล คือ Statics ตอบถูกได้ 3 ตอบผิด -25 ไม่ตอบ -5 แล้วคุณจะเลือกอย่างไหนล่ะ ?
  • อาจารย์ผู้สอนวิชา Machinery ของภาคเครื่องกล หน้าตาเหมือนกับอดีตนายกทุจศีล กินชะมัด ยังกับแกะ แต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว โดยอาจารย์ท่านนี้เป็นคนเถรตรงราวกับฟุตเหล็ก
  • ที่เหนือไปกว่านั้น อาจารย์ผู้สอนวิชา Machine Design ของภาคเครื่องกลนั้น เป็นเชื้อสายของผู้พันแซนเดอร์ เจ้าของไก่ทอดชื่อดัง KFC ว่ากันว่า ใครกินไก่ยี่ห้อนี้ จะได้เกรดดีเป็นพิเศษ
  • กล่าวกันว่า อาจารย์ภาคเครื่องกลนั้น ดุที่สุดในมหาวิทยาลัย แต่แท้จริงแล้ว เป็นกลุ่มอาจารย์ที่เกรงใจเมียที่สุดในมหาวิทยาลัยเช่นกัน
  • อาจารย์ผู้สอนวิชา Statics ในข้อข้างต้น เป็นอาจารย์เครื่องกลเพียงท่านเดียวที่ไม่เป็นโรคเกรงใจเมีย แต่.... แถมมีหนวดงามที่สุดในมหา'ลัยด้วย อีกทั้งเป็นราชางานประดิษฐ์ มีผลงานการประดิษฐ์มากมาย แถมมีห้องแลปส่วนตัวอีกด้วย ของเล่นเยอะมาก แต่ไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ
  • ภาคเครื่องกล มีอาจารย์ที่นามสกุลเดียวกับคุณหญิงพจมาณ นายใหญ่แห่งบ้านจันทร์ส่องหมา แต่ อาจารย์ท่านนี้กลับเกลียดนายทุจศีลและครอบครัว เคยด่านายโอ๊กอ๊าก ลูกชายคนเดียวของอดีตนายกว่า "ไอ้งั่ง" ในลูกศิษย์ฟังในคาบเรียนนานกว่า ๑ ชั่วโมง จากการที่นายโอ๊กอ๊ากทุจริตสอบที่รามคําแหง นอกจากนี้ ท่านยังเป็นเจ้าของวาทะ "ถ้าเมืองไทยไม่มีการคอรัปชั่น เอาทองไปทําถนนยังได้เลย"
  • อาจารย์ภาคเครื่องกลท่านหนึ่ง สอนเกี่ยวกับระบบปรับอากาศและระบบทําควาเย็น เคยเป็นหัวหน้าภาคเครื่องกลคนก่อนด้วย มีหน้าตาที่เหมือนกับ สตีเฟ่น ฮอกกิ้ง นักฟิสิกส์ และ นักดาราศาสตร์ชื่อก้องโลก เจ้าของหนังสือ "จักรวาฬในรูตูด" ยังกับแกะ แถมยังจบออกมาจากมหาวัทยาลัยเดียวกันอีกด้วย
  • เกียรตินิยมขี้เมา เป็นเรื่องปกติของเด็กเครื่องกล ไม่ใช่เรื่องมหัสจรรย์แต่อย่างใด
  • การตัด F ของเครื่องกลจะตัดจากคะแนนของผู้หญิงของที่ได้ต่ําสุดเป็นเกณฑ์ เพราะมีผู้หญิงประมาณ 5 คนเท่านั้นเอง
  • โดยปกติ ผู้หญิงเครื่องกลมักจะเรียนเก่ง และถึก บึกบึน ส่วนผู้ชายมักจะโง่เง่าไม่เอาถ่าน แดกเหล้าเป็นอย่างเดียว
  • เคยมีผู้หญิงเครื่องกลรุ่นนึง ตัดผมเกรียนตลอดจนจบ แท้จริงแล้ว เธอจบหลักสูตรจู่โจมใต้น้ําของกองทัพเรืออเมริกา (U.S. Navy SEAL) มาก่อน
  • ผู้หญิงเครื่องกลจะถูกเรียกโดยรวมว่า "สมบัติภาค" และผู้ชายทุกคนในภาคจะต้องปฏิบัติตามคําสั่งของ "สมบัติภาค"ทุกอย่าง
  • โดยทั่วไป ภาคเครื่องกลมักจะส่งผู้หญิง-ผู้ชายที่หน้าตาแปลกที่สุดเข้าร่วมประกวดเฟรชชี่ เนื่องจากรู้ตัวว่ายังไงก็แพ้
  • ปี2552 เครื่องกลได้เฟรชชี่ที่สอง ทั้งหญิงและชาย ลบคําสบประหม่าไปแล้ว พักหลังนี้ภาคอื่นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เครื่องกลผู้หญิงน้อยแต่เน้นคุณภาพ
  • ในกีฬาเฟรชชี่ ภาคเครื่องกลต้องจับคู่กับภาคไมโคร(จุลชีวะ)เท่านั้น เพราะ ไมโครขาดผู้ชาย เครื่องกลขาดผู้หญิง แต่เด็กเครื่องกลน้อยรายที่ได้เป็นแฟนกับเด็กไมโคร
    • มีเยอะแล้วคับช่วงนี้
      • เน้นว่ามากจริงๆ
  • เครื่องกล โยธา และ อุตสาหการ เป็น 3 ภาควิชาที่ภาคอื่นไม่ค่อยอยากมีเรื่องด้วย โดยเฉพาะ เครื่องกล กับ โยธา เนื่องจากใครมีเรื่องกับภาคใดภาคหนึ่งในสองภาคนี่ จะกลายเป็นศัตรูกับอีกภาคหนึ่งที่เหลือทันที ตามสนธิสัญญา Leo beer
  • ภาคเครื่องกล กับภาคโยธา เป็นมหามิตรที่ดีต่อกัน ถ้าหากออกไปเที่ยวแล้วเขม่นกัน จะถามกันว่าเป็นเด็กภาคไหน ถ้าพบว่าเป็นเด็กภาคเครื่องกล กับ โยธา การชกต่อยจะกลายเป็นการกอดคอกินเหล้าร่วมกัน
  • ภาคเครื่องกลเป็นภาคที่มี อัตราส่วน ผู้หญิง:ผู้ชายต่ําที่สุด คือ 1:30 โดยประมาณ ส่วนโยธาเป็นที่สอง
  • แนวทางการฟังเพลงของเด็กเครื่องกลทุกรุ่นจะมีวิวัฒนาการที่คล้ายๆกัน คือ ปี 1-2 ฟังเพลงตลาด ปี 2-3 ฟังเพลงสากล ปี 4+ จะหันมาฟังเพลงเพื่อชีวิต แต่ไม่ทุกคนนะจ๊ะ
  • เคยมีเด็กเครื่องกล รุ่น 42 เจอผีลูกแบทหลอก โดยผีที่ว่าเป็นลูกแบทลอยได้ แล้วตกใส่หัวมันผู้นั้น
  • ภาคเครื่องกลเป็นภาควิชาเดียวในมหาวิทยาลัยที่ไม่อนุญาตให้นักศึกษาแต่งชอป แต่ต้องปฏิบัติ เชื่อม กลึง ตะไบ ชีทเมททอล อีกทั้งเวลาทําโปรเจ็ค นักศึกษาต้องทําการกลึง เชื่อมชิ้นงานเอง ถ้างานไม่ยาก หากงานยากขอให้พี่เทคนิคเชี่ยนทําให้ได้ แต่ต้องรอคิวนะจ๊ะ (ขอบคุณครับพี่ๆ ผมจบได้ก็เพราะบุญคุณพวกพี่ๆที่ช่วย กลึง เชื่อม ให้)
    • มีลุงเทคนิเชี่ยนท่านนึง มีลักษณะเหมือน "ผู้เฒ่าเต่า ใน Dragon Ball" ซึ่งมีพลังภายใน ทําให้อาจารย์รุ่นใหม่ต้องยอมคาระวะ เพราะแกเป็นเทคนีเชี่ยนช่วยทําโปรเจคจบตั้งแต่อาจารย์เหล่านั้นเรียนตอนป.ตรี
  • เพราะเครื่องกลไม่มีชุดชอป (จริงจริงก็มีแหละ แอบใส่กัน ใครใส่ไปแล้วจ๊ะเอ๋กับอาจารย์ภาค บางท่าน ก็ พูดคําเดียว ซวย)จึงมีเสื้อภาค ซึ่งเป็นเสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดหมู ซึ่งระบุรุ่นของผู้ใส่เอาไว้ด้วย
  • ด้วยความที่เสื้อภาคเครื่องกล เหมือนกับชุดสตาฟประชุมเลียร์มากเกินไป จึงถูกสั่งห้ามใส่ในช่วงประชุมเชียร์
  • อีกชุดที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคเครื่องกลคือ ชุดหมีสีน้ําเงิน ซึ่งจะใช้กันเฉพาะเด็กปี 2 ในวิชา Automotive
  • ภาคอุตสาหการมีชุดหมี สีออกสีเทา แต่ปี 2555 เปลี่ยนเป็นชุด safety ลักษณะเป็นชุดปฏิบัติการสองท่อนแขนยาว
    • ได้ข่าวว่าแมคคาก็มีแล้วด้วย เป็นสีเขียวขี้ม้า
    • ความรู้สึกที่ได้ใส่ชุดหมีครั้งแรก คือเท่มาก แต่พอนานๆไป ชักไม่อยากใส่เพราะมันร้อนมาก
    • รุ่น 49 มีีอีกวิชาที่ต้องใส่ชุดหมีคือ วิชา Professional Practice เป็นวิชาที่ว่าด้วย ความเป็น Professional !!
      • ตอนนี้ได้ข่าวว่าแลปเครื่องกล ก็ต้องใส่ ชุดหมีเรียนเหมือนกัน
  • ในอดีต เด็กอุตสาหกรรมคือเด็กที่อกหักจากการติดภาคเครื่องกล แต่ปัจจุบัน เรื่องราวเป็นในทางตรงกันข้าม
  • หนึ่งในแลปปฏิบัติการของภาคเครื่องกลชื่อ COCARE ซึ่งเป็นแลปเกี่ยวกับไฟไนท์อีลาเมนท์ แต่เด็กเครื่องกลชอบเรียกว่า โก๋แก่ และอาจารย์หัวหน้าแลปก็ถูกเรียกว่า เจ้าของโก๋แก่
  • เจ้าของโก๋แก่คนข้างต้น เคยถูกรีไทร์มาก่อน ปัจจุบัน เป็น รศ.ดร. ถ้าน้องๆเครื่องกลคนไหนมีปัญหาเรื่องการเรียน พี่แนะนํา อ ท่านนี้ ไม่ผิดหวัง
  • อาจารย์หัวหน้าภาคเครื่องกล ไม่ได้จบเครื่องกลจากบางมด แต่โดนรีไทร์จากบางมด และไปตั้งต้นใหม่ที่ฟิลิปินส์ แล้วไปต่อโท-เอกที่อเมริกา
  • อาจารย์หัวหน้าแลป FUTURE ของเครื่องกล ว่ากันว่า เป็นศาสตราจารย์ด้านเครื่องกลที่หนุ่มที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา
    • ถ้ามีลูกศิษย์เคมีในร่างกายตรงกับอาจารย์ท่านนี้ จะถือว่าเป็นลูกรักอาจารย์ แม้ว่านักศึกษาที่ได้ที่ 1 ภาคฯ แต่เคมีไม่ตรงกันจะเป็นได้แค่ลูกเมียน้อย
  • อาจารย์หัวหน้าแลป เซิน (CERL) จบรุ่นเดียวกับหัวหน้าแลป FUTURE และได้ศาสตราจารย์ในปีถัดจากอาจารย์หัวหน้าแลป FUTURE
    • หัวหน้าแลป CERL ในการสอนแต่ละวิชาของท่าน จะยกตัวอย่างของวัตถุดิบ กระบวนการทํา ที่เกี่ยวกับอาหาร มาสอนเพื่อให้นักศึกษาเห็นภาพ (ไม่รู้ว่าถ้าเกษียนจากอาจารย์ไปแล้วจะไปเป็นนักชิมหรือเชฟกระทะเหล็กหรือเปล่า)
    • อาจารย์ทั้ง 2 ท่าน เคยเป็นคู่แข่งในการสอบชิงทุนไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท-เอกที่ต่างประเทศ
  • ว่ากันว่า FIBO มีหุ่นยนต์รบไว้ในครอบครอง
  • ผอ. FIBO สามารถนั่งทางในได้ คุยกับผีได้ แต่ไม่อวดอุตริ (เท่าไร)
  • เหตุการณ์ที่สร้างความประทับใจให้กับเด็กเครื่องกลรุ่นประจําปี 2545 คือ การที่ อาจารย์ ช ซึ่งตอนนั้นกําลังดัง และชอบออกมาแผลงฤทธิ์ เอาเรื่องนักศึกษาที่แต่งกายไม่เรียบร้อย พยายามเข้าไปต่อว่า อาจารย์ ส ซึ่งเป็นเครื่องกล รุ่น 2 ว่า แต่งกายไม่เรียบร้อย แต่ถูกอาจารย์ ส พ่นบุหรี่ใส่หน้า พร้อมกับวาทะเด็ดว่า "เรื่องของกู" ตั้งแต่นั้นมา อาจารย์ ช ก็สิ้นฤทธิ์ไปเลย
  • อาจารย์ ช ข้างบน ชื่อไม่สามารถสะกดเป็นภาษาอังกฤษตรงๆได้
  • สระมรกต ฟากหน้าห้องภาคเครื่องกล มีกฎเหล็กอยู่ว่า ถ้าพลัดตกลงไป ห้ามยืน ให้ว่ายกลับเข้ามา เพราะอาจจะถูกซากขวดเหล้าแตกบาดเท้าเอาได้
  • ริมสระมรกตฝั่งวิศวะเครื่่องกลมีต้นไม้ที่มีเทพสถิตย์อยู่นามว่า เจ้าพ่อเครื่องกล เชื่อกันว่าเจ้าพ่อเครื่องกลจะคอยปกปักรักษานศ.เครื่องกลทุกคนให้แคล้วคลาดจากอันตราย กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนศ.เครื่องกลสองคนขับรถออกไปประสบอุบัติเหตุประสานงานกับรถพ่วง แล้วสามารถรอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนั้นได้ เป็นผลจากการขอพรเจ้าพ่อเครื่องกลก่อนออกเดินทาง
    • เด็กเครื่องกลรุ่น 49 จะถูกรุ่นพี่พาไปกราบไว้อย่างจริงจัง และให้เรียกชื่อต้นไม้นี้ว่า "ต้นเอ(A)" ดังนั้นเมื่อถึงเวลาสอบเด็กเครื่องกลจะมาไหว้เพื่อขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    • ความจริงแล้ว เจ้าพ่อเครื่องกลหน่ะ เป้นผลมาจากความคะนองของพี่รุ่น 41 ที่เอาผ้าแพรสามสีไปผูกเล่น
      • คนแฉจบรุ่น 42 เมื่อก่อนกินเหล้าแถวนั้นและฉี่ใส่ประจํา
  • เคยมีรุ่นพี่ท่านหนึ่งของภาคเครื่องกล จบตรีออกมาจากบางมดด้วยคะแนน 2.00 แต่ไปจบโทที่ University of New Castle, NSW, Australia ด้วยคะแนน 100%
  • 14 อรหันต์เครื่องกลรุ่น 42 คือกลุ่มเด็กเครื่องกลที่ถูกไล่ออกจากหอ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าถีบอาจารย์ ทั้งๆที่คนถีบไม่ใช่เด็กเครื่องกล
  • ในปี 2546 มีรุ่นพี่อุตสาหการสร้างตํานานอันลือลั่นด้วยการ ฉี่จากชั้น 7 ของหอในลงมาถูกหัวป้าร้านขายข้าวที่ชั้น 1 ได้อย่างแม่นยํา กล่าวกันว่า รุ่นพี่ผู้นี้ แท้จริงแล้วคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ 14 อรหันต์เครื่องกลรุ่น42
  • อาจารย์ท่านหนึ่งของภาคเครื่องกล เคยเป็นหัวหน้าห้องของ แดง ไบเลย์ อันธพาลคนดังในยุค 2499
  • ในชอปอุโมงค์ลมของเครื่องกล มีเครื่องยนต์ F-16 ของอเมริกา ซึ่งได้มาในช่วงสงครามเวียดนาม โดยอาจารย์ท่านที่เคยเป็นหัวหน้าแดงไบเลย์ (แจ่มม่ะ)
  • อาจารย์ภาคเครื่องกล รวยกันทุกคน แต่นักศึกษามักจะมีปัญหาด้านการเงินในช่วงปลายเดือนเนื่องจากเงินรั่วไหลลงขวดหมด
  • จริงๆแล้ว ตัวภาคเครื่องกลก็รวยเหมือนกัน
  • ภาคเครื่องกลมีอาคารเป็นของตัวเองเยอะที่สุดคือ 4 หลัง แต่ไม่มีสนามกีฬาเป็นของตัวเอง
    • แต่กําลังจะทุบให้หมดแล้วทําเป็นที่จอดรถ
    • เป็นสถานที่ที่ถ่ายรูปสวยที่สุด
    • ในช่วงตอนซ้อมรับปริญญาของนักศึกษาปีการศึกษา 2554 หรือปีที่รุ่น 49 จบ จะมีบัณฑิตใหม่มาถ่ายรูปสถานที่แห่งความทรงจํานี้มากที่สุดในมหาวิทยาลัย
      • งั้นสร้างสนามให้เล่นกีฬาด้วยสิเห้ย
  • อาคารเครื่องกล 1 และ 2 ก่อสร้างขึ้นมาด้วยน้ําพักน้ําแรงของรุ่นพี่รุ่นดึกของเรา (รุ่นพี่จงเจริญ)
  • หลังตึกใหม่ที่กําลังก่อสร้างเสร็จ ตึกเครื่องกล 1-3 จะถูกทุบทิ้ง
  • หน่วยที่ใช้นับปริมาณเบียร์ที่กินของเด็กเครื่องกล คือ "ลัง" กับ "หลอด" การใช้หน่วย "ขวด" และ "แก้ว" ไม่เป็นที่ยอมรับ
  • สําหรับหน่วยที่ใช้นับปริมาณเหล้านั้น หน่วย "กลม"เท่านั้นที่เป็นที่ยอมรับ
  • แสลงของเด็กเครื่องกล รุ่น 42 บางกลุ่มในการเรียกเหล้าเบียร์คือ "ของเย็น" และ "ก็อง-แก็ง" (เสียงขวดเบียร์กะทบกัน
  • เครื่องดื่มทีเด็กของเด็กเครื่องกลรุ่นที่ 42 คือ เหล้าขาวน้ําแดง ซึ่งค้นพบโดยประธานรุ่น มีรสหวานกลมกล่อม นุ่มนวล แต่เมาไม่รู้ตัว
    • ผู้เขียนลองมาแล้ว ขอบอกว่าเยี่ยม
  • เพลงเกียร์ เลยต้องห้ามของเด็กวิศวะทุกมหาวิทยาลัย ไม่มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในบางมด เนื่องจาก เชื่อกันว่าผู้จดเพลงๆนี้จะต้องมีอัน รีไทร์
  • การสอบโปรเจคของเด็กเครื่องกล แท้จริงแล้วเป็นช่วงเวลาสยองขวัญที่สุดที่เด็กๆภาคอื่นไม่เคยรู้
    • รุ่น 49 สําหรับห้องสอบ Thermo-Fluid การสอบช่วงเช้าของกลุ่มแรก ๆ ดีที่สุด เพราะอาจารย์จะยังไม่มากันทําให้โดน comment(ด่า) น้อยสุด
      • กลุ่มที่สอบใกล้ ๆ เที่ยงจะซวยสุด เพราะอาจารย์จะโมโหหิวมาก
      • ถ้ากลุ่มนักศึกษาของอาจารย์ท่านไหนโดนคําถามจุก ๆ รับรองได้ว่ากลุ่มนักศึกษาของอาจารย์ท่านนั้นจะโดนถามที่จุกกว่าแน่นอย
  • มหาวิทยาลัยพยายามผลักดันให้มีการยกเลิกการใส่เสื้อชอป แต่เสื้อชอปสามารถหาซื้อได้ที่ศูนย์หนังสือของมหาวิทยาลัย
  • อาจารย์ ว จากภาควิชาแมท (คณิตศาสตร์) เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการผลักดันให้มีการยกเลิกการใส่เสื้อชอป โดยการกดดันนักศึกษาวิศวะให้เลิกแต่งชอป แต่เด็กภาคแมทใส่ชอปมาเข้าเรียน เกือบ๑๐๐%
  • มหาวิทยาลัยมีนโยบายไม่ให้นักศึกษาดื่มเหล้าในมหาวิทยาลัย แต่มีสโมสรรังมดซึ่งเสิร์ฟเบียร์ในตอนเย็น-ดึกอยู่หน้าตึกอธิการ (แน่นอนว่าไม่ขายให้นักศึกษา)
  • สาวที่มักจะได้รับการกล่าวถึงในหมู่เด็กๆบางมด คือสาวๆจากภาค คอม, เค็มเอ็น หรือ วิศวะ เคมี และไมโคร (ไม่รู้ว่า เค็มซาย หรือวิทยา เคมี ตกสํารวจไปอยู่ไหน หรือมีนโยบายพอเพียง ไม่นําเข้า-ส่งออกคู่รักก็ไม่รู้)
    • แต่ช่วงนี้มักจะไปหาที่ ม.อื่นหมด
      • ได้ข่าวว่ามีคน......ทันตะ ด้วยเว้ยยย
        • อย่าให้รุ้นะเฟ้ยว่าใคร ตูไปคารวะมัน แม่งเมพขิงๆ
  • แท้จริงแล้ว เด็กวิศวะภาคอื่นก็มีน่ารักๆนะ ยกเว้นเครื่องกล ที่ต้องอาศัยโชคชะตาฟ้าประทาน (ได้ข่าวมาว่าเดี๋ยวนี้เริ่มปรับปรุง)
    • ไม่ใช่แค่ปรับปรุงธรรมดา ถึงขั้น เปลี่ยนเลือดกันแล้ว ต่อไปจะมีแต่สาวน่าร้ากกกกกกเรียนเครื่องกล
      • จากหน่วยข่าวกรองเทพๆ บอกว่า อาจจะเป็นอันดับหนึ่งของเฟรชชี่
  • ถึงแม้ว่าในบางรุ่น สาวเครื่องกลหน้าตาดีๆจะปรากฏ แต่พวกหน้าตาประหลาดมักจะขายออกก่อนเสมอ (ไม่เข้าใจ)
    • อันนี้ยอมรับคับ
  • หน้า ม จะมีรางรถไฟเล็กๆอยู่ ส่วนตัวรถไฟ อยู่ในจังค์ของชอปเครื่องกล 2
  • ในจังค์ของภาคเครื่องกล มีหุ่นยนต์งูของ FIBO แฝงตัวอยู่ ใครเดินเข้าไปโปรดระวัง ถ้าไม่อยากซวย ให้ทําการ บูมเพลงสีแดง เพลงของภาคก่อนเข้าไปในจังค์ทุกครั้ง เพื่อเป็นการแสดงตนว่าเป็นเด็กเครื่องกล แล้วงูจะไม่ฉก
  • ตึกใหม่เครื่องกลเปิดแล้ว แต่ทําไมตึก สาธิตบางมด(ดรุณฯ)มันดันสูงกว่าฟ่ะ
    • แถมดันเอาส้วมไปวางไว้หน้าภาคอีก แค้นอะไรภาคโผมมมม
  • หน้าตึกภาค มีทางเข้าฐานทัพลับ FIBO อยู่ แต่มักจะเปิดให้เห็นโจ่งแจ้ง (แนใจว่าใช่ฐานทัพลับน่ะ)
  • ช่วงนี้ รู้สึกว่า ภาคอื่นๆ มักมาเดินหน้าภาคบ่อยๆ (โดยเฉพาะู้ผู้หญิง)(ผู้เขียนมักจะนั่งสมาธิอยู่หน้าภาคบ่อยๆ)
    • เปล่าหรอก เค้าเพียงหาทางลัดเท่านั้นเอง
      • เค้าแค่มาส่งงาน วิชาภาคท่านนั้นแหละ
  • ได้ข่าวว่า รุ่น ..... เสื่อมขึ้นเรื่อยๆ จนสมบัติภาคเริ่มชินชาซะแล้ว (อนิจจา สังขารไม่เที่ยง)
    • แต่ก็ได้ข่าว ว่า รังสีม่วงเริ่มแผ่กระจาย
      • ได้ข่างแปลงร่างแล้วด้วยนี่เห้ย
      • รุ่น 49 มีไม่แท้ด้วยนะฮะ แต่ต้องทําเป็นเข้มในหมู่เพื่อนชาย
  • ปัจจุบันรุ่น 50 ได้ชื่อว่าเป็น รุ่น ลิง (อาจารย์เรียก) พี่ๆเรียกว่า หลินปิง
  • ขณะนี้ เนื่องจากทางภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลได้ก้าวขึ้นมาเป็นลําดับที่สามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(ที่1ของประเทศไทยด้วยหละ) ทําให้การเข้าสู่ภาควิชาเป็นไปด้วยความลําบากอย่างยิ่งยวด ทั้งกับนักเรียนที่กําลังจะเข้ามาศึกษาต่อ นักศึกษาปัจจุบัน รวมถึงท่านอาจารย์บางท่านด้วย
  • เพราะระบบรักษาความปลอดภัยอันได้มาตรฐานสากล และประตูนิรภัยรุ่นล่าสุด ซึ่งจะสามารถเปิดได้ในช่วงเวลาที่มีแสงแดดเท่านั้น รวมไปถึงหน่วยรักษาความปลอดภัยซึ่งไปรับการฝึกมาอย่างดี ด้วยทักษะการต่อสู้ที่ดุดันและน่าเกรงขามอีกทั้งยังมีทักษะการแลกบัตร
    • security ที่ได้มาทําหน้าที่ตอนปี 4 ของเด็กเครื่องกลรุ่น 49 ได้รับการฝึกพิเศษมาจากหน่วย "ปอแต๊กตึ๊ง" ซึ่งพี่แกจะใช้ดาดฟ้าของตึกเครื่องกลเป็นหอบัญชาการในการรายงานพิกัดเหตุการณ์
      • ระบบความรักษาความปลอดภัยที่กล่าวถึง ถูกนําเข้าและดูแลโดย องจารย์ ยอ
  • ทําให้ภาควิชานี้กลายเป็นภาควิชาที่เข้าถึงได้ยากมากที่สุดในมหาวิทยาลัยแห่งนี้เลยก็ว่าได้
    • แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นระบบรักษาความปลอดภัยอันได้มาตรฐานสากล ยังคงมีช่องโหว่ที่ยิ่งใหญ่มาก นั่นคือประตูที่เชื่อมอยู่กับตึก11ชั้นนั้น ไม่เคยล๊อกเลยซักชั้น และนั้นก็เป็นช่องทางที่พวกเราใช้สัญจรกันเป็นประจํา 555+
          • อยากจะบอกว่า สามารถปีนเข้าทางระเบียงตรงหน้าห้องน้ํา ด้านหน้าตึกภาค ได้ด้วย คอนเฟิร์ม!!
    • ตั้งแต่รุ่น 49 ถึง 51 พอเรียนมาถึงปี 3 จะมีการเรียนแบ่งสาย แยกเป็น 3 สายหลัก คือ Mechanic Thermal และ Control ก่อนหน้านี้จะเรียนเหมือนกันหมด
        • แล้วหลังจากรุ่น 51 ก็จะกลับไปเรียนหลักสูตรเดิม (แล้วโผล่มาได้ไง 3 รุ่น)
    • ปี 52 รถ Formula Student ของทางภาควิชา ได้เป็นตัวแทนไปแข่งญี่ปุ่น ผลปรากฎว่าได้รางวัล ที่เป็นที่หนึ่ง สําหรับทีมหน้าใหม่ 22 ของการแข่งขัน
      • เนินหลังเต่าทั่วมหาวิทยาลัย จะถอดออกได้โดยทีมฟอมูล่าเท่านั้น
    • ปี49 ได้รับการประเมิน จาก สกว ระดับดีเยี่ยม ปี53 ก็ได้อีก
    • เครื่องกลรุ่น 49 พี่โจ๊ก พี่กอล์ฟ ได้ไปทดลองที่ระบบจําลองสภาวะไร้น้ําหนักที่ JAXA ที่ญี่ปุ่น
    • ในปี53 เปิดภาควิชาใหม่ชื่อ เครื่องกรน พลังงาน เศรษศาตร์ และสิ่งแวดล้อม แต่เรียกว่า ภาคพลัง
    • มีรุ่นพี่รุ่นหนึ่ง ถูกไล่ออกจากหอในข้อหา ฉี่ลงมาจากชั้นบน และพบว่า มีการทํายาดองในหอในอีกด้วย อีกคนดองเสือ อีกคนดองรากไม้
    • ผู้ที่ถูกเรียกเป็นมหาพญาเกย์ ME 50 คือ พฤกษ์ และผู้ที่เป็นเมียพญาเกย์ คือ อ้อ
    • รุ่น50 มีแชมป์ rubik ปิดตาประเทศไทย ชื่อ บิณฑ์
    • Lab วัสดุในปีสอง ที่โหดสุดคือ ไมโครสตักเจอร์ หรือโครงสร้างทางจุลภาค ที่ต้องขัดเหล็นด้วยกระดาษทรายหลายเบอร์ กว่าจะกัดกรดออกมาเห็นเกรน
    • มีตติ้งมีรุ่นพี่เมา สระน้ําตรงนั้นเขาบอกว่าห้ามเล่น ตอนนั้นเป็นเวลาตีสี่ หนาวสุดๆ พี่กระโดดลงไปว่ายน้ําอย่างสบายใจ ไม่รู้สึกอะไร สุโค่ย
        • รุ่นพี่คนนั้นตอนที่กระโดดได้สร้างวีรกรรมให้กับสระน้ําและตัวเอง รวมถึงสร้างบันทึกหน้าใหม่ให้ประวัติศาสตร์เครื่องกรน โดยการเสียสละฟันหน้า 2 ซี่ให้กับการมีทติ้ง เป็นของขวัญให้กับน้องๆรุ่น 51 แถมวันนั้นยังมีการแสดงโดดร่ม ลงสระน้ําอีกด้วย
    • มีอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าว่า สมัยผมใส่เกงเลเข้าเรียน กินเหล้าวันเว้นวัน แต่เกรดไม่ต่ํากว่าบี
    • มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยบ่นเรื่อง ความขยันของ นศ. สมัยนี้ โดย แนะนําให้ นศ. นอนตี 1 ตื่นตี 2 เพื่อมาอ่านหนังสือ
    • ในภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล มีปรมาจารย์ท่านนึง ที่ช่ําชองในเรื่องศาสตร์แห่งการสร้างปั๊ม (King Of Pump) ดังนั้นควรตั้งใจเรียนในวิชานี้(กลศาสตร์ของไหล fluid mechanics)
    • อาจารย์ King of Pump จะให้นามวิศวกรทั้งหมดว่า "วิศวกรขี้หมา"
  • มีจอมขมังเวทย์อยู่ภาควิชาเป็นนักศึกษา การทํานายดวงปากหมาราวเซอร์บิรุสกลับชาติมาเกิด แม่นยิ่งกว่าเบ็คแฮมเปิด แถมยัง"ฟรี"อีกตะหาก
    • ถ้าใครเจอแล้วช่วยบอกหน่อยอยากไปดูมั่งอ่ะ
  • รุ่น49 โทรไปขอเกรด F วิชาโปรเจค 1 กับอาจารย์มาแล้วเพื่อที่จะเปลี่ยนที่ปรึกษาใหม่ และคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นแรกและกลุ่มแรกของมหาวิทยาลัยที่ติด F วิชาโปรเจค 1
    • ถ้าผ่านอาจารย์ท่านนี้มาได้ โดยจบพร้อมเพื่อนรุ่นเดียวกันถือว่า นักศึกษากลุ่มนั้นสามารถรับปริญญาโทควบไปได้เลย และจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเนื้อหาโปรเจคจบสุด ๆ
    • ไม่ใช่เพราะเด็กห่วยหรือไรความสามรถ แต่บางอย่างมันไม่ไหวจริงๆ
  • ลิฟท์ ที่ตึกภาคเครื่องกล สามารถบอกสถานะการทํางานของตัวเองได้ ถ้วมันขึ้นว่า "JU" แสดงว่ามัน "เจ๊งอยู่"
    • และลิฟท์นี้สามารถแสดงความรู้สึกต่อผู้โดยสารได้ โดยมันจะปิดประตูตัวเองแรง ๆ ใส่ ซึ่งบ่งบอกว่าอย่ากดประตูรอคนนาน
  • ใครที่จะยืมของห้องสโตรว์ แล้วขวัญอ่อนห้ามเข้า เพราะเมื่อเข้าไปจะพบงู(ปลอม)วางอยู่บนเครื่องคอมพ์
  • สวรรค์ของคนที่ถ่ายหนัก ถ่ายเบา คือห้องน้ําตึกเครื่องกล สะอาดและไร้กลิ่น ซึ่งดีกว่าห้องน้ําตึกอธิการสะอีก
    • ข้อควรระวัง!! เวลาที่ฉีดก้นควรทดสอบโดยฉีดน้ําลงพื้นก่อน และปรับแรงดันให้เหมาะกับรูก้นท่าน เพราะถ้ามันถูกเปิดสุดท่านจะได้รับความรู้สึกเดียวกับการขุดทอง หรือถ้าท่านมีเม็ดริดสีอยู่อาจจะโดนแรงดันน้ําอัดหลุดไปได้
  • ค่ายที่ปี 1 ทุกคนควรจะไป เพราะจะทําให้รู้จักอาจารย์ รุ่นพี่ เพื่อน และได้ไปศึกษาการทํางานในโรงงานต่าง ๆ คือ ค่ายพัฒนาศักยภาพ (Meeting) ... ชื่อโครงการภาษาไทยอาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี
    • ซึ่งต้องเตรียมตัวไปดี ๆ พอสมควร เพราะถ้าท่านกลับมาที่มหาวิทยาลัย ท่านอาจจะถูกเรียกชื่อใหม่ยันลูกบวชเลยทีเดียว

วิศวกรรมเค(ย)มี[แก้ไข ]

  • ช็อบของภาคนี้มีสีน้ําตาล สามารถแยกแยะชั้นปีได้ด้วยความซีดของช็อบ
  • ภาควิศวกรรมเค(ย)มี มีตึกเป็นของตัวเอง แต่นักศึกษาปี1 แทบไม่เคยได้เรียนในตึกภาคตัวเองเลย
  • ทั้งตึกมีห้องเรียนทั้งหมด 3 ห้อง โอ้ว ไม่รู้เรียนกันไปได้ไงทั้ง4ชั้นปี ไม่นับรวม ป. โท
  • เป็นภาควิชาที่ มีแอร์เก่าแก่ที่สุด และไม่เคยล้างคอมเพสเซอร์เลย สังเกตได้จากปริมาณ ฝุ่นที่เกาะ คาดว่าหากล้า้่งฝุ่นที่คอมเพสเซอร์จะทําให้ค่าไปของภาควิชาลดลง45%
  • แต่หากละลายน้ําแข็งจากตู้เย็น และตู้แช่ต่างๆ จะทําให้สามารถประหยัดไฟได้รวมๆ90% เลยทีเดียว
  • มีประตูลึกลับ3/4 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ทางเดินออกด้านหลัง ใกล้ห้องน้ําชั้น1 คาดว่าเป็นประตูที่นําลงไปสู่ห้องเรียนในคุกใต้ดิน ของ ศาสตราจารย์สเนป ได้
  • ตึกของภาควิศวกรรมเคมี ตรงกลางจะเป็นลานกว้าง หลังคาเปิด (ไม่มีหลังคา) เนื่องจากว่า ตอกเสาเข็มตรงนั้นไม่ได้ ตอกลงไปทีไร ก็จะมีพลังลึกลับ ดันให้มันหลุดทุกที
  • อาจารย์ที่นักศึกษารักที่สุดมีชื่อที่นักศึกษาเรียกเป็นโค้ดลับว่าอาจารย์โนบิตะซึ่งสอนอยู่ชั้นปี 2
  • อาจารย์ที่นักศึกษารู้สึกหวาดกลัวที่สุดเมื่อเข้าคลาสกลับมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับอดีตนายกท่านหนึ่งซึ่งสอนอยู่ปี 2 เช่นกัน
  • มีข่าวลือล่าสุดว่าอาจารย์ท่านนี้จะตามนักศึกษาไปสอนในชั้นปี 4 อีกด้วย
  • ถนนหน้าภาควิชาเป็นถนนที่มีการทุบแล้วทําใหม่บ่อยที่สุดในมหาลัย
  • ในภาควิชาแบ่งเป็นหลักสูตรปกติและหลักสูตรสองภาษา แต่ในปี53 มีข่าวว่า จะ มีหลักสูตรนานาชาิติ แทน 2 ภาษา ว้าววว
  • เพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของภาควิชาคือเพลงวิญญาณ
  • ที่มาของเพลงวิญญาณนั้นยังไม่แน่ชัดน้อยคนนักที่จะรู้(รวมทั้งผู้โพสก็ไม่รู้)
  • ปัจจุบันหน้าตาของ นศ.หญิงกําลังตกต่ําลงอย่างรุนแรงตั้งแต่รุ่น34 ขอยืยยัน
  • ผู้ชายเค็มเอ็น คือสมบัติภาค คล้ายๆกับเครื่องกรน ที่ผู้หญิงคือสมบัติภาค
  • ผู้ชายในภาคนี้มักจะถูกผู้หญิงกร่นด่าอยู่เสมอว่า"ผู้ชายเค็มเอ็น!!"
  • "โหย..ผู้ชายเค็มเอ็น" เป็นคําที่ผู้หญิงเค็มเอ็นใช้บ่อยที่สุด ตอนที่ถูกแย่งขึ้นลิฟท์
  • แต่จะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ กับสาว(สวยๆ)ภาคอื่น
  • ผู้ชายเค็มเอ็น= ผู้ชายที่ไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างรับใช้ ให้บริการแก่ผู้หญิงเค็มเอ็นทั้งหลาย จึงมักจะถูกด่าและถูกเปรียบเทียบกับชายภาคเครื่องกล
      • ผู้ชายเค็มเอ็น คือ ผู้ชายที่มีความเป็นสุภาพบุรุษ มีความเสียสละ มีน้ําใจ ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นบุคคลที่มีความพร้อมที่จะเป็น พ่อที่ดีของลูกได้
 โดย มิสเค็มเอ็น ปี 2553 งานกีฬาสี *** ปัจจุบัน หล่อนหายไปไหนแล้วไม่รู้ = ="
  • ผู้หญิงเค็มเอ็น = ผู้หญิงที่ต้องการความสะดวกสบายจากผู้ชาย ตามทฤษฎีของมาสโลว์ ว่า มนุษย์มีความต้องการไม่สิ้นสุด
  • ว่ากันว่า ภาคนี้มีพวก ตุ๊ด เกย์ เยอะ แต่ความเป็นจริง มีไม่ถึง 15 เปอร์เซนต์
  • ผู้หญิงภาคนี้สวยเป็นตํานานของ มหาลัย ซึ่งปัจจุบัน มันกลายเป็นเพียงแค่ ตํานานนนนนน!!!
  • ภาคเค็มเอ็น เป็นภาคที่มีลีดส์มหาลัย รวมอยู่เยอะที่สุด
  • เป็นภาคที่เด็กทํากิจกรรมเยอะสุด จากการสํารวจ
  • เป็นภาคที่มีเด็กเรียนมากพอๆกับเด็กทํากิจกรรม
  • เป็นภาค ที่คอยดึงมีนขึ้น เวลาตัดเกรด
  • จึงเป็นสาเหตุที่มีหลายๆคนไม่พอใจ
  • วิชาที่น่ากลัวของเด็กปี1 คือ ฟิสิกคัลเค็ม !!!!! แต่ ปี 52 เค้าเปลี่ยนหลักสูตรไปแล้ว โชคดี นะครับ น้องๆ
  • วิชาที่น่าขนลุกของเด็กปี2คือ เทอร์โม2 !!!!!!!!!!!
  • ว่ากันว่า ปี2 เทอม1 เป็นเทอมที่หนักสุด รึเปล่า?
  • วิชา Unit จัดเป็นวิชาที่ทุกคนได้ยินชื่อแล้วร้อง อ๋อ!! แล้วบอกต่อว่า open book เพื่อ...

Process dynamic and control เป็นวิชาที่ น่าเรียนที่สุด สุดๆ แล้วจริงๆ ของภาควิชานี้

  • Strength เป็นวิชาที่อยากรู้ว่าเรียนไปทําไม? อิจฉาน้องๆรุ่น 36 ลงไปจริงๆที่ไม่ต้องพบเจอมัน
  • ว่ากันด้วยรุ่นที่36 เป็นปีแรกในรอบ หลายๆปี ที่ฝนไม่ตก ในขณะทําพิธีร้องเพลง วิญญาณ
  • ณ ปัจจุบัน เพลง"วิญณาณ" ได้ถูกขับร้องอย่างถูกต้องตามเดิมแล้ว ขอขอบคุณ รุ่นพี่ทุกชั้นปี
  • ไม่รู้เป็นปีแรกหรือป่าว ที่ทํา เอกลักษณ์รุ่น เป็น บูม
  • รุ่น36 เป็น นศ. ปี1 รุ่นแรกในรอบสิบปีที่ผ่านมาที่ได้เรียนในห้องเรียนของภาควิชาตั้งแต่อยู่ปี1
  • ผู้ชายส่วนใหญ่หน้าตาดีด้วยเช่นกัน หลังจากที่รุ่น 32 สร้างชื่อมาแล้วครั้งหนึ่ง
  • ถึงกระนั้น พระเจ้าก็ไม่ทรงลําเอียง มอบสาวๆน่ารักมาให้ผู้ชายในภาควิชาวิศวกรรมเคมีได้เชยชมเพียงภาคเดียว
  • แต่หนุ่มๆ และ สาวๆ ในภาคก็มิได้มี อะไรมากกันไปเกินกว่าเพื่อน เลยเพราะอะไร ?
  • อันเนื่องจากว่าผู้ชายในภาค ถ้านับเพศตามกฎหมายแล้วมี ประมาณ80 คน
  • แต่ถ้าพิจารณาจากเพศสภาพ อาจจะมีเหลืออยู่เพียงครึ่ง!!! และในจํานวนเหล่านั้น ผู้ชายหน้าตาดีมีเหลือเพียงน้อยนิด ย้ําว่า "น้อยนิด"
  • ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหากคุณได้ยินคําว่า "เค็มเอ็นมีเพศเดียว"
  • รู้ๆกันในภาคว่า ผู้หญิงเค็มเอ็น ---> อึด ถึก และบีกบึน ส่วนผู้ชายนั้น ---> สวย และ รวยมากก
  • ดังนั้นคําว่า "ผู้ชายเค็มเอ็น" จึงมีความหมายเป็นนัยๆ เพิ่มมาอีก 1 ความหมาย ในปีนี้นี่เอง
  • หาก เห เรียกเก็บตัง แต่ว่าคุณไม่มี ตังพอที่จะจ่ายแล้วละก็ เป็นที่รู้กันว่า หายนะกําลังมาเยือน
  • เป็นปีแรกที่ไปใช้ ลานไฟ ใต้ CB4 เลยทําให้ เด็กภาคไฟปี 1 โดนด่า
  • บางทีตอนนี้ก้อไม่มีคอมเพรสเซอร์ที่ห้องภาคให้ล้างแล้วว
  • วิชา Intro มีชื่อเต็มๆว่า Introduction to Chemical Engineering
  • จิงๆ ภาคไฟโดนด่าทุกครั้งที่มีภาคอื่นมาใช้ลานไฟ
  • เค็มเอ็น 36 เป็นรุ่นที่ในรอบหลายปีที่ชนะพานไหว้ครู แทนที่จะเป็น ครุฯ ----------> ปกติ วิศวะ ไม่ค่อยมีใครได้
      • Update 4 ก.ย. 52
  • วิชา unit 1 ในแต่ละปี ด้วยความที่ว่าตื่นเต้น ไม่ค่อยจะได้ open กันตอนปี 2 เทอมสอง ทําให้นศ.ส่วนใหญ่ขนบ้านเข้าไปสอบ พอสอบเสร็จแล้วเพิ่งจะรู้ตัวว่าจะขนเข้าไปทําไม
  • แต่กลายเป็นว่า unit 3 เอาเข้าไปได้แต่ text เพียวๆ
  • วิชา CPI เป็นวิชาที่ นศ.หลายคนใฝ่ฝัน เพราะว่าจะได้ไปดูงานและชิม(มั่นใจนะว่าชิม) เบียร์ที่plantผลิตเบียร์ยี่ห้อหนึ่ง
  • ประโยค เด็ด ของ อ.ว ผู้สอนCPI คือ คุณท่องไปแล้วคุณจะได้อารายยยยยยยยยย
  • Reactor เป็นวิชาที่หน่วยกิจมากที่สุดในภาค เพราะมีถึง 4 หน่วย!!! แม่เจ้าเรียนกันให้ตายไปเลยดีกว่า
  • วิชา แลป ของเค็มเอ็น ตามหลักสูตร ที่ลงทะเบียนคือ 1 หน่วย แต่ เวลาที่หมดไปกับวิชานี้ เทียบได้กับ 10 หน่วย
  • ว่ากันว่า มีทติ้ง เค็มเอ็นปี 51 เป็นปีที่จ่ายเงินแพงมหาศาล จนสามารถซื้อบ้านได้เลยทีเดียว แต่สิ่งที่ได้มานั่น สุดยอดมาก T T
  • กิจกรรม หลักของมีตติ้ง ที่ทุกคนคาดหวังคือ เหล้า เหล้า และ เหล้า
  • มีข่าวลือว่า ภาควิชาวิศวกรรมเคมี มีสมาคมลับชื่อว่าสภาสูง**** โดยสมาชิกและจุดมุ่งหมายของสมาคม ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด

วิดยาสาด(จุ้นชีวาสวิทยา และ การอาแหน)[แก้ไข ]

  • อาจารย์สามท่านได้แก่ อาจารย์ ช. อาจารย์ ต. และอาจารย์ พ.เป็นที่กล่าวขานในกิตติศัพท์เลื่องลือ
  • ได้ชื่อว่า Powerpuff ไม่รู้ใคร Blossom หรือ Bubble แต่ Buttercup อาจารย์ ช. ชัวร์ โหดชิบเป๋ง
  • อาจารย์ ป. โดดสอนตลอด บางทีก็ให้นักศึกษาป.โทเข้าคุมแทน แล้วตัวเองก็หายตัว หลายแหล่งข่าวบอกว่า ไปรับงานนอก
  • ชั้นหกตึกภาคเป็นที่ซ่องสุมกําลังของพวกเด็กปีสี่ ดึกๆจะได้ยินเสียงโหยหวนชวนหลอน เป็นระยะๆ เนื่องจากโปรเจคต์เป็นพิษ

รายวิชาปีสอง[แก้ไข ]

  • Organix Kemisty - บางคนปีห้าแล้วยังไม่ผ่าน รอเรียนอีกทีปีหก

รายวิชาปีสาม[แก้ไข ]

  • Diff. Equation - บางคนปีหกแล้วยังไม่ผ่าน เห็นว่ามีซัมเมอร์
  • By-O-chem - ท่องพาธเวย์ ให้หัวแตก
  • เ็ย็นเนติ้ก - วิชาสุดโหด เรียนไป จะรู้สึกแทบอยากจะกดไพรเมอร์(ตั้งเวลาระเบิด)บึ้มคลาสให้รู้แล้วรู้รอด

รายวิชาปีสี่[แก้ไข ]

  • วายร้ายโลจี้ - เป็นวิชาพื้นฐานเกี่ยวกับไวรัส แต่หลักสูตร คือสอนปีสี่เทอมสอง!
  • Bacteria Physiology - เนื้อหาหลักสูตรในมหาลัยชั้นนําเลยแม่แต่นิด ีแต่ท่องพาธเวย์ให้หัวแตก (อีกครั้ง)

ถาปัด(บางขุนเทียน)[แก้ไข ]

  • คณะบดีคนแรกของคณะ ปัจจุบันคือ อธิการบดี ของมหาวิทยาลัย
    • พูดให้ถูกคือ "รักษาการคณะบดี" เป็นเวลา 12 ปี
  • ลูกสาวของคณะบดีคนแรก เคยเรียนที่คณะ (แป๊บเดียว) ,บอกทําไม
  • เดิม คณะสถาปัตใช้ตึกเดียวกันกับคณะวิศวะ ต่อมาจึงได้ย้ายออกมาบางขุนเทียน
  • ชื่อภาษาอังกฤษคือ School of Architecture and Design เขียนย่อว่า SoA+D
  • ที่บางขุนเทียนมี ป.ตรี คณะเดียว คือ คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ (อินเตอร์ แต่อยู่ในที่กันดารมาหลายปี<--เค้าพัตตนาแล้ว)
  • คณะถาปัดแบ่งออกเป็น 4 ภาค คือ Architecture ,Interior Architecture ,Industrial Design และ Communication Design เรียกสั้นๆว่า เต็ก ,อินท์ ,ไอดี และ คอมเดส
    • เรียกให้ถูกคือ "สาขาวิชา"
  • ซับไทย เต็ค-สาขาสถาปัต,อิน-ออกแบบภายใน,ไอดี-ศิลปะอุตสาหกรรม(<--ออกแบบอุตสาหกรรมแล้วนังเด๋อ),คอมเดส-นิเทศน์ศิลป์
  • กวาง เอบีนอร์มอล เรียนมาแล้วทุกภาค และจบออกไปด้วยภาค คอมเดส
  • มีทุกอย่างครบอยู่ในตึกของตัวเอง --- ห้องเรียน, สตูดิโอ, ห้องคอม, ห้องพรีเซนท์, auditorium, jury hall, Gallery, ห้องสมุด, ช็อป, ห้องถ่ายรูป, ห้องอาบน้ํา, ห้องพักอาจารย์, ร้านอาหาร, ร้านขนม ,ร้านเครื่องเขียน, คอร์ดกลางตึก ฯลฯ
  • ซึ่งมีน้อยคนที่รู้ว่า ถาปัดบางมดมีภาค ภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว (ไม่มีภาคไทยน้อ)
  • และมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่า บางมดมีคณะถาปัดด้วย!?! (เค้ารู้กันแล้ว อย่าติดภาพเดิมๆ)
  • เป็นเพียงคณะเดียวที่ ไม่ได้มีส่วนร่วมกับคณะอื่นในมหาวิทยาลัยสักเท่าไหร่ (ไม่รู้หรือเปล่า ถึงมาเขียนแบบนี้ มีแต่เค้าไม่บอกหรือเปล่า..ขออภัย)
  • ร้านข้าวที่อร่อยที่สุดที่ร้านป้าเตี้ย แต่คนที่กินได้ต้องมีฐานะนิดนึง เนื่องจากไม่มีใครคิดจะเดินไปกินตอนกลางวัน (เพราะร้านไม่ได้อยู่ในเขตของมหาลัยและไกลจากตึกของเราด้วย)<---รถมีกันถ้วนหน้า อย่าหวงน้ํามัน เพื่อนก็มีติดรถไปได้
  • ร้านที่เลว ที่สุดคือร้านบังขาว กินข้าวแถม"สร้อย..."
  • ร้านอาหารทะเลต่างๆระหว่างทางเข้าบางขุนเทียน นักศึกษาคณะนี้ไม่เคยกิน (ขอโทษ..จนอย่าสะเออะไฮโซ)
  • มีร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนและทุกอย่างในคณะ ชื่อร้าน เฮียสะกิต
  • เฮียเจ้าของร้าน ไม่ได้ชื่อนี้ ชื่อ สะกิตนี้เป็นชื่อของน้องชายเฮียที่เรียนคณะนี้
  • ที่บางมดก้อมีร้านนี้ตั้งอยู่เช่นกัน
  • ปัจจุบัน การปริ้นขนาดA2-A0 อยู่ในการดูแลของร้านเฮีย
  • หอใน มีร้านค้าขาย 24 ชั่วโมง เจ้าของร้านที่เป็นผู้หญิง สวย และนมใหญ่มาก แถมแต่งตัวโป๊ๆด้วย
  • เดิมร้านนั้นเป็นการลงทุนของ อ.ก กะ เฮีย สะกิต โดยให้ นศ เป็นแคชเชียร์ และแน่นอน...."แปะได้"
  • ปัจจุบัน ก็ยังได้ตังคืนไม่ครบ
  • หมาในรุ่นบุกเบิกบางขุนเทียนมีชื่อ ไอ้เม้ง และไข่เปียก เพียง 2 ตัว
    • ไอ้เปียก คือ หมาตัวผู้ ที่มีสัญชาติญาณการเอาตัวรอด สูงมากก เป็นสุนัขที่ขนสวยเงางามเสมอ ไม่ใช้จากการอาบน้ํา แต่ จากการที่ทุกคน เอามือมาลูบมันทุกวันจนสะอาดเงานงาม
    • ไอ้เปียก มีของกินตลอดวัน ในเวลากลางวัน โดยการ เฝ้าโต๊ะที่มีคนทานอาหาร แต่ถ้ายังไม่ได้ มันจะเอาขาหน้าของมันสะกิดที่ ขาของคนทานอาหารอยู่ แต่ถ้ายังไม่ได้อีก มันจะเอาหน้าของมัน มาเกย ที่ขา แล้วทําน้ําลายหกใส่ จนได้ของกิน จนได้
    • ในเวลากลางคืน ไอ้เปียก สามารถหาที่นอนที่เย็นและดีที่สุดในตึกได้...เพราะมันสามารถขึ้น-ลงลิฟท์ตัวเดียวได้โดยที่ไม่ต้องมีคนช่วย และสามารถหาสตูดิโอที่เปิดแอร์ได้ แล้วหาวิธีเข้าไปนอนจนได้ โดยบางที่คนใน สตูไม่รู้ตัว
  • ปัจจุบันมีนับสิบตัว และมี อ.จ เป็นผู้ ในการอนุเคราะห์(สาธุ)
  • ห้องคอมของคณะ อยู่อีกตึกนึง ข้างๆ เป็นตึกร้างมาก่อน เนื่องจาก ไอที ไม่ยอมย้ายมาเรียนที่ตึกนี้ มัลติก็ไม่มา วิดวะ อินเตอร์ก็ไม่มาอีก
  • แต่ตอนนี้ คณะเทคโนโลยีมีเดียและศิลป์ยุกต์มาเรียนแล้ว แถมมีเด็ก รร.ดรุณศิกขาลัย มาอีก
  • ห้องคอมมักจะมีคอมใหม่เสมอๆ แต่ได้ใช้ไม่ค่อยเสมอ เนื่องจากพังเร็วเป็นที่สุด
  • ช่วง final present ห้องคอมมักจะเหมือนตลาดสด
  • และปริ้นเตอร์มักจะเสียวันนั้นพอดี
  • ทุกคนมีเครดิต (แต่บางคนก็ไม่เคยใช้เลย)หมายถึงเครดิต ในการปริ้นครับ
    • เมื่อก่อน นศ.ที่ทําตีสิสจะมีสิทธิ์ปริ๊นฟรี เพิ่งยกเลิกปีที่แล้ว T^T (ปีการศึกษา 2551)
  • รถที่ไปบางขุนเทียนมักจะมีสีส้มใต้ท้องรถเกือบทุกคน (สีสนิม)
  • ก่อนหน้านี้ถ้าไอ้พวกเด็กใหม่ยังไม่มา มันมีรถติดพัดลมด้วย คลาสสิกกว่าเยอะ!
  • 190 หน่วยกิต คือการเก็บหน่วยกิตสูงสุด ของคนที่เรียนจบ และ คนคนนั้น ติด 12ตัว แต่เค้าสามารถจบได้ภายใน 5ปี (เยสสสสสสส เข้)
  • สถิติสูงสุดคือ เรียน 9 ปีจบ
  • แต่คนที่เรียน 10 ปี ไม่รู้จบยัง
  • ที่แน่ๆ ไม่จบแต่ไปทํางานแล้วก็มี
  • Studio คือห้องอเนกประสงค์ (กิน, นอน, ทํางาน, lecture, เก็บของ, ทําอาหาร, กินเหล้า, สูบบุหรี่, present งาน, รวมร่าง)
  • Studio มีทุกสิ่งอย่างที่ต้องการใช้ในชีวิตประจําวัน
  • ปีที่แล้วเกิดกระแสฮิตนอนเตนท์ในสตูฯ แทนการนอนสะเปะสะปะ หรือมีแค่ถุงนอนเหมือนแต่ก่อน (เริ่มที่สตูตีสิส)
  • Thesis โปรเจคจบที่ต้องทําคนเดียว และดูดพลังชีวิต ไม่เข้าใจวาจะให้ทําอะไรนักหนา present ทีอาจารย์ เกือบ 20 คน รวม guest committee
  • Thesis จึงจําเป็นต้องมีกําลังเสริมที่เพียบพร้อม ใครทําบุญมาดี ช่วยน้อง หรือทํากิจกรรมเยอะ ก็จะมีน้องๆ เป็นลูกมือ
    • บางคนมีมีใครช่วยเลย
  • บางคนติด I ตีสิส 2 รอบเพราะแอดไวเซอร์เขี้ยวมาก ทั้งๆ ที่งานดีกว่าบางคนที่ผ่านเสียอีก (ดีกว่าเยอะด้วย)
  • - แต่สถาปนิกที่ดี ก็ควรจะแก้ปัญหาให้ได้ด้วยตัวเอง เพราะมันเป็นงานของตัวเอง ให้คนอื่นมาช่วย จะแบ่งเกรดเค้าหรือไง อย่าให้มันเป็นนิสัยมากไป
  • ตีปิงปอง / เล่นไพ่ เป็นกิจกรรมกลุ่มที่ฮิตที่สุกในสตูฯ ตีสิส
    • มีการจัดสายการแข่งแบบ (เกือบ) จริงจัง
  • มักจะได้ยินเสียงกรีดร้องจากเด็กในคณะอยู่เสมอ โอยเฉพาะหลังพรีเซนท์
  • เนื่องจากมีวิทยาเขตที่อื่นอีก บางวัน เรียนมัน 3 ที่ บางมด-บางขุนเทียน-ฺBangkokCode ยังไม่พอ ตอนเย็นคุยงานร้านเบล์ต่ออีก
  • เวลาลงทะเบียนก็เหมือนกัน โดยเฉพาะวิชาที่ต้องลงด้วยมือ วันเดียวลงทะเบียนไม่เสร็จ
  • ได้ข่าวมาว่าคณะจะเปิดตึกใหม่อีก โอ่วแม่เจ้า จะบ้าตาย
  • เด็กถาปัดส่วนใหญ่หาตัวได้ตาม บ้านสวนธน - เอราวัณ
    • แต่ส่วนที่เหลือก็มักจะอยู่นอนที่คณะ
  • เด็กที่พักบ้านสวนธน มักจะโดนต่อว่าเรื่องเอะอะเสียงดัง.. ทั้งๆ ที่บางทีก็ไม่มีใครอยู่ที่ห้อง
  • ถนน 10 เลนที่กําลังสร้างคือความหวังใหม่ของเด็ก ถาปัด
  • กลางคืน จะเจอ ยุงยักษ์
  • กลางวัน จะเจอ แมลงวันยักษ์
  • ตอนส่งงาน จะเจอ ...ยักษ์ (เหอะๆ)
  • ดาดฟ้าชั้น 7เป็นสถานที่ อบสมุนไพร(อิอิ)
    • ชอบซอกหลังห้องน้ําชั้นห้ามากกว่า
  • ดูดบุหรี่ไปคุยงานไปกับอาจารย์ได้(เฉพาะคนที่เค้าดูดน่ะ)
  • กินเบียร์ไปตรวจงานไปก็ได้ ถ้านัดอาจารย์ข้างนอก
  • เนื่องจากที่ไม่พอ ยังทําดาดฟ้นชั้น 8 เป็นห้องเรียน open air (อย่า งง? ที่ตึกมีดาดฟ้าสองชั้น)
  • และปัจจุบัน ก็กลายเป็นห้องเรียนของปีหนึ่งไปแล้ว
  • ลายรอบตึก ไบโอ ที่อยู่ข้างๆ ไม่ใช่เกิดจากเด็กมือบอนไปทํา แต่เกิดจากเชื้อราที่หลุดออกมาจากตึก
  • สตูฯ สีเขียวเกิดขึ้นเพราะปัญหานี้ โดยนศ. พยายามจะลอกสีเก่า ทากันชื้น และเปลี่ยนสีเพื่อความสนุกสนาน แต่ก็ขึ้นราเหมือนเดิม
  • ตึกสถาปัตยกรรมสามารถ มองเห็นสะพานแขวนได้ ถ้ามองจากดาดฟ้า
  • วันที่อากาศดีก็มองเห็นทะเลเหมือนกัน
  • กุ้งที่ข้างมหาลัยถูกมาก (เคยซื้อกุ้ง 2โล 80บาท กินกัน ผู้ชาย6คน กินกันไม่หมด)
  • ปิ้ง ย่าง คือ ศัพท์ ปาร์ตี้ ชั้น 7
    • บางทีก็ชั้นสองหลังห้องสโมฯ
  • ที่ตึกมี Wireless Internet และแยกย่อยเป็น 3 สถานี Kmutt Wi-Fi ,SoAWNET และ KmuttLibrary แต่เอาเข้าจริงจะใช้ไม่ได้สักอัน
  • และแน่นอน นักศึกษามี notebookเป็นของตัวเองเกือบทุกคน
  • พื้นไม้กลางตึก สร้างมาเพื่อไม่ให้นักศึกษาเล่นฟุตบอลในตึก (และมีมูลค่าเกือบ 1 ล้านบาท)
  • เดิมเคยมีจั่วตราประจําคณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย
  • ปัจจุบันเก็บไปแล้ว เพราะเล่ากันว่า ไปเหมือนกับสัญลักษณ์ของบริษัทที่ล้มละลาย
  • เค้าบอกกันว่าอีก 30 ปี จะมีเมืองรอบๆวิทยาเขต แต่ตอนนี้มีนากุ้งไปก่อน
  • เค้าบอกอีกว่า 5-6ปีข้างหน้านี่ มันจะจมน้ํา
  • แปลกแต่จริง ไข่เปียก(หมาคณะ)สามารถกดลิฟต์เองได้ และสามารถรู้ด้วยว่าห้องไหนเปิดแอร์อยู่
  • ไข่เปียกมีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีกว่านศ.
  • ทุกหน้าฝนรถตู้จะงดวิ่ง รถบัสจะกลายร่างเป็นเรือแทน
  • ยามมีหน้าที่เอาหนังสติ๊กไล่ยิงหมา
  • คอมเดสเป็นภาคเดียวที่ทุกคนจะมี mac เป็นของตัวเอง
  • และยังมีแลบ mac อีก
  • ปัจจุบันเค้าก็มีกันหมด อย่าเชย...
  • แหล่งตรวจงานที่2 คือ ร้านเบลล์----ในอนาคตได้ข่าวว่าอาคารที่สร้างใหม่ด้านหลังสวนหมากอาจจะเป็นอีกที่
    • ตอนนี้มีแล้ว ชื่อร้าน colour เจ้าของคือ พี่ ป. และเป็นอาจารย์ที่คณะด้วย
  • ปัจจุบันไข่เปียกได้มีอาจารย์ผู้ใจบุญรับไปอุปการะแล้ว
  • ปัจจุบันห้องคอมยกเลิกการให้บริการปริ๊นงานขนาด A2 ขึ้นไปแล้ว เนื่องจากภาวะน้ํามันขึ้นราคา (A3ยังปริ๊นได้อยู่นะ)
  • เสื้อ Shop ของคณะมีสีส้มสะท้อนแสง
  • ID เป็นภาคเดียวที่ต้องใช้เสื้อ Shop
  • แต่ถึงยังงั้น ภาคอื่นก้อยังต้องเข้าไปใช้งานบ้างเหมือนกัน
  • ตู้ ATM ในคณะได้ลงกินเนสบุ๊คส์ โดยสามารถกินบัตรของนักศึกษาได้มากที่สุดในโลก
  • ตู้ ATM ในคณะมีระบบบํารุงรักษา โดยการรีสตาร์ทตัวเอง เมื่อสอดบัตรเข้าไป
  • ในที่สุดก็มีตู้ ATM(กรุงไทย) ใหม่อีกตู้แล้ว เย่ๆ
  • หากเดินๆอยู่ แล้วเห็นลายตามตัวตึก ตัวอักษร หรือโคมระย้าแปลกๆ ห้อยลงมาจากเพดาน ไม่ต้องตกใจหรือสงสัย นั่นแหละคือโปรเจ็คต์เด็กถาปัด
  • หากเห็นมันถูกทิ้งไว้นานๆ ล่ะก็ แสดงว่าได้คะแนนไม่ดี
  • คณะยังมีหน่วยงานย่อยอยู่ที่ถนนสาธร ชื่อว่า Bangkok Code(ศูนย์ชุมชนน่าอยู่)โดยเด็กถาปัตจะเรียก โค้ด เฉยๆ
  • ลือกันว่า มีอาจารย์ชาวต่างชาติคนนึง เคยเป็นสถาปนิกอันดับ8ของโลกมาก่อน
  • ว่ากันว่า คนที่มีแฟนก่อนมาเข้าที่นี่ เป็นต้องเลิกทุกราย
  • (ไม่มีอะไร แค่อยากยืนยันว่าข้อความเมื่อกี๊ เป็นจริง T_T) "รักแท้ แพ้งานเยอะ" (ขอยืนยันด้วย เข้าปี 1 ปุ๊ป เลิกเทอม 2 เลย T-T)
    • มีบางคนที่ยังไม่มีแฟน มานานเเล้ว ฮือๆๆ
  • ว่ากันว่าอีกว่า เด็กถาปัตย์ มักได้แฟนอยู่ในคณะเดียวกัน*O*
  • เด็กผู้หญิงคณะถาปัดน่ารักและเป็นที่ต้องตาของเด็กบางมด
  • ส่วนเด็กผู้ชายมักจะถูกมองอีกแบบนึง
  • สูบบุหรี่ได้ทุกที่ในรั้วบางขุนเทียน(ยกเว้นในห้องเรียน)
  • ทั้งๆที่มีป้ายห้ามสูบแปะทั่วตึกก็ตามที
  • อาจารย์ต่างชาติผู้ชายทุกคน จะต้องถูกนักเรียนนินทาว่า "เป็นเกย์รึเปล่า"
  • สนิมสร้อยเป็นหมาที่ฟังภาษาคนรู้เรื่อง ลองไปพูดกับมันดู
  • ผิดกับไอฟลุคที่ไม่เคยฟังอะไรเลย แถมยังน้ําลายไหลไปวันๆ
  • ว่ากันว่า สามารถพบลิงเข้ามาวิ่งเล่นในคณะได้ เป็นเรื่องปกติ
  • ระหว่างเดินจากหน้าสวนธน ไปถึงเอราวัณ จะต้องเจอเด็กถาปัดเสมอ
  • เมื่อก่อน การนอนค้างสตู จะต้องเซ็นชื่อกับยามทุกวัน เหมือนกลัวเราหลบหนี - -*
  • ว่ากันว่า ชื่อนึงที่ทุกคนนึกถึงเวลามีปัญหาคือ "พี่ จ." ซึ่งว่ากันว่าทํางานยิ่งกว่าคณะบดีคนปัจจุบันเสียอีก - -*
  • ลือกันว่า มีหลายคนเคยพบผีบนตึก สามารถสอบถามประวัติผีได้ที่ร้านป้าเตี้ย (แกรู้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องตัวเอง)
  • ห้องอาบน้ําชายชั้น 5 น้ําจะท่วมหลังอาบไปได้ 1 นาทีเสมอ
  • คนที่ไปอาบน้ําชั้น 5 คนเดียวได้ในตอนดึก คือ คนเมา กับคนมีวิชาอาคม
    • เฮ้ย...เราเคยหวะ เราเคยนอนคณะคนเดียวด้วย
  • ส่วนคนปกติ มักจะสํานึกได้เสมอหลังจากไปถึงว่า กูน่าจะชวนเพื่อนมาด้วย
  • ถ้วยมาม่าและขวดเบียร์ คือขยะที่แม่บ้านต้องเก็บออกจากสตูทุกเช้า(ในขวดเบียร์มีก้นบุหรี่)
    • บ้างก็จะเป็นโออิชิเเบบขวด
  • ว่ากันว่าทุกเส้นทางที่จะเข้าถึงคณะ จะต้องผ่านโค้งกว่า 30 โค้ง ซึ่งทุกปีจะมีอุบัติเหตุ เเน่นอน...คือ รถตกทะเล
  • ว่ากันว่า รุ่น 8 เป็นรุ่นแรกที่ได้มาเรียนที่บางขุนเทียน
  • ในการสอบ ก่อนจะตอบทุกครั้ง ควรแปลโจทย์ให้ถูกก่อน
  • "พี่ ต." คือชื่อย่อของเจ้าของสถิติ ถอนได้ 33 เส้น ใน 1 ครั้ง ถอนอะไร ไปคิดเอาเอง
  • ว่ากันว่า ปัจจุบัน สถิติ ยังคงอยู่
  • "ตะวันยิ้มแฉ่ง" คือชื่อกลุ่มอาสาพัฒนาชุมชน ของคณะ ที่จะออกค่ายทุกปี
  • ว่ากันว่า คนที่เคยไปค่าย จะรู้ว่า เหล้าขาวกรุงเทพ รสนุ่มมาก
  • หลังจากกลับมาจากค่าย สิงห์อมควันจะรู้สึกว่าบุหรี่ L&M จืดขึ้นมาทันที
  • ยามมีหน้าที่จัดคิวขึ้นรถตู้ และสอบถามเวลารถออกได้
    • ส่วนคนจัดคิวรถตู้ ว่ากันว่า สติไม่ค่อยดี
  • รถตู้และรถบัสรับส่งทุกคัน ด้านล่างจะผุ แม้ด้านบนจะใหม่ก้อตาม
  • เรียนจบใน 5 ปีคือยอดคน ส่วน 6-8 ปี ถือเป็นเรื่องปกติ 9-10 ปี จัดอยู่ใน Hall of frame
  • สิ่งที่ครั้งหนึ่ง นักศึกษาเคยต้องการมากที่สุด คือ ฝักบัวฉีดก้นในห้องน้ํา และที่ฉีดก้นข้างโถส้วม
  • คลองข้างตึก มีปลาเยอะมาก ไม่เชื่อลองลงไปจับดู
  • ขวดเบียร์เปล่าก็เยอะเหมือนกัน
  • สอบติดกัน 3-4 วัน แต่จะใส่เสื้อนักศึกษาตัวเดิมในการสอบ
  • และทั้งเทอมก็ใส่แค่ตอนสอบ
    • แต่ในรุ่น 10 มีคนหนึ่งใส่มาเรียนตั้งแต่วันแรกจนเรียนจบ
  • มักจะโดนน้องปี 1 ที่ไม่ยังไม่คุ้น คิดว่าเป็นคนงานก่อสร้างหรือชาวบ้านแถวนั้น เวลาลงจากสตูไปกินข้าว
  • สามารถดูการแข่งขันเรือหางยาวได้ที่คลองด้านข้าง
  • อยู่ห่างจุดท่องเที่ยวป่าชายเลนเพียงไม่กี่กิโล สามารถไปดูทะเลได้ แต่ไม่มีหาดทราย
  • หากนั่งแท็กซี่เข้าไปคณะตอนกลางคืน แท็กซี่จะกลัว และระแวงเราตลอดทาง
  • แต่แท็กซี่หลายคันหน้าบ้านสวนธนจะถามทันทีว่าไปบางขุนเทียนมั้ย? ถ้าเห็นเราหอบของพะรุงพะรังมาเป็นหมู่คณะ
  • การเรอในที่ที่คนเยอะ ถือเป็นเรื่องปกติมาก
  • หลายคนจบจากคณะโดยที่ไม่มีคนรู้จักชื่อเล่นจริงๆ นอกจากเพื่อนที่สนิทกัน
  • เพราะหลายคน ได้ฉายาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา และถูกใช้ไปตลอด
  • แต่บางคนอาศัยตั้งชื่อกระแดะๆ ให้ตัวเองก็มี
  • ว่ากันว่า เคยมีคนอยู่คนเดียวในตึก(ไม่นับยาม) โดยนอนค้างในสตูเป็นเวลาหลายเดือนในช่วงซัมเมอร์(โว้ววววววว)
    • ซึ่งคนนั้นเคยต้องลาเรียนเพื่อไปเกณฑ์ทหาร และยังหนีค่ายมาหาเพื่อนที่สวนธน จบลงด้วยการกลับไปโดดบ่อขี้
    • นาย น. (นามสมมติ) ผู้นี้แก้เหงาด้วยการฟัง "ร่วมด้วยช่วยกัน" เผื่อจะได้ยินเสียงมนุษย์บ้าง
  • ใบดรอป จะหมดไวกว่าใบลงทะเบียน
  • หากมีปัญหาด้านการลงทะเบียน หรือดรอป เวลาติดต่อที่บางมดจะได้ยินประโยคนึงจนชิน ว่า"ถาปัดอีกแล้ว"
  • แต่คนที่พูดประโยคนั้นจะได้รับเพียง ความเงียบและหน้ามึนๆ ตอบกลับไป (ไม่รู้จะอ้างอะไร เหอออ)
  • ฟุตบอล คือ วิชาเลือกเสรี (ของผู้ชายส่วนใหญ่...ว่างเป็นเล่น)
  • หากอยู่สตูนานๆ กิจกรรมเพียงอย่างเดียวที่อยากทําคือ ออกมานั่งดูคน (บางขุนเทียนเงียบมาก)
  • ข้ออ้างแรกหากเข้าเรียนสาย "รถตู้เต็มครับ" แต่อาจารย์ก้อตัด late เหมือนเดิม
  • จากการรวมถาปัดสัมพันธ์ทั่วประเทศ หนุ่มๆถาปัดที่อื่นมักลงคะแนนโหวต ว่าถาปัดบางมดมีผู้หญิงน่ารักเยอะที่สุด
  • ผู้หญิงคณะนี้ จะสวยที่สุดตอนเห็นครั้งแรกๆ แต่ผ่านไปนานๆจะเริ่มธรรมดา เพราะเห็นจนชิน (ก้อมีกันอยู่แค่เนี้ยะ)
  • ขอบุหรี่ได้จากผู้ชายเกือบทุกคน
  • แต่หากขอไม่สําเร็จ คําตอบที่มักจะเจอ คือ ไม่มีคับ / หมดคับ / ยังไม่ได้ซื้อคับ...จะไม่พบคําว่า ผมไม่สูบคับ
 *(ถึงจะตอบว่าไม่มี แต่ผม ก็ไม่ได้สูบงับ)
  • แต่บ่อยครั้งที่ขอแล้วจะได้ยินคําว่า...เห้ย ขอได้เผื่อกูตัวนึง กูมีไฟแช็ก -*-
  • เด็กถาปัดส่วนใหญ่จะมีฐานะทางบ้านดี แต่คนทั่วไปจะมองตรงข้าม (สภาพไม่บ่งบอกว่ามีตัง)
  • พูดภาษาอังกฤษเก่ง (เฉพาะคําที่ท่องมาเพื่อพรีเซนต์งาน)555+ อันนี้ ไม่ทุกคนนะ
  • ระหว่างเรียน หากอาจารย์บอกว่า เบรค 15 นาที นักศึกษาจะเข้าใจว่า ครึ่งชั่วโมง หรือ กลับบ้านได้ เสมอ
  • ป้ายห้ามสูบบุหรี่ เปรียบเสมือนไฟเหลืองตามแยกไฟแดง (เหมือนจะห้าม แต่ไปได้)
  • จ่ายค่าหน่วยกิต1200 แต่เรียนวิชาสังคมและวิชาพละศึกษา ได้ทั้งคุณภาพและปริมาณที่เท่ากันกับนศ.ที่จ่ายหน่วยกิตละ300บาท
    • แต่ปี52 ที่ผ่านมา ปีหนึ่งจ่ายหน่วยกิตละ 2000
  • ที่บางขุนเทียนก็เหมือนเวทีแฟชั่นย่อมๆ เพราะนศ.ที่นี่ใส่ชุดไปรเวทมาเรียนได้เริ่ดกว่าคนในเมืองบางคนซะอีก
  • แต่นศ.บางคนที่เห็นว่าน่ารัก.. เป็นผู้ชาย!!
  • เรามีอาจารย์มาให้คุณได้สําผัสสําเนียงที่หลากหลาย จากทั่วทุกมุมโลก ขาดก็เพียงแต่ทวีปแอฟริกาใต้
  • ถึงจะมีเรื่องราวเกิดขึ้นระหว่างพวกเรากับคณะมากมาย เเต่พวกเราทุกคนก็รู้สึกผูกพันธ์เเละรักที่นี่มากๆ

มันส์ติมีเดีย (Chaos Making Machine)[แก้ไข ]

  • เป็นภาควิชามัลติมีเดียแห่งแรกในประเทศไทย ต่อจากนั้นมหาวิทยาลัยอื่นๆ จึงเปิดตามมาเป็นทิวแถว, ทิวเขา, ทิวทัศน์, ทิวลิป, ทิวดอร์, และทิวไผ่งามในที่สุด
  • ประจําการอยู่ชั้น 6 ของตึก CB3 วิทยาเขตบางมด
    • แต่ดันไปออกลูกเป็นภาควิชามีเดียอาตส์ และเทคโนโลยีมีเดียไว้ที่บางขุนเทียน
      • เชื่อว่า เทคโนโลยีมีเดียเป็นลูกเมียหลวง (ส่วนใหญ่ไปเรียนกะภาคพ่อที่บางมด)
        • เชือ่ว่า มีเดียอาตส์เป็นลูกเมียน้อย (โดนทิ้งให้ตากเกลืออยู่บางขุนเทียนไปเรียนบางมดแค่Eng
  • อนึ่ง ชื่อมันส์ติมีเดีย มีที่มีจากความเมามันส์ในการเรียน มันส์สมชื่อ เรียนมันทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่รู้จะเรียนไปทําไมเยอะแยะตาแป๊ะก่าย
    • อะสอง แต่บางครั้งก็เพี้ยนเป็น 'เมาติมีเดีย'
  • แล้วมันส์ติมีเดียเรียนอะไรล่ะ?
    • วาดรูป เขียนโปรแกรม ระบบคอมพิวเตอร์ วิชาเกี่ยวกับคอมไซน์ ดาต้าเบส ระบบปฎิบัติการ ฮาร์ดเเวร์ อิเล็กทรอนิกส์ ออกแบบ(บางปีในวิชานี้มีออกแบบเสื้อผ้า ทําเกมโดมิโน ทํามายากลโอ้วววว แม่เจ้า...) ถ่ายภาพ เว็บไซท์ หนัง โฆษณา สารคดี แอนิเมชั่น สต๊อปโมชั่น 3D กราฟฟิก สื่อการสอน ละคร (ปี 1 เราต้องนั่งแกะสลักหินด้วยอ่ะ แต่ละปีจะมีงานไม่เหมือนกัน)
    • สมัยก่อน ปี 2 จะมีเรียนโฟโต้ ได้เที่ยวบ่อยถึงบ่อยมากๆ แต่เงินก็ใช้มากเช่นกัน เรียนสนุกนะเที่ยวจนลืมถ่ายรูปเลย
    • และมีวิชาที่ไม่สามารถหาประโยชน์อันใดได้ในสายงานนี้ และ บลาๆๆๆได้แก่
      • แคลคูลัส ฟิสิกส์ diff equation เคมี วิชาทางด้านการศึกษา(ตระกูลEDT) เป็นต้น
        • หลักสูตรใหม่ได้ถอด equation ออกไปแล้ว น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่เราได้วิชาGENมาแทน ซึ่งนศ.แทบทุกคนจะพูดว่า"เรียนเหี้ยอะไร?"
          • และเพิ่มวิยุตคณิต(discrete math) ซึ่งเป็นวิชาที่อ.สอนเข้าใจมากเลยหน่าค๊ะ"
    • นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนอกห้องเรียนเป็นวิชาเสริมมากถึงมากที่สุด ชุมนุมกันให้วุ่นวาย (แต่ก็สนุกดี) อ้อ! ละครก็สนุก แต่ยาวเว่อร์มาก
  • อาจจะสงสัยว่ามันเรียนเข้าไปได้อย่างไร?
    • แต่ก็เรียนกันจนจบไปหลายรุ่นแล้ว
  • ถึงตอนนี้ คุณอาจจะรู้สึกว่าเด็กมัลติขยัน ซื่อสัตย์ อดทน และรักชาติยิ่งชีพ สมกับเป็นทหาร เอ๊ย! เยาวชนดีเด่นเสียนี่กระไร
    • ขอบอกว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว
    • ส่วนมากจะเรียนๆ เล่นๆ กันชิลล์ๆ ซะมากกว่า
    • งานมา ก็รอให้ตูดดําก่อน (ไฟลนก้น) แล้วค่อยลงมือ
    • ทําให้มีความสามารถพิเศษด้านความถึก ทํางานหามรุ่งหามค่ําได้สบายๆ
    • หลักฐานคือ msn ช่วงหลังเที่ยงคืน ยังออนไลน์กันอยู่เพียบ
      • อืม... อย่างน้อยมันก็อดทน ไม่ได้เข้าใจผิดไปเสียทั้งหมดนี่นา
    • เรียนๆเล่นๆ พอจะสอบ ก่อนสอบซัก1สัปดาห์ จะพบกับเด็กมัลติได้ที่ใต้หอหญิง
      • ซึ่งมีเกือบทุกชั้นปี ปี1ติวแคล-ฟิ ปี2ติวดิฟ-อิเลก-stat ปี3ติวจาว่า ปี4ติวphp ก็แล้วแต่ว่าเทอมไหนเป็นเทอมไหน
      • เด็กมัลติส่วนมากจะเก่ง ซึ่งมีฉายาว่าพวกอัจฉริยะข้ามคืน อ่านคืนเดียวก่อนสอบ
        • แล้วคะแนนสอบก็ดีเสียด้วยหล่ะ
        • วิชาไหนที่ตัดกับภาคอื่น มัลติมักได้ที่ 1 เสมอๆ
  • มัลติมีเดีย แปลตรงตัวได้ว่า "สื่อประสม"
    • เชยซะไม่มี
    • เพราะฉะนั้น เรียกมัลติมีเดียน่ะดีแล้ว
  • มัลติมีเครื่องคอมใช้เยอะมากเเถมมีเครื่อง Mac ใช้ซะด้วย ว้าวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    • แต่จะเอาไว้ใช้ถ่ายรูปเล่นซะมากกว่า
      • ลูกเล่นมันน่าตื่นตาตื่นใจมาก
        • แต่เล่นแปบเดียวมันก็เบื่อ
          • แล้วก็นั่งเล่นเกมส์
    • มีหลายคนเปิดใช้ Mac OS ไม่เป็น(ก็มันมีวินโดอยู่บางทีกดสลับไม่ทันนิ)
    • เคยเป็นห้อง Pc ขอ Mac ไป 4 ปีถึงจะมา
  • นักศึกษารุ่นปัจจุบัน (2551) มีอยู่เกือบ 500 คน แต่ภาควิชากลับมีเนื้อที่แค่ประมาณครึ่งชั้นเท่านั่น
    • ที่เหลือเป็นของคณะ ซึ่งแทบไม่มีใครมาใช้
    • บางครั้งก็ล้นออกมานั่งนอกห้อง เป็นที่อนาุุถใจแก่ผู้พบเห็น
  • มีนักศึกษาจํานวนหนึ่งบ้าส่งงานประกวดมาก
    • โดยหวังว่าจะเป็นช่วยสร้างชื่อเสียงให้แก่ภาควิชาและมหาวิทยาลัย
    • ส่วนมากมักจะได้รางวัลเมื่อทํางานเป็นทีม ฉายเดี่ยวงานไหนตกรอบงานนั้น
    • เพราะมัลติเราไปกันเป็นทีม
    • แต่ถึงชนะได้รางวัลมา(ว่ากันว่าเคยมีใบสรุปผลงานนักศึกษาของมหาวิทยาลัย เด็กมันส์ติภาคเดียวได้รางวัลเท่ากับคณะ วิศวะทั้งคณะ) ก็ไม่ค่อยจะมีใครใส่ใจเท่าไร มีแต่เสียงชื่นชมจากในภาคกันเอง
  • แม้จะมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีข่าวลือว่าจะยุบภาคอยู่ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งยันปัจจุบัน แต่ก็ยังอยู่ถึงทุกวันนี้
  • ทําให้ในปัจจุบันนี้ มีมัลติฟักตัวมาทั้งหมดถึงรุ่นที่ 16 แล้ว
      • และรุ่น 16 เป็นรุ่นที่มีเด็กหน้าตาดีเยอะมาก ?
      • ปัจจุบันมีถึงรุ่น 17 แล้ว
      • ทุกรุ่นรักกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน และคอยช่วยเหลือกันเสมอ
        • ไม่ว่าจะกิจกรรมไหนๆ ก็จะเห็นได้ว่ามีรุ่นพี่ลงมาคอยช่วยรุ่นน้อง มานั่งเฝ้า ให้ข้าว ให้ขนม รอรับกลับหลุมเสมอ
  • เด็กมัลติจะได้ใช้ห้อง Slope 600 เฉพาะช่วงปี 1 แต่ก็ไม่มีใครอยากเข้าไปใช้(sleep 600 s หมายความว่า หลับภายใน600วินาที)
    • เนื่องจากเป็นห้องที่เหมาะแก่การนอนหลับพักผ่อนเป็นอย่างมาก
    • จึงไม่เป็นที่นิยมของเด็กขยันอย่างพวกเรา
    • บางคนเตรียมหมอนและผ้าห่มมาเพื่อใช้ในห้องนี้โดยเฉพาะ
    • หลายคนกลัวใช้ไม่คุ้ม จึงได้กลับไปลงเรียนซ้ําแล้วซ้ําเล่า
  • แม้จะเรียนถ่ายภาพแค่ตัวเดียว แต่เด็กมัลติก็มีแนวโน้มที่จะถ่ายภาพสวย
    • เพราะเรียนศิลปะและการออกแบบมาด้วย
    • ช่วงรับปริญญาก็จะมีผู้มาใช้บริการเป็นจํานวนมาก
    • จัดว่าเป็นเหยื่อทดลองชั้นดี สําหรับพัฒนาฝีมือ
  • เคยมีสถานที่นั่งประจํา เรียกว่า "ใต้ภาค"
    • ซึ่งก็คือใต้ตึก CB3 ที่ตนเองเรียนอยู่นั่นเอง
    • ม้านั่งบริเวณหน้าร้านถ่ายเอกสาร เรียกได้ว่าเด็กมัลติจับจองเกือบทั้งหมด
    • ไม่ค่อยมีคนนั่งแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ กลายเป็นว่าภาคอื่นๆ มานั่งมากกว่าเสียอีก
      • ก็มีนั่งกันตอนเย็นๆ ส่วนวันอื่นถ้าจะใช้ทํากิจกรรมต้องขอสโมสรนักศึกษา และมักจะไม่ได้ก็เลยไม่นั่ง
        • ปัจจุบัน ก็ยังพยายามมานั่งกันอยู่เกลื่อนกลาดและไม่ขอสโมแล้ว อยากนั่งก็นั่งเลย
  • เคยมีอาจารย์ลึกลับในตํานาน ส่งตรงจากอินเดียมาสอนเขียนโปรแกรมอยู่หนึ่งคาบถ้วน
    • แต่นักศึกษาเข้าใจว่ามาสอนภาษาอังกฤษสําเนียงอินเดีย
    • จึงไม่มีใครได้ความรู้อะไรสักเท่าไร นอกจากกระดกลิ้นเก่งขึ้น
    • จากนั้นเขาก็หายสาบสูญไปอย่างลึกลับ
      • มีผู้ให้ข้อสังเกตว่าเขาอาจจะลงไปอยู่ที่ฐานทัพใต้สระมรกต
      • อืม... เป็นตํานานไปแล้วจริงๆ ด้วย
  • ชั้น 6 ผีดุมาก
    • พบเห็นบ่อยบริเวณหน้าลิฟท์
    • จากประสบการณ์ตรงของเด็กมัลติจํานวนหนึ่งเล่ากันมาปากต่อปาก
    • ลักษณะเป็นผู้ชายใส่เสื้อสีขาว ผมปรกหน้า มีเพียงร่างกายท่อนบน ลอยผ่านหน้าลิฟท์ไป
    • บางคนที่ได้พบเห็นถึงกับลงไปนอนกับพื้นลิฟท์ โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพเอาไว้ได้
    • บางคนเห็นลอยอยู่นอกหน้าต่างระหว่างทางเดิน
    • คนส่งข้าวร้าน Hot&Cool ให้ปากคําว่า "ผมไม่เคยเจอร๊อก... แต่มันน่ากลัวมาก จ๊อด"
    • มีเด็กมัลติคนนึ่งโดนหลอก 3 combo hit ติดต่อกันบริเวณทางเชื่อมไป CB4
      • ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง มีพยานที่เห็นเหตุการณ์นับสิบ
      • ได้ข้อสรุปภายหลังว่า เสาตึกทาสีไม่เรียบร้อย แต่ก็ปล่อยกันอย่างนั้น
  • นักศึกษาบางคน มีความเชื่อว่าเครื่องถ่ายเอกสารใต้ภาคมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตย์อยู่
    • เมื่อพวกเขาสําเร็จการศึกษา พวกเขาถึงกับก้มลงไปกราบไหว้ด้วยความซาบซึ้งเลยทีเดียว
    • เพราะถ้าไม่มีสิ่งนี้ พวกเขาคงไม่สามารถเรียนจบได้
      • เห็นไหมว่าเด็กมัลติช่างมีความกตัญญูอย่างล้นเหลือ
    • แต่โชคชะตาช่างเล่นตลก... เมื่อพวกเขาไม่สามารถนําผ้าสามสีมาผูกได้
      • เนื่องจากเจ้าของร้านเกรงว่ามันจะทําให้เครื่องร้อน และอาจจะทําให้มีผู้ศรัทธามากเกินไป
      • ส่วนของเซ่นไหว้ก็ตกเป็นของสุนัขใต้ภาคไปโดยละม่อม
    • แต่กระนั้น พวกเขาก็ไม่ละความพยายาม และได้ขอกลับไปบูชาที่บ้าน
      • และถูกแจ้งจับในข้อหาขู่กรรโชกทรัพย์ในที่สุด
  • ห้อง Service ที่เรียกกันติดปากว่าห้องเซอร์ (ปัจจุบันกลายสภาพเป็นแลบแมค)
    • มีป้ายติดไว้รอบห้องว่า "ห้ามเล่นเกมส์"
      • แต่เข้าไปทีไร ต้องมีคนนั่งเล่นเกมส์ทุกที
    • ถ้าส่งเสียงดังเกินขนาด บางครั้งจะมีข้อความอาญาสิทธิ์ส่งตรงมายังทุกเครื่องในห้อง
      • ข้อความมักมีใจความว่า "ถ้าเสียงดังอีกจะปิดห้องทันที"
      • ซึ่งทุกคนพร้อมเชื่อฟังแต่โดยดี แม้จะเจ็บใจที่ถูกขัดจังหวะจนตายฟรีก็ตาม
      • เห็นหรือยังว่าเราเป็นเด็กดีแค่ไหน
  • สีเสื้อช็อปคือสีเขียวอ่อน
    • แต่โทนสีไม่แน่ไม่นอน
    • บางรุ่นกลายเป็นสีเขียวอมฟ้า
      • ทําให้สับสนกับภาคปริ๊นติ้งที่มีช็อปสีฟ้ากันบ่อยๆ
    • บางครั้งอาจมีคนที่คุณไม่รู้จัก เดินผ่านมาและไหว้คุณ
      • แต่ไม่ต้องตกอกตกใจ หรือหลงคิดว่าคุณนั้นช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก
      • จงรู้ไว้เถอะว่าเขาไหว้สีเสื้อช็อป
      • น้องมัลติไหว้พี่ปริ๊นติ้ง น้องปริ๊นติ้งไหว้พี่มัลติ อันนี้คือเหตุการณ์ปกติ มิจําเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแต่อย่างใด
    • มีเคล็ดลับในการแยกสีช็อปของมัลติกับปริ๊นติ้งง่ายๆ (กรณีมัลติลืม calibrate หน้าจอจนสีเัพี้ยน)
      • นั่นคือชื่อเจ้าของเสื้อของมัลติจะเป็นสีแดง ส่วนของปริ๊นติ้งจะเป็นสีน้ําเงิน
      • อีกจุดสัีงเกตคือมดที่แขนเสื้อของมัลติสีเหลือง ส่วนของปริ๊นติ้งจะเป็นสีแดง
        • แต่ถ้าเจอมดกลายพันธุ์ก็ซวยไป
  • มีร้านอาหารในโรงอาหารร้านหนึ่งเก็บกดจากการที่มัลติมักจะเดินผ่านไม่ค่อยเข้าร้าน
    • จึงมาลงกับรุ่นน้องมัลติ
      • ผลคือ เลิกเข้าร้านมันตลอดกาล
        • ใบ้ให้นิดนึงว่าชื่อร้าน ค.อ.
  • และมีอีกร้านหนึ่ง ที่เด็กมัลติ ชอบกินมาก เป็นร้านข้าวสารพัดอย่าง ข้าวผัดมันกุ้งบ้าง ข้าวมันไก่บ้าง ข้าวแกงกะหรี่บ้าง สามารถเลือกข้าวและเนื้อโปะข้าวได้ตามใจชอบ
    • จึงได้สมญานามว่า "ข้าวผัดเทพ!!" (มันอร่อยจริงๆนะ)
  • หลายคนที่จบมัลติฯไป ได้ทํางานตรงสายที่เรียนมาอย่างชัดเจน เช่น เปิดร้านเกม และเปิดร้านเหล้า
    • ลูกค้าประจําก็ไม่พ้นรุ่นน้องพวกเขานั่นแหละ ขายดิบขายดีเหลือเกิน
  • เด็กมัลติเป็นเด็กไฮโซ เวลาเตะบอล เตะฟรีเป็นไมได้ ต้องเสียเงินเตะตลอด ที่ สนามหญ้าเทียม และจะเตะตอนกลางวันไม่ได้ ต้องเตะตอบกลางคืน 22.00-00.00 น.สนามที่ไปเตะกันบ่อยๆ คือ
    • 1. สนามฟุตซอลปาร์ค ซอยวัดยายร่ม พระราม 2 ชั่วโมงละ 1,200 บาท
    • 2. สนามสนามเล่าจึง (ชื่อจริงๆ ไม่รู้ว่าชื่ออะไรแต่ จะเรียนกันว่า เล่าจึง) ชัวโมงละ 800 บาท
    • 3. ว่ากันว่าสนามอาถรรพ์ของเด็กมัลติ คือ สนาม "โอลด์แทร็ฟฝุ่น"
  • และผลจากดวง เอ๊ย การฝึกซ้อม ก็ทําให้เด็กมัลติสามารถคว้าแชมป์บอล 7 คนประจํามหาวิทยาลัย บางมด คัพ ครังที่ 5 ไปครอง
  • การละเล่นประจําภาคคือ DotA
    • เวลาว่าง (ทั้งเรียนและไม่เรียน) ก็จะพบกับกลุ่ม แก๊ง DotA
    • เรียนไป kill ไป มันส์จริงๆ
      • บางครั้งอาจารย์รําคาญหนักดึงสายHub แล้วก้มีเสียง อ้าวเห้ย กูหลุด (ความจริงก็หลุดหมด)ซวยไปถึงคนที่กําลังเล่นเอมกําท่องเวปอย่างเงียบๆระหว่างเรียน
      • แต่กระนั้น เมื่ออาจารย์เผลอ ก็จะมีมือดีแอบย่องไปหลังโต๊ะเสียบสายHub ใหม่ แล้วก็...
    • เรียนเสร็จเร็วก็จองเครื่อง Cre แล้วก็...
    • ขอเปิดห้องจะทํางานส่งอาจารย์ พอเปิดได้ก็Cre แล้วก็ เห้ยยังว่างอีก1ที่ ใครจะเข้ารีบๆ 555+
    • มีการแข่งขันระหว่างทีมด้วย ตั้งกันไป แข่งกันไป
    • คาดว่าในอนาคตคงมีบรรจุเป็น 1 ในวิชาภาค
      • ซึ่งคาดว่า คงมีคนลงเรียนกันอย่างล้นหลาม
        • อาจกลายเป็นวิชาบังคับไปในที่สุด
  • อีกเกมหนึ่งที่เห็นได้บ่อยๆ คือ เค้าเตอร์ สอยหัวยิงกระจาย รุ่นน้องไล่ยิงรุ่นพี่กระชับความสัมพันธ์ได้ยอดเยี่ยม
    • ตอนนี้เหมือนจะมี LOL กับ L4D เพิ่มเป็นเกมส์เสริม
  • อนาคตอันใกล้ จะมีห้องสมุดการ์ตูน
    • ห้องสมุดภาพยนตร์และอนิเมชั่น โดยจะเป็นแผ่นแท้ทั้งหมด ให้นศ.ยืมดูได้
      • ตอนนี้กําลังก่อสร้าง ทําให้ห้องคอมหายไป 1 ห้องเต็มๆ คาดว่าประมาณต้นปีหน้าคงได้เห็น
        • ตอนนี้เห็นแล้วล่ะ
  • ภาควิชานี้เป็นภาควิชาที่อาจารย์ใจดีและสนิทกับ นศ.มาก แต่บทโหด ก็โหดนะ
    • โหดจริงๆให้ดิ้นตาย
  • ที่ชั้น6 CB3 มีทางลับที่เชื่อกันว่าสามารถทะลุไปสถานีคิงครอส ชานชาลา 9 3/4 ได้
    • มักพบเห็นบุคคลที่มีลักษณะคล้ายนักเรียนฮอกวอตส์เดินไปมา ละแวกนั้น
      • เขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน
      • อย่าไปทําให้เขาตกใจ ไม่งั้น คุณอาจกลายเป็นตัวเฟเร็ต หรือคางคกได้
  • ปี 2552 ประวัติศาสตร์มัลติฯ เปิดรับตรงรอบ 2 ซึ่งทุกปีที่ผ่านมาเปิดรับเพียงแค่รอบเดียว
    • ปี 2553 ในกําหนดการมันมี 4 รอบรวมรอบแอด
      • แต่เอาเข้าจริงๆเปิดรับคือรอบโครงการเรียนดี และรับตรงรอบแรก จนทําให้เกิดความผิดหวังแก่เด็กม.ปลายมากมายทั่วประเทศ
  • กีฬา 4 ชั้นปีของมัลติฯรูปแบบใหม่ ที่นักศึกษาทุกคนต้องเข้าร่วมแข่งขันสมชื่อกีฬา 4 ชั้นปีจริงๆ!
    • โดยเดิมพันการแข่งขันระหว่างชั้นปีในครั้งนี้ คือ เงิน!
      • ถ้าชั้นปีไหนแพ้จะต้องจ่ายเงินค่างานไนท์มากกว่า ทําให้ยอมกันไม่ได้!!!
        • กีฬาที่ถูกบรรจุเข้าไปใหม่ มีทั้ง DotA เคาต์เตอร์ รวมอยู่ด้วย สมชื่อเด็กมันส์ติจริง -*-
  • ปี 2553 ละครเวทีมัลติสเตจมีชื่อว่า "ใต้ต้นสารภี"
  • ได้ยินมาว่า งานบายศรี ของภาควิชานี้ เป็นที่ติดตาของพี่ๆมากๆ ได้ยินว่าสวย แต่ละปีจะไม่เหมือนกัน นิยมจัดที่สวนธน เพราะ โลเคชั่นสวย และเป็นตํานาน

บุกเบิก ฉีกแนว โดย กลุ่มพี่ๆที่เวิ่นเว้อ เพื่อนๆก็บ้าจี้ พอๆกัน สามารถชมได้ในยูทูปและเฟสบุค มัลติพาย

  • ปีที่แล้ว 54 จัดให้พี่รุ่น 10 ชื่องานว่า แสงเทียน เสียงเพลง สวนธน มีกู่เจิ้งนําพามา และโดนเหวี่ยง เพราะสาย 55 งานนี้มีเสียงเพราะๆ จากวงดนตรีของพวกเขาเอง ทั้งดนตรี ทั้งสคริป ทั้งออกแบบงานเอง มัลติทําได้ทุกอย่าง ยกเว้นข้อสอบ
  • ปีนี้ 55 จัดให้น้องปี 1 ชื่อว่า ฮัก รัก เลิฟ เนรมิต ล้านนาอยู่บนลานสวนธน ยิ่งเพ้อเจ้อได้อีกงานนี้

>บายศรีของพี่ๆรุ่น 11 แม้งานจะออกมาแบบเรียบง่ายอย่างมีระดับแต่ ทุกอย่างก็ออกมาด้วยความตั้งใจ หากจริงๆแล้ว กิจกรรมนี้ไม่ได้สําคัญที่ความอลังการแต่สําคัญอยู่ที่การพูดคุยกัน ดังนั้นงานจะดีไม่หากประเมินไม่ได้จากการจัดงานแต่ขึ้นอยู่กับการร่วมมือของผู้ร่วมงานมากกว่าที่จะเป็ฯตัวกําหนด และสามารถเก็บเกี่ยวคาวมรู้สึกดีๆในงานครั้งน้ไปได้แค่ไหน ... <3 >ปัจจุบันนี้แมคก็ยังใช้อยู่ตั้งแต่ปี 2005 ปัจจุบัน 2013 ...?

  • โครงการพัฒนาศักยภาพทางด้านคอมพิวเตอร์ หรืออีกชื่อ คือ มัลติแคมป์ จัดมาแล้วถึง 13 ครั้ง
      • มัลติแคมป์ 9 " รวมพลคนสร้างภาพ"
        • มัลติแคมป์ 10 "คิดสั้น"
          • มัลติแคมป์ 11 " ลวงโลก" ซึ่งในปีนี้เรียกได้ว่า เป็นแคมป์ที่เขย่าวงการเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น คอนเซปที่พิสดาร ทําให้ทั้งค่ายคงคอนเซปลวงโลกสร้างสีสรรค์ให้กับผู้เข้าร่วมเป็นอย่างมากเพราะน้องๆจะไม่รู้เลยเรื่องไหนจริงเรื่องไหนหลอกเปรียบได้กับชีวิตเราในปัจจุบันที่ต้องคิดวิเคราห์แยกแยะในทุกๆเรื่องก่อนจะเชื่อแม่คนๆนั้นจะดูหน้าเชื่อถือก็ตาม กิจกรรมในครั้งนี้มี คุณปุ้ย ตุ๊ดแห่งมัลติมีเดีย ผู้ริเริ่มสีสันในครั้งนี้อีกทั้งยังสร้างความตราตึงและประทับใจจากน้องๆค่ายด้วยการว์ ภูเขาสีเขียวที่เป็นที่ฮือฮาและตราตึงของผู้ร่วมงาน สําหรับกิจกรรมครั้งนี้จะขาดผู้สนับสนุนหลักอย่างเปนทางการไม่ได้เลยนั้นก็คือ a day u-store by eits lactasoy art magazine
            • มัลติแคมป์ 12 "ไร้สาระ "
              • มัลติแคมป์ 13 "เด็กเส้น"
                • มัลติแคมป์ 14 " เป็ดปักกิ่ง "
                  • มัลติแคมป์ 15 " เผ่ามันส์ติสท์"

เทคโนโลยีไร้สารสนเทศ (School of InTelligence hero)[แก้ไข ]

  • ตึก SIT อยู่ใกล้กับตึกสํานักหอสมุดมาก จนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของสํานักหอสมุด
  • หน้าตึก SIT มีประติมากรรม หนึ่งชิ้นซึ่งราคาประมาณสิบล้าน(ออกแบบโดยศิลปินแห่งชาติ) แต่เด็กในคณะเรียกว่า ครองแครงยักษ์ , แคบหมู, เปลือกหอย, ลูกชิ้น, ไอ้ก้อนๆ นั้นอะ
    • ส่วนใหญ่เรียกว่าแคบหมู (อย่าให้อาจารย์ได้ยินนะ)
    • ชื่อจริงๆ คือ Information Evolution
    • จะมีแม่บ้านคอยเช็ดทําความสะอาดอยู่เสมอ
  • โต๊ะไม้หลังป้ายคณะ เป็นที่นั่งกินข้าวร่วมกันของ รปภ. คณะ SIT และ คณะศิลปศาสตร์ ซึ่งตอนนี้ก็พังๆ สภาพนั่งได้ลําบาก
    • ตอนนี้มีเก้าอี้ตั้งอยู่หน้าคณะด้วย
  • ลานหน้าคณะ (ข้างๆ แคบหมู) เป็นที่ฝึกระเบียบวินัยของ รปภ. ทั้งมหาวิทยาลัย ช่วงหกโมงถึงหนึ่งทุ่ม (เหมือนฝึก รด. เลย)
    • แต่ย้ายไปที่หน้าลานตึกศิลป์แล้ว
  • สวนที่จัดไว้หน้าคณะเป็นสวนที่จัดว่าดูดีัที่สุดแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัย
    • แต่ป้ายคณะที่อยู่ในสวนนี่ดูเก่าๆยังไงก็ไม่รู้ ไม่เข้ากับสวนเลย
      • ปัจจุบันมีการนําป้ายใหม่มาวางทับอันเก่าแล้ว (แต่ก็ยังดูไม่เข้าอยู่ดี)
  • สวนหน้าคณะ เป็นสถานที่ยอดนิยมในการถ่ายรูปของคนในมหาวิทยาลัย
    • บางปี มีการถ่ายผู้เข้าประกวดเฟรชชี่ที่สวนของคณะ SIT ด้วย
    • เว็บไซต์ของบางหน่วยงานในมหาวิทยาลัย เคยนําภาพสวนคณะ SIT ไปใส่ในเว็บ (เข้าใจว่าสถานที่สวยๆในมหาวิทยาลัยมีน้อย จึงยืมๆมุมจากหน่วยงานอื่น รวมถึงสวนของคณะ SIT)
    • ทุกปีที่มีการซ้อมรับปริญญาของมหาวิทยาลัย สวนหน้าคณะ SIT จัดได้ว่าสวยที่สุดในมหาวิทยาลัย มีคนทั้งในและนอกคณะมาถ่ายเป็นจํานวนมาก
      • จะไม่สวยได้ยังไง เพราะคณะลงทุนจ้างบริษัทเอาดอกไม้และต้นไม้มาลงเอง (ว้าวว ไฮโซ) รวมถึงมีซุ้มถ่ายรูปของบริษัทที่เป็นพันธมิตรกับคณะเช่น Oracle,IBM,3Com ในขณะที่คณะอื่นเป็นซุ้มที่นักศึกษาทํากันเอง
        • เด็กในคณะบางคนมีการแซวว่า นี้ล่ะคือค่าเทอมคณะที่เก็บไปแพงๆ (เอ๊ะ น่าคิดด)
  • ที่กินข้าวของเด็ก SIT ช่วงที่มีตลาดนัด คือลานหน้าคณะ
  • ที่พักผ่อนหย่อนใจของ รปภ.คณะกะกลางคืน คือลานหน้าคณะ
  • ตึก SIT มีแค่สี่ชั้น (เล็กอะ)
    • ชั้นแรกเป็นห้องเรียน(สามห้อง)เรียกห้อง Train และห้องแล็บ (สามห้อง) แบ่งได้เป็น ห้องIT,CS และ ป.โท ทั้งๆที่จริง ใช้ร่วมกันได้ แต่ถ้าเข้าไปผิดที่จะโดนมอง ส่วนห้องป.โท ต้องดึกๆ ป.ตรี ถึงเข้าได้
      • ตอนนี้แลปโดนย้ายไว้เป็นห้องเดียวกันแล้ว
        • ซึ้ง IT ครองการใช้งาน ส่วน CS มักจะไปใช้ที่ห้อง Common Room
        • แลปใหม่ดูเหมือนจะกว้าง
        • แลปใหม่ยุงเยอะมากๆ
          • กย.15 จะขายดีมากในช่วงสอบ
    • ชั้นสองเป็นห้องสมุดและ สนง.คณะบดี
    • ชั้นสามเป็นห้องพักอาจารย์ (บรรยากาศน่ากลัวพิกล มันมืดๆ)
    • ชั้นสี่เป็นห้องอาหารอาจารย์และห้องเรียนอีกหนึ่งห้อง
      • ห้อง Infra ก็อยู่ชั้น 4
  • ที่ชั้นหนึ่ง จะมีห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งอยู่ข้างบันไดหน้าโต๊ะรปภ. มันเคยเป็นห้องสโมฯ นศ.
    • ถ้ัาคนสังเกตุป้ายดีๆ จริงๆมันคือ Storage Room มิใช่ Samo Room (แต่คนก็ไม่ค่อยมองกัน)
    • เป็นที่สําหรับเก็บสัมภาระ ทั้งกระป๋องสี กลอง ป้ายคณะ ฯลฯ เคยรกมาก ซึ่งตอนนี้ก็ยังรกอยู่
    • ปัจจุบันพื้นที่ห้อง Storage Room กลายมาเป็นลิฟต์แก้วแล้ว
      • ก็จะมักมีเด็กภาคอื่นมาส่องอยู่แถวๆลิฟต์
        • ซึ่งหารู้ไม่ว่าคนที่ใช้บ่อยสุดคืออาจารย์!!!!
    • ปัจจุบันกว่า ห้องสโมไปอยู่ในแลป แต่กําลังจะโดนทุบแล้ว
  • ห้องแล็บของ ป.โท เปิด 24 ชม. เช่นเดียวกับลานแดง
    • ช่วงสอบ แล็บ ป.ตรีก็เปิด 24 ชม. นะ
      • เป็นฤดูกาลแห่งการเล่นเกม ไม่ว่าจะ DotA หรือ Counter
        • คอมแล็บกากเล่นไม่ไหว แต่ WiFi แรงอยู่
  • ที่ชั้นสามของตึก มีเครื่อง Mainframe ของ IBM ราคาหลายสิบล้านตั้งอยู่
    • เอาไว้ให้คณะดูงานจากมหาวิทยาลัยอื่นมายืนมอง
    • ไม่รู้ชาติไหนนักศึกษาจะได้แตะ
    • มีการวางพวงมาลัยไว้บนเมนเฟรมด้วย! สาเหตุยังคงเป็นปริศนา
  • ชั้นสี่ของตึกเป็นห้องกระจกทั้งชั้น (ไฮโซมากเว่อร์)
    • เป็นที่กินข้าวของอาจารย์ในคณะ
    • แต่ก็แบ่งไว้ห้องหนึ่งเป็นห้องเรียน Lecture
    • ถ้าเรียนช่วงเที่ยงก็จะได้นั่งมองอาจารย์กินข้าวไปด้วย
  • ตึกภาค SIT ต้องใช้บัตรนักศึกษารูดผ่านประตู หรือทาบ คณะอื่นจึงเข้าไม่ได้ (ผู้เขียนเมื่อก่อนเคยทาบได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว ไม่รู้สาเหตุ)
    • ห้องน้ําตึก SIT จึงสะอาดมากๆ (เฮๆ) ถ้าตอนมี ทิชชู่นะ
    • แม้ว่าต้องรูดบัตรเข้า แต่เคยปรากฏตะขาบหลุดเข้ามาในห้องภาค
      • คาดว่ามันจะมีบัตรผี
  • ตอนที่เด็กปี 1 ยังไม่ได้บัตรนักศึกษาจึงเข้าคณะไม่ได้โดยง่าย (เหมือนคนต่างด้าว)
    • แก้โดยต้องคอยดักรอคนอื่นที่สามารถรูดเข้าคณะได้ หรือส่งสัญญาณมือเรียกคนข้างใน (ถ้ามีคนเดินอยู่ตรงทางเดินน่ะ)
    • หรือถ้าไม่มีจริงๆ ก็ต้องรบกวน รปภ. รูดให้
    • ถ้านอกเหนือจากนั้น ก็อดเข้าไป(เหอๆ)
    • เรียกน้ายามให้เปิดให้จนสนิทกันแล้ว
  • เคยมีเด็ก SIT คนนึงซึ่งไม่ค่อยเข้่าตึกคณะ แต่พอเข้าตึกคณะ จึงโดนเรียกดูบัตรนักศึกษา (สงสัย รปภ นึกว่าเด็กคณะอื่นแอบเข้ามา)
  • เนื่องจากตึกมีขนาดเล็ก จึงได้ทําการยึดอาคาร CB2 ไว้หนึ่งชั้น(ชั้น3) สําหรับการเรียนและการสอบของเด็ก IT
    • ปัจจุบันได้ยึดชั้น 8 ของตึก CB4 เพิ่มอีกหนึ่งที่เพื่อให้นักศึกษาคณะไอทีสามารถเข้าไปทํางานหรือปั่นโปรเจคได้
    • เด็ก SIT จึงแทบไม่ได้เจอเด็กคณะอื่นเลย
    • สถิติการ F มากที่สุดคือวิชา Computer Programming I โดย IT#16 จํานวน 51 คน!!(ไม่รวมคนดรอป)
    • โดยเหลือรอดมาเรียนต่อ Computer Programming II จะเหลือแต่พวกเทพๆ ซึ่งคนที่แม่งฟลุคผ่านก็ซวยไป เพราะตัดเกรดอิงกลุ่ม
    • ทางคณะกําลังมีโครงการขยายตึก(ด้านหลัง) ซึ่งผนังจะเป็นกระจกทั้งหมด
      • คาดว่าจะทําให้นักศึกษาสาย gamer ทํากิจกรรมได้ยากขึ้น
  • อาจารย์คณะ SIT ไม่ค่อยสนับสนุนการทํากิจกรรม โดยเฉพาะสันทนาการ
    • แต่กลับมีเด็ก SIT ไปทําค่ายพี่น้องสัมพันธ์เยอะมาก
      • เป็นโอกาสที่เด็ก SIT จะได้เจอเพื่อนต่างคณะ
  • คณะ SIT มีตั้งแต่ ป.ตรี ถึง ป.เอก
  • คณะ SIT แท้จริงไม่มีภาควิชา มีแต่หลักสูตร
  • คณะ SIT มีหลักสูตรของปริญญาตรีเพียง 2 หลักสูตร คือ IT/CS นอกนั้นเป็นของป.โทและเอก (ทั้งๆที่คณะอื่นมักมีป.ตรี มากกว่า ป.โทและเอก)
    • ตอนนี้มี 3 แล้ว IT CS DSI
  • นศ.ปอโทหลักสูตร Bioinformatic บางคน(หลักสูตรร่วมของคณะ SIT และคณะทรัพยากรฯ) มักจะต้องมาเรียนร่วมกับนศ.ป.ตรีของวิทยาการคอมฯ เนื่องจากวิชาเหมือนกันและเป็นหลักสูตร อินเตอร์เหมือนกัน
    • คิดได้สองแง่คือ วิชาป.โทของ Bioinformatic ง่ายเหมือนกับวิชาป.ตรีของวิทยาการคอมฯ หรือ วิชาป.ตรีของวิทยาการคอมฯ ยากพอๆกับป.โทของ Bioinformatic
    • แต่การทํารายงานบางชิ้น หัวข้อจะแยกกันระหว่าง Bioinformatic และ วิทยาการคอมฯ
    • รวมถึงตัดเกรดแยกด้วย (ตัดด้วยกัน นศ.ป.ตรีของวิทยาการคอมฯ ก็ตายสิ)
  • บางคนบอกว่า หลักสูตรป.โทของคณะ SIT ดังพอๆกับจุฬาเลยน่ะ
  • จนถึงปัจจุบันถ้าถามว่า CS กับ IT ต่างกันยังไง ก็ยังตอบไม่ค่อยได้ หรือได้คําตอบแค่ว่า
    • เป็น 4 ปี กับต่อเนื่อง (ปัจจุบัน IT เปลี่ยนเป็นหลักสูตร 4 ปีแล้ว)
    • เป็นหลักสูตรอินเตอร์กับภาษาไทย
    • ปัจจุบันก็ยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนอยู่ดี
    • วิชาของไอทีจะออกไปทาง Business แต่ CS จะเน้น Programming มากกว่า
  • นศ.วิทยาการคอมฯ มักจะเรียกว่า CS หรือ Com-Sci หรือ Computer Science
    • ถ้าเรียกภาคคอมเฉยๆ ส่วนใหญ่จะหมายถึง วิศวะคอม (อาจจะเพราะตั้งมานานแล้ว)
    • แต่ถ้า Math-Com จะหมายถึงหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์ ของภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์
      • ซึ่งไม่รู้ว่าต่างจาก วิทยาการคอมฯของคณะ SIT ยังไงเนี่ยสิ
        • ตอบ Math-Com จะเรียนวิชาแมทช์เยอะมาก
  • หลักสูตรไอที มีทั้งที่วิทยาเขตบางมดและราชบุรี
    • แต่หลักสูตรที่ราชบุรี ไม่ไ่ด้เรียนอยู่ที่ มจธ.วิทยาเขตราชบุรีน่ะ เรียนที่ศาลาประชาคม ประจําจังหวัดราชบุรีหลังเดิม
      • มีทั้งอาจารย์ไปสอน และใช้ Video Conference ในการเรียนการสอน (ว้าวว ไฮโซ) และบางทีใช้ Video Conference ในการประชุมของสโมสรนศ.คณะ SIT ด้วย
        • ล่าสุดไม่มีแล้ว
  • นศ.วิทยาการคอมฯ สามารถมาลงวิชา workshop ของหลักสูตรไอทีได้ (ที่จริงก็ลงวิชาของภาคอะไรก็ได้ แต่ด้วยความขี้เกียจไปเสาะหา จึงลงของในคณะนั่นเอง)
    • เมื่อก่อนสามารถลงเป็นได้ทั้งวิชา Major Elective และ Free Elective
      • ปัจจุีบันนับเป็นแค่ Free Elective เนื่องจากทางคณะประกาศว่าวิชาที่จะนับเป็น Major Elective ต้องเป็นวิชาที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษ (อดเลยยยย)
    • ได้รับความนิยมเพราะได้เรียนเป็นภาษาไทย (และด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีนศ.ไอทีมาลงของวิทยาการคอมฯ เพราะต้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษ)
    • ปัจจุบันวิชา workshop ของคณะ SIT (ส่วนใหญ่เป็นของหลักสูตรไอที) ลดแลกแจกแถม โดยจ่ายเพียง 3 หน่วยกิต (ปกติเรียน 3 ชั่วโมง) แต่ต้องเรียนถึง 4 ชั่วโมง (เหอๆ ดีใจดีไมเนี่ย)
  • กีฬาสามคอมเป็นกีฬาระหว่าง วิทยาการคอม,มัลติมีเดีย,ปริ้นติ้ง
    • มีคนสงสัยว่า ทําไมวิศวะคอมไม่มาแข่งด้วย หรือปริ้นติ้ง มันเกี่ยวกะคอมตรงไหนเนี่ย (ไม่รู้เหมือนกัน)
    • ด้วยสาเหตุนี้ จึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็น กีฬาสามภาค
    • ปัจจุบันเป็นกีฬาสี่ภาค โดยมี หลักสูตรไอที มาแข่งด้วย (หลังจากเปลี่ยนเป็นหลักสูตรสี่ปี)
    • 2018 ไม่มีกีฬานี้แล้ว
  • คนที่ทํางานในคณะ SIT กว่าครึ่งคณะ จบป.ตรี ป.โท และ ป.เอก จากคณะ SIT เอง
    • รปภ. เองก็เคยเรียนที่นี่ด้วย แต่เรียนไม่จบ
  • TA (Teacher Assistant) ในคณะ มักเป็นรุ่นพี่ที่เรียนต่อ ป.โท ในคณะนี่แหละ
    • ตอนนี้ TA มีป.ตรีแล้วนะ
  • ที่คณะมี เจ้าหน้าที่ที่เรียกว่า LF (Learning Facilitator) ซึ่งทําหน้าที่คล้ายๆกับ TA แต่เป็นเจ้าหน้าที่ประจําคณะ และมีหน้าที่อื่นๆที่คณะมอบหมายด้วย (อาจารย์บางท่านจะมี LF ประจําตัวแทนการมี TA)
    • เคยถามแล้ว ได้ข้อมูลว่าสําหรับอาจารย์ที่มีงานเยอะมาก ถึงจะมี LF แทน TA
  • เกือบ 80% ของชีวิตประจําวันของเด็ก SIT คืออยู่ที่ภาค
    • ถ้าตุนของกินไว้ในภาคด้วย จะอยู่ได้ทั้งวัน
    • แต่กฎการใช้ห้องข้อหนึ่งบอกว่า ห้ามนําอาหารเข้ามาในห้อง แต่กระนั้นก็ยังมีคนนํามากินเป็นประจํา
  • ตึก SIT มีกล้องวงจรปิดเกือบทุกจุด (จะทําอะไรก็คิดให้ดี admin เห็นนะ)
    • เคยได้ใช้ประโยชน์ในการจับขโมยด้วย!
    • ส่วน CB2 ชั้น 3 ก็มี แถมยามชอบดู แล้วก็จะเข้ามาตักเตือนพวกเราอย่างรวดเร็วในห้องแลป ถ้าเราเผลอทําผิดไป
  • ประโยคที่น่ากลัวที่สุดของเด็ก SIT คือ "ขอบัตรนักศึกษาด้วยครับ"
    • มักได้ยินตอนนั่งเล่นเกมในภาค
    • ซึ่งจะโดนตัดคะแนนความประพฤติ 10 แต้ม ถ้าถูกตัดเกิน 20 จะหมดสิทธิ์สอบ
  • อาจารย์คณะ SIT ท่านหนึ่ง เป็นอาจารย์ท่านแรกในมหาวิทยาลัยที่จับ นศ. ทุจริตการสอบ แล้วลงโทษโดยการให้ drop course!!!
  • หลักสูตรวิทยาการคอมฯ เคยมีอาจารย์ฝรั่งเป็นอาจารย์ประจําคณะ สอนวิชาแคลคูลัส
    • เค้าสร้างสถิติไว้ด้วยการให้เกรด C นศ. สามคนจาก แปดสิบกว่าคน (รุ่น 6)
    • ที่เหลือได้ F!!!!!!
    • ปัจจุบันอาจารย์คนนั้นไม่อยู่แล้ว (เย้!!!)
    • และทําให้นศ.รุ่นต่อมา เลื่อนการเรียนแคลคูลัสจากเดิม เรียนปี 1 เทอม 1 เป็น ปี 1 เทอม 2
  • วิชา Digital และ OOP ของวิทยาการคอมฯ ไม่มีการเช็คชื่อ (เกือบทุกวิชามีการเช็คชื่อ)
    • แต่ระหว่างที่เรียน จะมีช่วงระทึกขวัญ คือการเรียกถามเรียงตัวจากอาจารย์
      • ถ้าตอบถูก ก็ดีไป
      • ถ้าตอบผิด ติดลบ 0.5 แต้ม
      • ถ้าถูกเรียกแล้วไม่อยู่ในห้อง ติดลบหนึ่งแต้ม
      • ระหว่างการเรียนสามชั่วโมง ทุกคนมีสิทธิ์โดนเรียกมากกว่าหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ในห้องหรือไม่ก็ตาม
      • เคยมีรุ่นพี่ถูกติดลบ จนคะแนนสอบปลายภาคเหลือแค่หนึ่งคะแนน
        • และก็เคยมีรุ่นพี่ติดลบถึง 120 คะแนน แต่ก็ยังสอบผ่าน
  • มีอาจารย์ท่านหนึ่งของ CS มักจะมีการ เพิ่มเวลา LAB ให้กับวิชาที่ท่านสอนเกือบทุกวิชา
    • ก็เริ่มสัก 5 โมงเย็น และเลิกดึกสุดไม่แน่ใจว่า 4 หรือ 5 ทุ่ม ของวันใดวันหนึ่งในสัปดาห์ ที่ไม่ใช่เวลาเรียน Lecture ปกติ
    • การเรียนวิชาของอาจารย์ท่านนี้ เรียกได้ว่า จ่าย 3600 (3หน่วยๆล่ะ 1200) ได้ถึง 7200 หรือมากกว่านั้นเลยทีเดียว (คุ้มมากๆ)
    • แต่ถึงยังไง อาจารย์ท่านนี้เป็นอาจารย์ที่เรียกว่าดีที่สุดท่านหนึ่งของคณะเลยทีเดียว (สอนก็ดีและใส่ใจนักศึกษามากๆ)
    • อาจารย์ชอบเลี้ยงพิซซ่าเด็กด้วย ป๋าไม่ไหว
  • สุนัขที่ตึก SIT ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี พกทั้ง ระเบิด กล้องส่องทางไกล กุญแจมือ ฯลฯ
    • คาดว่าฝึกพร้อมกับ รปภ. ที่ลานหน้าตึกคณะ
    • มันชื่อว่า บุญหลง รักห้องแอร์ (ตัวเดียวกับใน fwmail นั่นแหละ)
    • ตอนนี้มันตายแล้ว เพราะถูกรถชน
    • มันถูกฝังไว้ที่หลังป้ายคณะ โดยลุงยามที่เลี้ยงดูมันมาตลอด
  • ไวรัสที่นิยมติดกันในหมู่เด็ก SIT คือ Autorun
    • วิธีแก้คือ ใช้โปรแกรม AutorunKiller ซึ่งเขียนโดย นศ.วิศวะคอม(CPE17)
    • ไม่เคยมีใครคิดจะเขียนเองเลย ทั้งที่เรียนคอมเหมือนกัน
  • เน็ตคณะ SIT เคยทําสถิติการโหลดบิทไว้ที่ 13MB/sec
    • ผลคือ ไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ทําอย่างอื่นได้เลย เพราะ process ทั้งหมดมุ่งไปที่การเขียนไฟล์
    • ปัจจุบันการโหลดบิททําได้ยากขึ้น เนื่องจากการปรับปรุงระบบใหม่ ตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทําผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
    • อย่ากระนั้นเลย เรายังหาวิธีโหลดกันได้
    • มีคนเห็นแอดมินโหลดด้วยแหละ
  • คณะ SIT มีเน็ต wifi เป็นของตัวเอง
    • เคยติด hot spot ไว้ที่ชั้นสาม CB2 ด้วย แต่ถูกถอดออกเพราะซ้ําซ้อนกับเน็ตมหาวิทยาลัย
    • การจะใช้งานได้นั้น ต้องลง certificate 2 ตัว
      • certificate ดังกล่าว ต้องโหลดจากเว็บไซต์ของคณะ (แล้วจะโหลดยังไง ในเมื่อยังไม่มี cert ให้ต่อเน็ต)
  • เน็ต wireless ของคณะโหลดบิทได้ช้ากว่าเน็ต LAN ของคณะ
  • คณะ SIT เรียนวิชา LNG โดยอาจารย์ชาวต่างชาติของคณะเอง (มีเป็นบางรุ่นที่ถูกโยนไปให้อาจารย์คณะศิลปศาสตร์)
  • คณะ SIT เรียน Calculus ทั้งจากอาจารย์คณะ และอาจารย์จากภาค Math (แล้วแต่ดวงว่าปีนั้นจะเจอใคร)
  • คณะ SIT เรียน เคมี/ชีวะ โดยอาจารย์จากคณะวิทย์ (ไม่ปรากฏว่ามีอาจารย์คณะพยายามจะสอนเอง)
    • การเรียนวิชาวิทย์(แค่สามหน่วยกิต) เพื่อให้วุฒิที่จบออกมาเป็น วท.บ
  • การใส่แตะหนีบ กางเกงขาสั้น กางเกงเล เข้าคณะเป็นสิ่งที่รับไม่ได้สําหรับอาจารย์
    • เคยมีนักศึกษาใส่แตะ ขาสั้น เปิดเพลงเสียงดัง กินมาม่า และนั่งเล่นเกมถูกจับได้ จึงทําให้ มีกฏ ห้าม ทุกข้อที่ นักศึกษาคนนี้ปฏิบัติ
    • ที่ห้องแล็บตึก CB2 ใส่เสื้อคอกลมเข้าก็โดนด่า - -" (ใช่ๆ เวอร์ไปหน่อยเคยโดน)
  • ค่าย Junior Programmer Camp จัดขึ้นเพื่อหลอกเด็กๆ มาเข้าคณะ ^^
    • ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
    • แม้จะเป็นค่ายที่ช่วยให้เด็กมาเรียนที่คณะมากขึ้น แต่คณะกลับเขี้ยวมากในเรื่องงบประมาณ
    • นักเรียนที่แข่งขันรูบิคชนะระดับประเทศ เคยมาเข้าค่ายนี้ด้วย
    • ค่าย Junior Programmer ครั้งที่ 5 ได้ทีมงาน Mozilla Firefox ภาษาไทย มาเป็นวิทยากรรับเชิญด้วย (ว้าวๆๆ)
    • ค่าย Junior Programmer เกือบได้เป็นค่ายที่คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ตามความเห็นของอาจารย์ท่านหนึ่ง
      • ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คาดว่าน้องที่มาเข้าค่ายคงได้อ้วกเป็นภาษาอังกฤษ
  • ว่ากันว่า ห้อง Playground เก่ามีผี ปัจจุบันกลายเป็นห้อง CB2313
    • ต้องเล่าแล้ว
    • ตอนนี้ห้อง Playground ย้ายมาที่ CB2307 แล้ว
      • ปัจจุบันใช้เป็นห้องสําหรับทําโปรเจคจบของนักศึกษาของทั้ง IT/CS (รวมไปถึงห้องเล่นเกม ห้องติว ห้องประชุม ห้องนอนค้างคืน และอื่นๆมากมายของนักศึกษาผู้ที่ได้ใช้ห้อง)
        • แต่ปรากฏว่ามีแต่เด็ก CS จนเหมือนว่าเป็นห้องของ CS อย่างเดียว
          • แต่ก็มีเด็ก IT มาขอให้ห้อง Playground บ้าง แต่ไม่กี่คนเท่านั้น
  • เด็ก CS ทําโปรเจคจบตั้งแต่ปี 3 เทอม 2 และเสร็จที่ปี 4 เทอม 1 (อาจจะมีบางคนต้องทําต่อปี 4 เทอม 2)
    • นั้นเป็นสาเหตุให้เทอมสุดท้าย ของเด็กCSปี 4 ชิลมากๆ (ในขณะที่เด็กคณะอื่นกําลังปั่นโปรเจคกันอย่างเคร่งเครียด)
      • ทําให้เด็ก CS บางคนสามารถจบ 3 ปีครึ่งได้ (แต่ต้องเก็บวิชาให้ครบด้วยน่ะ)
  • ปรากฏการณ์ที่ประทับใจที่น่าจดจําของ IT 14 คือ ซ้อมบูมมดน้อยไร่ส้ม นานผ่านไป จนเกิดเหตการณ์หม้อแปลงระเบิด แต่พวกเราก็ยังร้องจนจบ เฮ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (พวกเราไม่ได้ทํานะ)
  • ว่ากันว่า ตอนกลางคืนห้องน้ําผู้หญิง มีสิ่งลี้ลับ ที่เรียกว่า ผี
    • ปรากฎว่าเป็นแค่คนข้างนอกเดินผ่าน
    • ส่วนห้องน้ําชาย ที่ฉีดตูดห้องกลาง แสบดากชิบหายเลย

วิศวะฉันเล็ก[แก้ไข ]

  • วิศวะอิเล็กเป็นภาควิชาที่อยู่สูงที่สุดใน CB4
  • เพราะฉะนั้นเวลาเข้าเรียนทีต้องยัดเยียดยื้อแย่งในการขึ้นลิฟท์กับภาคอื่นเสมอ(เนื่องจากเดินไม่ใหวสูงเกิน)
  • ในขณะที่ปัจจุบันลิฟท์ทั้งสองตัวดันจอดทุกชั้นด้วย(ช้าเห้ๆเลย)
  • ภาควิชาอิเล็กมีชื่อเต็มที่ยาวที่สุดในมหาลัยเลยก็ว่าได้(พอๆกับคอนโทรล)
  • มีคนเชื่อว่าถ้าไม่มี อ. ด. นักศึกษาภาคอิเล็กอาจเรียนไม่จบก็ได้
  • เพราะ อ. ด. เป็นคนที่ทําให้นักศึกภาคอิเล็ก O.K. กันทั้งภาค(คุณ O.K. ผมก็ O.K. ครับ)
  • อ. ด. มักจะใจดีเปิดโอกาศให้นักศึกษาถามเรื่องเกี่ยวกับการเรียนอยู่เสมอ
  • เมื่อนักศึกษาถามจะได้รับคําตอบว่า "ถ้าคุณสงสัยเดี๋ยวผมถามเพื่อนคุณให้"
  • อยากจะบอกอาจารย์ว่า "ถ้าเพื่อนผมรู้ ผมคงไม่ถามหรอกครับ"
  • ฉะนั้นจึงมีน้อยคนนักที่จะสามารถสื่อสารกับ อ. ด. ได้
  • อ.ย. เป็นอาจารย์ที่รุ่นพี่ ลงความเห็นว่า การเขียนคําตอบในข้อสอบยากมากกว่าการอินทิเกรตทรงกรมสามชั้นเพาระการเขียนคําตอบในข้อสอบของท่าน ต้องเขียนให้โดนใจท่านด้วย
  • อ.ย. เป็นอาจารย์ท่ดีนะผมวา่ เวลาลิฟเต็มหรือนักศึกษารอกันอยุ่เยอะ อาจารย์จะเลือกเดินลงแทน ดีจริงๆ
 *ใช้ว่าเขียนตามทุกตัวที่อ่านมาในtext คุณจะได้คะแนนเต็ม
 *ยังได้รับฉายาว่า "เเตะตัดสิบ" (อาจารย์ผู้สอนวิชา ด.จ.ต. เป็นผู้ตั้งให้)
 *เพิ่งสอบไปนี่เอง ไม่รู้ว่าจะได้คะแนนเท่าไหร่ การเขียนเนี่ยมันช่างยากเสียจริงๆ
  • แล้วแลกเซอร์ของท่านก็ใช้ซ้ํากันมาเป็นเวลาเกือบสิบปีแล้ว แต่ผมเห็นแต่ล่ะปีที่รุ่นพี่จด จดไม่ค่อยเหมือนกันเลย(ความสามารถในการสอนของท่านดีจิง)
  • รู้สึกว่า พี่ๆ จะทํางานองค์การ กับ สโม เยอะกันจัง มีธุรกิจอะไรในนั้นอ่ะป่าวเนี่ย???
  • อาจารย์ภาคอื่นชอบถามว่า "ตกลงองค์การ เป็นงานส่วนกลาง หรือว่าเป็นของภาคอิเล็ก?"
  • ทําไมเวลาไปซื้อเอกสาร แล็กเซอร์ที่ธุรการภาคเค้าต้องปั๊มตราไห้ด้วยอ่ะ หรือว่าจะมีนัยสําคัญ กับการสอบแบบโอเพ่นบุ๊ค
  • ว่ากันว่าเคยมีคนเจอผีที่ชั้นสิบ ตอนทําค่าย (ได้ฟังแล้วน่ากลัวมาก)
  • วิชาแลปของ ปีสองเทอมหนึ่ง สนุกมาก (สนุกจนเสื้อชอปพัง)
  • ที่ชั้นภาค(ชั้นเก้า) หน้าประตู จะมีคอมตั้งไว้ สองตัว ทั้งๆที่ไม่ค่อยเห็นมีใครเล่นนะ แต่ทําไมแฮงค์บ่อยจัง(จอฟ้าบ๊อยบ่อย)
  • สาวที่ใส่พีทเวลาเดินที่ลาน อิเล็ก ใต้ตึกCB4 ระวังกระโปรงด้วยนะ ลมแรงมาก!!!
  • แล้วตรงทางลาด เดินก็ระวังด้วย ลื่นอย่างแรง (ผมเล่นสไลเดอร์เป็นประจําตรงนั้น)
  • ตู้เซอเวอที่ภาคได้มาล้มทับเด็กบาดเจ็บ ตรงทางลาดหนะแหละ
  • ตู้ที่ล้มทับเพิ่งได้มาวันแรกเลย


  • เพิ่มเติม
  • อ.ด. เป็นบุคคลแสนจะมหัศจรรย์คนหนึ่งโดยที่รุ่นพี่ที่จบไปนานแค่ไหนก็ตาม มักจะถามรุ่นน้องเสมอว่า อ.ด.ยังสอนอยู่ไหม?
  • อ.ด. เป็นบุคคลที่คอยเชื่อมโยงรุ่นพี่รุ่นน้องได้อย่างสนิทแนบแน่น เพียงแค่ถามว่ารู้จักอ.ด.ไหม ก็รู้ทันทีว่าภาคเดียวกันแน่นอน
  • ภาคนี้มีลักษณะพิเศษอย่างนึงคือ ประตูเข้าภาค หากเปิดประตูนึงทิ้งไว้อีกประตูจะเปิดไม่ได้ และก็แพงมากด้วยนะ

(ตอนนี้เปลี่ยนเป็นใช้คีย์การ์ดแล้ว เข้า-ออกลําบากสุดๆ เป็นเหตุให้หลายๆคนใช้หน้าต่างแทนประตู)

  • อ.ด. สนับสนุนการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างเป็นทางการ
  • ระวังการเช็คชื่อบางวิชา เป็นการสุ่มเรียก บางทีก็เรียง บางทีก็ย้อน บางทีไม่ก็เรียกเลยนะ
  • ป้ายภาคหน้าธุรการคําว่า Electronic ไม่เติม s อ่ะ ไม่เชื่อไปดูได้!
  • งานราตรีที่เค้าเรียกแอนนิเวอสารี่ อย่าแต่งนักศึกษาไปเด็ดขาด ไม่งั้นคุณอาจจะกลายเป็นตัวตลกของน้องๆทันที
  • งานวันนั้น ผู้หญิงจะสวยที่สุด ลงทุนหาชุดกันเป็นเดือนๆ แต่ก็ยังมีผู้หญิงบางคนพยายามจะแหวกความสวยมาแข่งหล่อกับผู้ชายทุกปี
  • ห้องน้ําภาค กระดาษทิชชู่ไม่เคยเท่ากันระหว่างชายหญิง มักจะเป็นห้องผู้ชายหมดก่อนทุกที ไม่เข้าใจ
  • อย่าตื่นสายถ้าไม่จําเป็น เพราะลิฟต์แต่ละตัวกว่าจะมา มันนานมาจริงๆ กรุณาตรวจวิชาที่จะเรียนตอนเช้าให้ดีว่ามีเช็กชื่อหรือป่าวนะ
  • เรากดลิฟต์ชั้น 10 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของตึกแล้ว อาจจะมีคนจากชั้น 11 มาด้วยทําให้เข้าไม่ได้ หรือว่าพวกเค้าเป็นผี ยืนกันเต็มลิฟต์เลยอ่ะ!!
  • อันที่จริงเราขึ้นมาจากชั้นล่างๆนั่นหล่ะ เพื่อที่จะได้มีลิฟท์ลง ไม่งั้นเด็กอิเล็กครองลิฟขาลงหมด
  • แต่บางครั้งก็ต้องเห็นใจพวกเราอิเล็กฯบ้างนะครับ ขึ้นมาเต็มซะงั้น บางครั้งอาจารย์ก็ไม่ได้ลงด้วย
  • เขาว่ากันว่า ดาดฟ้าภาคอิเล็ก มี UFO มาจอด
  • และยังบอกอีกว่า ทุกวันศุกร์เหมือนมีนัดมีตติ้งภาคอิเล็กที่หลังมอ ปัจจุบันมีทุกวัน
  • คอนเซปภาคเรา "ภาคอิเล็กยิ่งใหญ่"
  • รุ่นที่19มีกลุ่มเด็กแว๊นประมาณ20คนเข้ามาเรียนและได้ตั้งแก๊งขึ้นแก๊งนี้มีชื่อว่า ม.ม.น.
  • แก๊ง ม.ม.น.เคยพยายามที่จะครอบงําเด็กรุ่นถัดไปเพื่อก่อตั้งรุ่นที่ 2 แต่โชคดีที่เด็กไหวตัวทันจึงไม่มีทายาท
  • แก๊ง ม.ม.น. นี้มีเจ้าแม่อยู่ในกลุ่มเป็นเทพเจ้าสก๊อยที่เหล่าแว๊นในกลุ่มต้องยําเกรง
  • ว่ากันว่ามีบางคนในแก๊ง ม.ม.น. ที่โด่งดังและร่ํารวยมากๆตั้งแต่ปี1 จากการขายน้ํายาล้างเท้าซึ่งดังจนถึงขนาดที่เข้าลิฟท์ที่ CB2 มีคนชี้แล้วซุบซิบๆนินทากันเลยทีเดียว
  • เขาคนนั้นได้ประกาศศักดาและวีรกรรมอันเป็นตํานานไว้มากมายอาทิเช่นระเบิดฟังก์ชั่นเจเนอเรเตอร์จนมีปัญหากับ อ.อ.พ.
  • นอกจากนี้แก๊งยังเต็มไปด้วยเหล่ามนุษย์ล่องหนที่บางคนตั้งแต่ปี1-4 ยังไม่เคยคุยด้วยก็มี
  • ปัจจุบัน อ.ย ได้เกษียรไปแล้ว แต่ยังสามารถที่จะเห็นได้ที่ชั้น 3 หรือเมื่อตีกลองที่ใต้ CB4 เสียงดัง
  • มีอาจารย์ท่านหนึ่งเป็นบุตรแห่งโอดิน
  • นศ.ภาคนี้มีความสามารถในการตัดโฟมที่เก่งกว่าการแก้สมการเสียอีก ซึ่งมีโรงงานนรกที่ควบคุมโดยกระเทย "ต." ในรุ่นที่ 1 และในรุ่นที่ 2 ก็มีกระเทย "ต." สืบทอดด้วยเช่นกัน
  • ดาดฟ้าปิดแล้วนะรู้ยัง

หอพักของมหาวิทยาลัย (หอใน)[แก้ไข ]

  • หอพักนักศึกษา (หอใน)สําหรับผู้หญิง เดิมเคยเป็นหอชาย และ หอชาย เคยเป็นหอหญิง
  • ขนาดของหอพักหญิงในปัจจุบัน ใหญ่กว่าหอพักชาย ๓ เท่า
  • ที่มีการสลับหอ เนื่องจากพบว่า นักศึกษาชายมักจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกมหา'ลัยในช่วงเทอม ๒ แต่ผู้หญิงอยู่เต็มจํานวน
    • บ้างก็เชื่อว่า มีการสลับหอเพราะมีขวดเหล้าตกไปในรั้วโรงเรียนที่อยู่หลังหอจํานวนมาก เพราะหอชายเก่าอยู่ติดกับรั้วโรงเรียนเลย
  • ปัจจุบัน การสลับหอพัก หญิง-ชาย ไม่ได้ช่วยให้จํานวนนักศึกษาที่เข้าพักในหอในเพิ่มขึ้น
  • กิจกรรมแรกพบมดหอใน เป็นกิจกรรมการเล่นเกมตามฐาน กินข้าว และจับบัดดี้ระหว่างหอชายกับหอหญิง
    • เป็นกิจกรรมที่ทําให้ นศ. หอชาย ได้แสกนหา นศ. หอหญิง หน้าตาดีๆ
    • ในสมัยที่หอในยังมีโทรศัพท์ภายใน การเล่นบัดดี้มักจะเล่นกันผ่านโทรศัพท์ บางคนเล่นกันเกือบเทอม ถึงจะเฉลย
    • บางคู่ก็คบกันเป็นแฟนไปเลย หลังการเฉลยบัดดี้
    • ปัจจุบันมักจะเฉลยกันคืนที่มีกิจกรรมเลย(ขี้เกียจเล่นอะ กูมาเอาคะแนนหอเฉยๆ)
  • นักศึกษาหอชายใช้วิธีการในการเข้าหอเวลาหอปิดโดยการบูมเทค(ปรากฏในปีการศึกษา 2547)
  • นักศึกษาเกือบทั้งหอใน ไม่สามารถเข้าหอได้ เพราะกิจกรรมเฟรชชี่เลิกหลังเวลาหอปิด(ปรากฏในปีการศีกษา 2550)
    • ที่ทําได้คือการยืนเกาะประตูหอ จนกระทั่งประตูเปิดตอน 1.00-1.30น.
  • เคยปรากฏ นศ. ใช้หอในในการระบายอารมณ์ โดยเดินตะโกนทุกชั้นว่า "กูตกฟิสิกส์" (ปีการศึกษา 2550)
  • เกิดปรากฏการณ์ต้นไม้รอบหอในออกลูกเป็นเสื้อผ้า และชั้นใน ในปีการศึกษา 2550 สาเหตุเกิดจากลมกรรโชกแรงมาก
  • คนที่อยู่ชั้นล่างของเรา คือพวกชั้นต่ํา(ถ้าลิฟต์เสียคนชั้นสูงจะรู้สึกตัว)
  • ชั้น L คือที่ประจําการของหน่วยคอมพิวเตอร์ประจําหอ ถูกควบคุมการปิดเปิดโดยพนักงานรักษาความปลอดภัย
  • จําไม่ได้ว่าเพื่อนเราอยู่ห้องไหนเหรอ ลองมองหาชื่อเพื่อนจากใบแจ้งค่าไฟที่บอร์ดสิ
  • บันไดหนีไฟมีไว้ให้ช่างซ่อมไฟ ตู้น้ํา ฯลฯ ใช้
  • สําหรับคนที่ไม่ได้อยู่ชั้นบนสุด หากคุณนั่งทําธุระในห้องน้ํา แล้วได้ยินเสียงน้ําไหล ไม่ต้องตกใจ มันมาจากชั้นบน
  • การเดินลงบันไดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน อาจเร็วกว่าการใช้ลิฟต์
  • ถ้าอยู่ชั้นสูงๆ แล้วโดนยุงกัด ไม่ต้องสงสัย มันขึ้นลิฟต์มา
  • หอในเป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมทั่วทุกภาคของไทย มาจากที่ไหนเราก็พี่น้องกัน
  • อาจมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในบางคืน
  • มีปรากฏการณ์มาม่าเย็นช่วงเวลาใกล้เที่ยงคืน
  • ปัญหาดังกล่าวแก้ได้โดยไปเอาน้ําร้อนอีกชั้น
  • บางคนก็แก้โดยการโกงตัวตัดไฟ
  • อย่าแปลกใจถ้าแปรงสีฟันคุณอยู่ในปากคนอื่น ถ้าไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อย่าทิ้งแปรงสีฟันให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว
  • อาจมีบริการน้ําร้อน-เย็น จากบรรดาเพื่อนร่วมชั้นในหอ ขณะอาบน้ําอยู่ มาทีเป็นถัง
  • ปีการศึกษา 2547 ห้องน้ําชั้น6ของหอชาย หลังเที่ยงคืน น้ําท่วมทุกวัน
  • ในปี 49 มีนักศึกษาวิศวกรรมไฟฟ้า 13 คน ได้สร้างตํานาน 11 ทรราช ไว้ที่หอใน และมีการติดชื่อไว้ที่บอร์ดหอใน ปีต่อมา..( 11 เพราะ เป็นเด็กหอนอกสอง มันโดดประตูหนี )
    • หอในไม่สามารถนําเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านประตูได้ แต่จากชั้น L สามารถนําขึ้นได้ด้วยลิฟตะกร้าผ้า...
  • บนดาดฟ้า และในห้องน้ํา ถ้าเห็นคนนั่งสมาธิ ไม่ต้องตกใจ
  • ช่วงรับน้องจะมีหน่วยเก็บศพ ไปคืนห้อง
  • ตีสนิทกับห้องข้างๆ เอาไว้ ถ้าเข้าห้องไม่ได้ก็ปีนระเบียงจากห้องข้างๆเอา(สังเกตเอาว่าประตูระเบียงจะเปิดกันตลอด)
  • โจรก็ใช้วิธีีนี้
  • ยังไม่มีนักศึกษาตกมาตาย
  • มีคนปีนอย่างเอาเป็นเอาตาย พอเข้าห้องได้ปรากฏว่าเพื่อนนอนหลับอยู่ในห้อง
  • ไม่อนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ในหอ แต่ก็มีเด็กเมาในหอบ่อยๆ
  • ในหอชายอาจจะมีเสียงผู้หญิงร้อง ไม่ต้องแปลกใจมันมาจากสื่อรูปแบบหนึ่ง
  • เรียนดรออิ้งแต่ไม่มีโต๊ะดราฟรึ? ไม่เป็นไร เด็กหอทั้งหลาย ตอนเช้าๆให้ไปที่หน้าต่างของหอฝั่งตะวันออก เอางานต้นฉบับแปะไว้ที่หน้าต่างด้านนอก ฉบับที่เราจะลอกไว้ด้านใน (แปะให้ตรงกันนะ) แล้วคุณจะได้โต๊ะดราฟพลังงานแสงอาทิตย์
  • ล่าสุดหอในมี internet ใช้แล้ว โหลดบิทกันกระจาย สาธุ... อย่า block ตูเลยยยย
    • ล่าสุดบล็อกไปแล้ว T__T
  • ในปี 2546 มีรุ่นพี่อุตสาหการสร้างตํานานอันลือลั่นด้วยการ ฉี่จากชั้น 7 ของหอในลงมาถูกหัวป้าร้านขายข้าวที่ชั้น 1 ได้อย่างแม่นยํา
  • อาบน้ําให้ระวัง กระเทยอาจจะกําลังแอบมองน้องชายคุณอยู่
  • แอบมองจงระวัง ไปแอบดูน้องชายของเด็กเครื่องกล โยธา อุตสาหการ อาจจะโดนตามมารุมกระทืบเอาทีหลังได้
    • AGIA เป็นชื่องค์กรที่เกรี้ยวกราด ดุร้าย ที่สุดในหอพักนักศึกษา
      • มันย่อมาจาก Anti Gay International Army ก่อตั้งในปีที่ 2551
    • ก่อตั้งโดย 1.ท่านผู้พัน แว่นเขียว ต.แห่ง วิศวกรรมเครื่องกล
    • 2.ท่านเสธ อ ม. แห่ง มัลติ
    • 3.ท่านแม่ทัพ ม. แห่ง เทคโนโลยีสารสนเทศ IT
    • เพื่อกําจัด เกย์ที่มารุกรานห้องพัก
    • เชื่อหรือไม่ องค์กรนี้มีสมาชิกมากมาย กระจายตัว เต็มไปหมด
      • แถม ยังมีการติดอาวุธประจํากายเป็นจํานวนมาก โปรดระวัง(พร้อมรบได้ทุกเมื่อ)
    • ขึ้นอยู่กับท่านผู้พันเท่านั้น ที่แต่งตั้งยศ
      • ผู้เขีียน ยังเป็นพลทหารน้อยๆอยู่เลย อยากเลื่อนยศบ้าง
        • ได้ข่าวว่าได้เลื่อนยศแล้วดีใจด้วย
  • หอในของวิทยาเขตบางขุนเทียน ไฮโซ ระดับ โรงแรมห้าดาว
    • มีแยกหอชายหญิงในสัดส่วนจํานวนห้องที่เท่าๆกัน
      • มีฟิตเนส แต่ไม่มีคนเข้า
  • แต่ละห้องมีความกว้างสุดยอด
  • ไม่มีรับน้องหอ
    • ไม่มีกิจกกรมหอ (นอกจากปฐมนิเทศน์)
  • เสียงประชาสัมพันธ์ตามสาย มักฟังดูดีและเซ็กซี่
    • หารู้ไม่ว่าเป็นเสียงของป้ายามใต้หอ
  • เวลาประกาศประชาสัมพันธ์มักไม่มีใครฟังรู้เรื่องถ้าอยู่ในห้อง
  • เคยมีคนเห็นว่า ป้าที่ทําความสะอาดแอบเข้าไปนอนในห้องของ นศ. เวลา นศ.ไม่อยู่
  • ของหายบ่อยและจับตัวไม่เคยได้(ทั้งๆที่มีกล้องวงจรปิด)
  • ค่าเช่าห้อง ค่าน้ํา ค่าไฟ ต่อให้อยู่หลายคนก็ไม่แชร์
    • ห้องนี้ ค่าไฟ 400 อยู่ 3 คนก็จ่าย 400 ทั้ง 3 คน
      • ทําให้ทราบได้ว่า เจ้าของหอ รวยมาก

2B-KMUTT (ทูบี เคเอ็มยูทีที)[แก้ไข ]

  • ชื่อเต็มๆว่า "โครงการสร้างยุวชน สู่ถนนนักวิจัย"
    • บางคนเข้ามาจนจบแล้วก็ยังไม่เคยรู้ จริงๆนะ
      • บางคนเข้ามา 2 ปีแล้วก้อยังไม่รุเลยยย=[]=
    • เวลาบอกสั้นๆกับคนนอกค่ายว่า มาเข้าค่าย "ทูบี" มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็น "To Be Number 1"
    • 2B มีสองความหมาย
      • ความหมายแรกคือ The "B"est and The "B"rightest
      • อีกความหมายคือ To Be
  • เป็นโครงการที่ตั้งขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเอง โดยส่วนคัดเลือกเป็นผู้จัด ร่วมกับอาจารย์ร่วมสองร้อยท่าน และนักศึกษาอีกมากมาย
  • นอกจากค่าสมัครแล้ว โครงการนี้ "ฟรี"
    • ยกเว้นค่ากินค่าอยู่ในค่าย จ่ายเองนะ
      • ถึงโครงการนี้จะฟรี แต่เด็กทุกคนก้อต้องใช้เงินกันมากอยู่นะTT^TT
  • จริงๆแล้วเป็นโครงการค่ายวิจัย
    • นับว่าเป็นค่ายที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของใครหลายๆคน (รุ่นที่ 6 ปี 2552 เข้าไป 21 วันเต็ม)
      • รุ่น 7 ทุบทุกสถิติคือ 29 วัน!!
        • รุ่นที่ค่ายยาวนานที่สุดคือรุ่นที่ 1 ระยะเวลา 5 สัปดาห์ (รวมสงกรานต์)
 - รุ่นที่10 กําลังจะเกิดขึ้น วันทีี่ 11 มีนา - 3 เมษา 2556 
  • มีหลายคนที่เข้าค่ายนี้เพราะอยากเข้าที่นี่
    • อันที่จริงก็แทบทุกคน
    • เพราะว่ามีโควต้า 2B-KMUTT สําหรับการเข้าเรียน มจธ. โดยเฉพาะ
      • เป็นโควต้าที่ไม่ต้องไปแก่งแย่งที่นั่งกับการรับแบบอื่น เช่น รับตรง เรียนดี
      • แต่ต้องมาทําวิจัยสู้กันกับเพื่อนๆเนี่ยแหละ
  • แต่มันก็ง่ายกว่าการอ่านหนังสือ จริงไหม
    • ล่าสุดพบว่า เด็กทูบีในมหาลัย เริ่มทํากิจกรรม เพื่อทําชมรมแล้ว
  • จะมี ทูบี ออนทัวร์ ด้วยนะเร็วๆนี้
    • ปัจจุบัน (2556) มี ทูบีออนทัวร์ แล้ว 3 รุ่น
    • ทูบี ออนทัวร์ เป็นค่ายเล็กๆที่เด็กทูบีในมหาลัย ยกโขย่งกันออกไปจัดค่ายที่โรงเรียนมัธยมต่างจังหวัด
  • เรื่องเล่าต่างๆภายในค่ายจะมีการบอกต่อจากรุ่นถึงรุ่น ในทุกๆปี
    • เรื่องแรกคือฐานทับลับ ฟีโบ้ ว่ากันว่ารุ่นพีที่ทําทูบีและฟีโบ้ จะได้ลงไปทําความสะอาดหุ่นยนต์ แต่จะต้องเก็บเป็นความลับ
    • เรื่องสําคัญ คือ ยามลานแดง ไม่รู้ทําไหมต้องเป็นยามลานแดงทุกที ว่ากันว่า ยามลานแดงมีเวณเฝ้าหุ่นฟีโบ้ด้วย
  • ว่ากันว่ารุ่นที่ 6 เป็นรุ่นแรกที่พี่ๆใจดีไม่ได้พาน้องๆไปทําพิธี ไหว้ช่อฟ้า หลังจากน้องรุ่นที่ 5 โดนกันไปเต็มๆ
  • เมื่อเขามาอยู่สักพักหนึ่ง พี่ๆในค่ายจะแอบกระซิบ ให้น้องๆระวัง คนที่คุณควรจะรู้ว่าใคร
    • like..รุ่น 8 จะมีมาโบโร่ สาระแน่
  • รุ่นที่6 เป็นรุ่นแรกที่มีการเปลี่ยนแปลง หลายๆอย่าง เช่นน้องต้องเขาค่ายสองรอบ คือ ม.4 และ ม.5
  • ได้ข่าวมีแผน ย้ายการเลี้ยงรุ่น bye nior เข้ามาช่วง มกราคนนี้ (ผู้เขียนคิดว่า จัดกลางค่ายเหมือนเดิมดีแล้ว เพราะทําให้พี่ๆค่ายสนิทกันมาก และเข้าถึงกันได้มากขึ้น)
  • เพลงสันทนาการของ ทูบี ยังไม่ค่อยมีการอัพเดทเพลง ของ ชมรมสันทนาการ มากนัก ไม่รู้ว่าทําไม ทั้งที่ก็มีพี่ๆหลายคนอยู่ใน ชมรมสันทนาการ ของมหาลัย
    • แต่เพลงสันทนาการของ ทูบี ถือว่าเป็นเพลงที่หลากหลาย เพราะรวมเอาเพลงจากหลายๆคณะมาไว้ด้วยกัน ซึ่งหลายๆเพลงก็เป็นเพลงเฉพาะภาค ที่ชมรมสันฯไม่สามารถรวบรวมได้ ( แต่ทูบีได้มา อิอิ )
  • พี่ๆทูบี ปัจจุบัน กําลังพัฒนาค่ายในกลายเป็นชมรม หวังว่าอีกคงไปนานมากนัก
  • มีเด็กทูบี บางส่วนที่ลืมกรรมพืช ของตนว่ามาจากทูบี แนะนําว่า ถ้ามาเข้าค่ายแล้วได้โคตร้า ก็ควรกลับมาช่วยค่ายบ้างจะดีมาก
  • หากไม่ ก็ย้าย มอ เถอะครับ จะได้ไม่โดน
  • น้องๆทูบี หลายคนที่เข้าวิศวะ แล้วมักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ว่าง งานเยอะ เรียนหนัก
  • เกรดของเด็กทูบีแรกๆ เข้ามาทุกคนมักจะตกต่ํามากๆๆ แต่พอผ่านไปสักพัก ทุกคนจะขึ้นสูงมาก
  • แต่ก็ไม่มี เกียรตินิยม เพราะตอนเทอมหนึ่ง c กับ D ระนาวววววว(เรื่องจริง)

ไม่จริงหรอกมีเด็ก 2B-KMUTT ตั้งหลายคนที่ได้เกียรตินิยม ทั้งอันดับ 1 และ อันดับ 2 (เราเป็น 1 ในนั้น)ตั้งแต่เด็ก 2B-KMUTT รุ่น 1 แล้ว บางข้อมูลไม่ใช่เรื่องจริง อย่าเอามาเขียนมั่วๆ แบบนี้ 2B-KMUTT เสียหาย

  • มีประโยคเด็ด ประโยคหนึ่งที่มักพูกกันว่า "เด็กทูบี ไม่ว่าอยู่ที่ใดในโลกนี้ คุณก็คือเด็กทูบี"
  • ใครที่อยู่รุ่นบุกเบิกจะทราบว่า เด็กโครงการนี่รุ่นแรกๆ เข้าโครงการเพื่อ หาคณะที่ตนชอบ แต่ภายหลัง กลายเป็น แย่งกันเข้าเพื่อจะเอาโควต้าเรียนต่อ
  • รุ่น 8 ได้เป็นรุ่นบุกเบิกในการไปค่ายอาสา ณ วิทยาเขตราชบุรี กินนอนกับแมลงกลางป่าดงดิบ
    • ที่นั่น..ร้อมม๊ากกกกกก ขนาดดอกทานตะวันยังต้องยอมแพ้
    • แมงเม่าเยอะจนนับศพกันไม่หวาดไม่ไหว..เจอกันจนชินอ่ะ=[]=
    • ยามบอกว่า อย่าออกไปเกินขอบรั้วไม่งั้นมีงูเห่า =='

ชมรมสันทนาการและเชียร์ (Alumilize)[แก้ไข ]

  • ชื่อเต็มภาษาไทยคือ ชมรมสันทนาการและเชียร์ เบียร์และเหล้า !?
  • มีชื่อเล่นภาษาอังกฤษว่า Alumilize (อลูมิไลซ์ บางคนก็เขียน อะลูมิไลซ์) มีที่มาจาก อะไรมิรู้ !?
  • มีชื่อเรียกเล่นๆสั้นๆ ว่า อลู ( หรือ อะลู )
  • เป็นชมรมสันของมหาลัย ไม่ใช่ ทีมสัน
    • มีเด็กในชมรมมาจากทุกภาควิชาในมหาลัย
      • แต่เด็กวิทยามีน้อยมาก ไม่รู้ทําไม บางรุ่นมีคนเดียว (ปัจจุบันมีทุกภาค แต่รวมกันไม่ถึง 20 คน)
    • ทําให้ถูกเชิญไปสันทนาการให้กับงานของภาควิชาหรือคณะต่างๆอยู่เสมอ เช่น เชียร์วิศวะ3พระจอม เคมเอนเกมส์ เกียร์เกมส์ เป็นต้น
    • ส่วนใหญ่จะเป็นงานของวิศวะ เพราะเด็กในชมรมส่วนใหญ่เป็นวิศวะ
    • ล่าสุดกําลังหาช่องทางเข้าร่วม CGAM ของมัลติ และ กีฬา4เทียน ของครุฯอยู่
  • รับจ้างสันทนาการและร้องเพลงแฮ้ปปี้เบิร์ดเดย์ทั่วราชอาณาจักร
  • รวมไปถึงรับจ้างออกทีวีด้วย !?
  • สัญลักษณ์ประจําชมรม คือ มดที่มีปีก 2 ข้าง ประกอบด้วยปีกเทพข้างขวา 3 ปีก และปีกมารข้างซ้าย 3 ปีก มีวงแหวนเทวดาอยู่บนหัว และมีหางปีศาจ ( มีรุ่นพี่คนหนึ่งบอกว่า ท่าหลีดเพลงพระจอมเกล้าธนบุรีท่าแรก มาจากตัวอลูนี่แหละ ไม่เชื่อลองไปดูสิ )
  • เครื่องแบบของชมรม คือ เสื้อชมรมสีดํา และ กางเกงเลสีแดง
  • เสื้อชมรมต้องทําการคัดเลือก ออดิชั่น สมาชิกเพื่อเข้าชมรมก่อนถึงจะได้รับ ไม่มีขาย เพื่อหาคนที่เป็น Alumilize อย่างแท้จริง ไม่เจ๋งจริงอยู่ไม่ได้
    • แบ่งสมาชิกในชมรมออกเป็น 2 ฝ่ายใหญ่ๆ คือ ฝ่ายสันทนาการ และ ฝ่ายเชียร์
      • ฝ่ายสันทนาการ คือ พวกที่ตีกลองแหกปากทั้งวัน สร้างความวุ่นวายไปทั่วมหาวิทยาลัย ซึ่งต้องทําการคัดเลือกโดยการ... หึหึ
      • ฝ่ายเชียร์ คือ หลีดมหาลัย เป็นการคัดเลือกของหลีดมหาลัย ถ้าใครคัดหลีดมหาลัยผ่าน ถือว่าเป็น Alumilize โดยอัตโนมัติ และไม่สามารถทําการคัดเข้าฝ่ายสันได้ ( ตอนนี้ทําได้ แต่ต้องคัดเลือกเหมือนฝ่ายสัน ซึ่งคัดเลือกโดยการ...)
        • ปัจจุบันพบว่า มีพี่ๆหลายๆคนที่ คัดเข้ามาแบบนึง แต่ปัจจุบันทําหน้าอีกแบบนึง (ยังไงก็อลูเหมือนกันแหละเนาะ)
    • รายชื่อน้อง ปี1 ที่มาลงชื่อที่ชมรมในวัน เปิดโลกกิจกรรม ของทุกปีอยู่ที่ประมาณ แปดร้อยกว่าคน แต่ตอนมาคัด เหลืออยู่ไม่ถึง 50 คน TT^TT
  • Alumilize รุ่นแรก คือรุ่นศูนย์
    • ปัจจุบันมีถึงรุ่นที่ 14
    • มีประวัติชมรมที่มาก่อนอลูรุ่นศูนย์ แต่ผู้เขียนอายุไม่มากพอ อยู่ไม่ทัน
    • พี่ๆที่ก่อตั้งชมรมรุ่นศูนย์ ส่วนใหญ่มาจาก อิเล็ก แต่ปัจจุบันประชากรอิเล็กในชมรมน้อยมาก ไม่รู้ทําไม
    • วันเกิดอลู รุ่นที่ 4 วันที่ 4 กรกฎาคม 2551
    • วันเกิดอลู รุ่นที่ 5 วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552
    • วันเกิดอลู รุ่นที่ 6 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553
    • วันเกิดอลู รุ่นที่ 7 วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554
    • วันเกิดอลู รุ่นที่ 8 วันที่ 7 กันยายน 2555
    • วันเกิดอลู รุ่นที่ 9 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556
  • อาจารย์ที่ปรึกษาชมรม เป็นอาจารย์ของภาควิชาที่นศ.ในภาคส่วนใหญ่เต้นสันไม่ได้
    • ซึ่งก็เคยมีนศ.จากภาคดังกล่าว เป็นประธานชมรมไปแล้ว 1 รุ่น
  • มีพี่ประธานชมรมท่านหนึ่งบอกมาว่า "ประธานชมรมทุกรุ่น เป็นตุ๊ด!!"

ความเชื่อ[แก้ไข ]

  • เพลงวิญญาณ เป็นเพลงต้องห้ามของมหาลัย แต่งโดยรุ่นพี่ภาคเค็มเอ็น ดังนั้น ในการประชุมเชียร์ของวิศวะ เด็กเค็มเอ็นจะได้รับเกียรติให้เป็นผู้ร้องนํา จะถูกใช้ในพิธีรับน้องเข้าสู่คณะ เพลงนี้จะไม่มีการซ้อมโดยเด็ดขาด ยกเว้นเด็กเค็มเอ็น น้องใหม่จะต้องฟังเด็กเค็มเอ็นร้อง แล้วจําให้ได้ แล้วร้องตาม พิธีนี้จะให้ร้องเพลงวิญญาณไปเรื่อยๆจนกว่าน้องใหม่จะร้องได้ครบทุกคน แต่ปัจจุบันไม่ใช่ เฉพาะเดก CHE แล้วที่จะร้องเพลงวิญญาณ แต่เปนเดกทุกภาควิชา
  • ทุกปีที่มีการร้องเพลงวิญญาณของเด็กเเอ็นฝนจะตกทุกครั้งซึ่งเป็นมาอย่างนี้3ปีติดแล้ว และปีนี้หล่ะ?
  • ทางเชื่อมตึกวิศวะเคมี มีประวัติที่น่าขนลุก
  • ก่อนสอบจะเป็นช่วงเวลาแห่งการไหว้พระจอม โดยเฉพาะเวลาประมาณ 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน แต่มีความเชื่อกันว่าถ้าไหว้กันตอนเที่ยงคืนจะมีโอกาสสําเร็จตามที่ขอมากที่สุด พิสูจน์ได้จากจํานวนคนที่มาไหว้+พระจอม และปริมาณควันที่สุมอยู่หน้าพระจอม
    • คนที่มาไหว้แรกๆจะปักธูปที่ขอบกระถาง ทําไมไม่เริ่มปักตรงกลาง?
    • มาไหว้ช้าจะไม่มีที่ปักธูป
    • กระถางธูปหน้าพระจอมเคยไฟลุกมาแล้วตอนช่วงสอบ (คาดว่าเกิดจากการรวมตัวกันของธูปจากหลายๆสํานัก)
  • ก่อนจะมีกิจกรรมอะไรที่มีเสียงดัง ให้จุดธูปไหว้เจ้าที่ก่อน เนื่องจากตีกลองแล้วจุกกันมาหลายราย
    • เคยมีคนเข้าห้องน้ําตึก IT ตอนเที่ยงคืนตีหนึ่ง พอเดินออกมา กลับได้ยินเสียงคนเดินตาม โดยที่ไม่มีใครตามมาด้วย
  • ชั้น5 ตึก CB3 จะเป็นอะไรที่เงียบมากหลัง 6โมงเย็นน้อยคนที่จะเห็นว่ามีคนอยู่ แม้กระทั่งแม่บ้าน(แกไล่คนลงเนื่องด้วยเหตุผลบางประการ)
  • ตึก CB3 ป๋อง กพล ทองพลับ ดีเจวัยใส เคยมาตั้งกล้องส่องพลังงานรูปแบบหนึ่ง ซึ่งแกชื่นชอบมาก(สงสัยกําลังหาแหล่งพลังงานแห่งใหม่)
  • ลิฟต์ที่ CB3 มีประวัติเหมือนกัน
  • หลายๆที่ ของตึกมีสายสิญจน์วนอยู่ เหมือนใช้แทนสายไฟ
  • มีคนเคยส่องกระจกในห้องน้ําแล้วก็เห็นนศ.คนหนึ่งนั่งอยู่บนโถส้วม ทั้งที่เค้าเข้าห้องน้ําแค่คนเดียว

เรื่องลึกลับ[แก้ไข ]

  • ลิฟท์ตึก MTA ชอบ จอดชั้น 2 ทั้งขาขึ้นและขาลง ทั้งๆที่ไม่มีคนรอขึ้น
    • และพอเปิดแล้วไม่ค่อยจะปิดให้ด้วยสิ
  • มักมีคนเห็นศพลอยตามแม่น้ําสายเล็กๆที่วิทยาเขตบางขุนเทียน
    • เพราะตรงนั้นในอดีตเป็นที่ที่ศพจะลอยมาตามน้ําแล้วมาติดอยู่มากมาย
      • ล่าสุดเห็นมาหลายศพเลยทีเดียว...ศพปลา!...
  • เคยมีคนเห็นคนใส่ชุดเกราะเดินเล่นอยู่
  • หน้าตึกอธิการเป็นที่ที่มีคนเห็นคึนแต่งตัวแปลกๆเดินอยู่
  • เล่ากันว่าที่วิทยาเขตบางขุนเทียนยังไม่ไดโนเสาร์หลงเหลืออยู่
  • ไม่รู้ทําไมแต่เด็กถาปัดกับมีเดียอาตส์ไม่ถูกกัน (คนเขียนไปรู้มาจากไหนว่าเขาไม่ถูกกัน)
    • ทั้งๆที่ทั้งวิยาเขตมี ป.ตรีแค่ 2 คณะ
      • และตึกก็อยู่ติดกัน
  • ลาดโล่งๆ กลางตึกวิศวะเคมีเองก็มีที่มาที่น่าขนลุกเช่นกัน แต่เดิม แบบของตึกนั้น ไม่มีลานกลางตึก แต่ เนื่องจาก ไม่สามารถตอกเสาเข็มในบริเวณนั้นได้ ตอกเท่าไร เสาเข็มก็จะถูกดันขึ้นมา เลยทําให้ต้องมีการเปลี่ยนแบบอย่างที่เป็นในปัจจุบัน
  • ตึก CB3 F.5 & 7 เค้าเล่าว่ามี ผี... และในปัจจุบัน (2551) ระหว่างการทําละครเวที F.6 ก็มีคนเล่าแทบทุกวันว่าเจอผีเช่นกัน
  • กรรมของเด็กมัลติ ที่ดันไปอยู่ระหว่าง 2 ชั้นที่ว่านั่น
  • ที่ตึก LNG ว่ากันว่าจะมีห้องนึงซึ่งจะมีผู้ที่ต้องการใช้ในขณะนั้นเท่านัน้ที่เปิดได้
  • ตึกCB3 ชั้น6 มีทางที่ทะลุไปชานชาลา 9 3/4
    • มีคนพบเห็นบุคคลถือแท่งไม้คล้ายไม้กลอง สวมเสื้อคลุมตัวยาวทั้งตัว สวมแว่นตา บนหน้าผากที่แผลเป็นรูปสายฟ้า เดินไปมาแถวๆนั้นอยู่บ่อยๆ
  • เหล่านักศึกษาที่เปอร์ (เรียนมากกว่า 4 ปี) บางครั้งก็ถูกเรียกว่า วิศวกรรมภาษา (Languages Engineering)เนื่องจากพูดได้หลายภาษา
  • วันดีคืนดี คุณจะเห็นผู้ชายหน้ายาวๆ หัวค่อนข้างเถิก โวยวายใส่หญิงสาวหน้าตาน่ารัก แถวป้ายรถเมล์หน้ามหาลัย หลายคนเห็นจนชิน บางคนบอกว่า เค้าถ่ายละครกันอยู่,เรื่องของแฟนทะเลาะกัน,กิจกรรมว้ากน้องนอกเวลา
  • วันไหนอากาศดีคุณจะเห็นเค้าทั้งคู่กินข้าวด้วยกัน
    • หลับจากปิดเชียร์ คุณอาจเห็นคนคนทั้งคู่นั่งซ้อนท้ายจักรยานกันอย่างกะหนุงกะหนิง
  • บริเวณลานแดง อาจจะพบผู้ชายร่างท้วมๆ นอนอยู่ จําเค้าเอาไว้ เค้าก็คือนักศึกษามหาลัยเรา (อาจเห็นได้ในช่วงเย็น - กลางคืน บางวันอาจเห็นได้ทั้งวัน เค้านั่งที่เครื่อง 42 เป็นประจํา)
    • ในขณะที่ผมกําลังเขียนอยู่นี้ เค้าก็กําลังนั่งอยู่
    • ว่ากันว่าเค้าเป็นสายลับ สายตรวจ ไอ้โรคจิต นักวิจัย ผู้นําลัทธิ ผู้นําประเทศ แล้วแต่จะคิด ปัจจุบันยังอยู่(2550)
    • แต่หลายครั้งที่ผมเห็นเค้าเปิดเว็บโป๊
  • ใต้สระมรกต เป็นที่เก็บซากโต๊ะโรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง บ่อยครั้งที่จะเห็นฟองอากาศผุดขึ้นมา คาดว่าปลาและเต่าคงใช้นั่งประชุมกัน - ล่าสุด(ปี 2557)มีการสูบน้ําออกจากสระมรกต พบเพียงเต่าปลา ขอนไม้และซากขยะอื่นๆ
  • ถ้าเดินในบริเวณมหาลัยตอนดึกๆ อาจจะได้เห็นผู้หญิงถือมีดยาวๆเล่มนึงเดินบริเวณรอบๆ ศาลาวีรชน
  • เมื่อก่อน หน้า ม เคยมีคนบ้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ แต่แท้จริงแล้วเขาคือร้อยตํารวจเอกปลอมตัวมาเพื่อสืบคดีบางอย่าง แต่น่าเสียดายที่เขาถูกเหล่าร้ายจากองค์การ ช๊อกก้า ฆ่าตายในปี 2548
  • ในห้องน้ําของตึก SCL ว่ากันว่าตอน 6 โมงเย็น จะได้ยินเสียงผู้หญิงคอยขอโทษกรอกหูเรา
  • หอหญิงห้อง 1017 มีตํานาน...
  • มีผู้หญิงคนหนึ่ง อักษรย่อ บ. รหัส 52 ของภาควิชาวิศวกรรมเคมี (ปัจจุบัน จบการศึกษาไปแล้ว) มีความสามารถในการควบคุมฝนได้ โดยการปักตะไคร้ ผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยงานถวายบังคม ปี 54 เธอสามารถทําให้ฝนไม่ตกได้ ทั้งที่รอบข้างมหาวิทยาลัย ฝนตกหนักมาก และเมื่อมหาลัยมีงานทีไร ถ้าฝนจะตก จะมีคนเชิญเธอมาตลอด ชื่อเสียงดังไปถึง มศว. ทีเดียว

ของกิน และแหล่งท่องเที่ยว[แก้ไข ]

  • ข้อมูลปกปิด
  • ในอดีต สวนธนบุรีรมย์ เป็นไร่ส้มบางมด ซึ่งคุณลุงคุณป้าเจ้าของใจดี และเอ็นดูนักศึกษาบางมดมาก อนุญาตให้นักศึกษาเข้าไปเด็ดส้มกิน ตั้งวงเหล้าได้ตามใจชอบ (จึงเป็นที่มาของเพลง มดน้อยในไร่ส้ม สําหรับรุ่นพี่รุ่นเก่าๆแล้ว เพลงนี้ถือเป็นเพลงสําคัญของมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว) แต่ต่อมา คุณลุงคุณป้าเลิกทําไร่ส้ม จึงบริจาคพื้นที่ให้ มหาวิทยาลัย แต่ มหาวิทยาลัยเห็นว่าไม่มีปัญญาดูแล พื้นที่จึงตกเป็นของ กทม ไป
  • รอบๆ มหาวิทยาลัย มีแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนามากมาย ทั้งวัด มัสยิด และโบสถ์ (เรียกว่าแหล่งท่องเที่ยวเหรอเนี่ย)
  • หน้ามหาวิทยาลัย มีร้านข้าวไม่ต่ํากว่า 10 ร้าน แต่ทุกร้านเมนูเหมือนๆกันหมด
  • ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือร้านสามเจ๊ (เจ๊ณี, เจ๊จิ๋ม, หม่าม้า) (อันสุดท้ายไม่เห็นเจ๊เลย)
    • เวลาเฉลี่ยในการทําอาหารหนึ่งจาน: เจ๊จิ๋ม < เจ๊ณี < หม่าม้า
      • ปัจจุบันสามเจ๊เป็นแค่ตํานาน เพราะหม่าม้าเลิกขายไปแล้ว ปัจจุบันกลายเป็นพรนมสดแทน แต่ก็อาจจะนับเป็น neo-สามเจ๊ได้นะ
    • ร้านเจ๊ณีมีบริการน้ําดื่มจากเครื่องกรองน้ํา(น้ําประปาดื่มได้)
    • คุณรู้ไหม เจ๊ณี กับ หม่าม้า เป็นญาติกัน ไม่เชื่อถามอาม่าร้านเจ๊ณีดูสิ ผมเคยคุยกับแกมาแล้ว
      • ปัจจุบันไม่มีเจ๊ณีแล้ว
  • เป็นที่เชื่อว่าร้านอาหารบางร้านมีพ่อครัวเป็นลูกศิษย์ของพระเอกภาพยนตร์เรื่อง Ratatouille!!!
  • ร้านเพื่อคุณและร้านป้ามะลิขายเมนูปลาดุกฟูถูกที่สุด คือ 25 บาท
    • ตู้แช่โค้กในร้านเพื่อคุณมีสติ้กเกอร์ติดว่า "โค้กที่อุณหภูมิ 4 องศา คุณลองหรือยัง" แต่โค้กในตู้กลับมีอุณหภูมิ 30+ องศา
    • ในเมนูร้านเพื่อคุณ มีสายฝน กรองทิพย์ LM ฯลฯ อยู่ในรายการเครื่องดื่มด้วย!
    • ร้านป้ามะลิ เป็นร้านอาหารที่มีมือถือขายด้วย!
    • โดยปกติ คนที่สั่งข้าวร้านป้ามะลิเสร็จแล้วเห็นเพื่อนเดินไปร้านเพื่อคุณ จะได้เห็นเพื่อนเดินกลับในขณะกินข้าว!?
  • ร้านที่แพงที่สุดคือ BKK Grill
    • มักเป็นที่เลี้ยงสายรหัสในยามที่ขี้เกียจเดินทาง
    • ชื่อใหม่ของร้านนี้คือ พม่า Grill สังเกตได้จากเด็กเสิร์ฟ
  • ร้าน Frog ซึ่งอยู่ชั้นสองของตึกหน้ามหาวิทยาลัย มีครัวอยู่ที่ชั้นหนึ่ง หลังร้านการ์ตูน ข้างร้านเสริมสวย <<< ปัจจุบันร้านการ์ตูนที่ว่า เปลี่ยนเป็นร้านขายเสื้อยืด แต่ตอนนี้ เซ้งแล้ว ^ ^ ขายดีจัด
  • ร้านเทคโน47 เคยมีเมนูบะหมี่ X.O. ขายด้วย แต่ปัจจุบันเลิกขายแล้วเพราะ X.O. ราคาแพงเกินไป
  • ร้านพรนมสดมักมีลูกค้าแน่นร้านเสมอ เมื่อมีฟุตบอลถ่ายทอดสด!
    • ร้านพรนมสดมีกางเกงเลขายด้วย
  • ว่ากันว่าถ้าจะกินที่ร้านสิงห์บูล ต้องหาเด็กผู้ชายเอ๊าะๆ ไปด้วย!?
    • คาดว่าร้านสิงห์บูลมีความเกี่ยวข้องกันกับกลุ่มชะนีไม่แปลงเพศหน้า ม. ตอนดึกๆ
  • ร้านกรรณิการ์(ประชาอุทิศ45) เริ่มต้นจากการมีแม่ครัวเป็นคนไทย ต่อมาเริ่มมีลูกจ้างเป็นชาวต่างชาติ ปัจจุบันทั้งลูกจ้างและแม่ครัวเป็นชาวต่างชาติ(ประเทศเพื่อนบ้าน)
    • มีบริการสอนภาษาที่สาม สี่ ห้า ให้เป็นการสมนาคุณลูกค้าด้วย
  • ร้านคาร์แคร์ในซอยประชาอุทิศ45 ได้กลายสภาพเป็นร้านข้าวและร้านเสต็กเรียบร้อยแล้ว
  • ร้านOrange (ส้มสมหวัง) ไมรุ้ว่าทําไมเป็นร้านที่มีคิวยาวที่สุด บางอย่างอร่อยบางอย่างไม่อย่าง โกโก้อร่อยที่สุด
    • ทอดไข่เจียวได้ฟูที่สุด
  • ร้านข้าวมันไก่หน้า ม. (ข้าวมันไก่ทอดในตํานาน) ข้างเซเว่น เป็นร้านที่เปิดทําการน้อยที่สุดในโลก โดยจะเปิดให้บริการเวลาตี5 และปิดตอน 6โมงเช้า แถมบางวันปิดด้วย แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ตอนเปิดมีไก่แขวนอยู่ 4-5 ตัว แต่ขายหมดในเวลาเท่านั้นจริงๆ
  • ปลาในสระมรกต แท้จริงแล้วกินได้ เคยมีคนกินมาแล้ว ปัจจุบัน คนๆนั้นทํางานอยู่ในโรงเรียนแพทย์ในตําแหน่ง "อาจารย์ใหญ่"
    • หากใน 2-3 ปีนี้ ปลายังมีขนาดใหญ่ขึ้นอีก คงต้องมีการจับปลาขึ้นมาวิจัยอย่างจิงจัง!! เพราะดูเหมือนมันกําลังกลายพันธุ์!!!(ใหญ่จริงๆ ปลาจระเข้ซะด้วย)
  • ข้างสระน้ําหน้า ม. มีต้นมะพร้าวอยู่ สามารถเก็บมากินได้
  • ห้างสรรพสินค้าที่ใกล้มหาลัยที่สุดคือ เซ็นทรัลพระราม 2 แต่นักศึกษากลับเลือกที่จะไปเดินสยามมากกว่า
    • ทําให้คิวรถตู้ มจธ-เซ็นทรัลพระรามสอง หน้าตึกอธิการ เป็นอันเจ๊งไป
  • ร้านครัวสิริมา ใน KFC ไก่ทอดกรอบมากกกไก่ย่างคอหมูย่างอร่อยมากกกกกกกกกกก
  • ร้านข้าวหมูเกาหลีใต้หอหญิง อร่อยมากกกก แถมผักฟรี ป้าก็ใจดีสุดๆ



สถาบันการ(削除) (削除ここまで)ศึกษาในประเทศไทยและประเทศเทย แก้
มหาวิทยาลัย

กาฬสินธุ์ | กรุงเทพ | เกริก | เกษตรศาสตร์ | เกษมบัณฑิต | ขอนแก่น | คริสเตียน | จุฬาลงกรณ์ | เจ้าพระยา | ชินวัตร | เชียงใหม่ | เซนต์จอห์น | ทักษิณ | เทคโนโลยีปทุมวัน | พระจอมเกล้าลาดกระบัง | พระจอมเกล้าธนบุรี | พระจอมเกล้าพระนครเหนือ | เทคโนโลยีมหานคร | เทคโนโลยีสุรนารี | ธรรมศาสตร์ | ธุรกิจบัณฑิตย์ | นครพนม | นราธิวาสราชนครินทร์ | นวมินทราธิราช | นเรศวร | แสตมฟอร์ด | บูรพา | ปทุมธานี | พายัพ | ภาคกลาง | ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย | มหามกุฏราชวิทยาลัย | มหาสารคาม | มหิดล | แม่โจ้ | แม่ฟ้าหลวง | รังสิต | รัตนบัณฑิต | รามคําแหง | วงษ์ชวลิตกุล | วลัยลักษณ์ | เวบสเตอร์ | เวสเทิร์น | ศรีนครินทรวิโรฒ | ศรีปทุม | ศิลปากร | สงขลานครินทร์ | สยาม | สวนดุสิต | สุโขทัยธรรมาธิราช | หอการค้าไทย | หัวเฉียว | หาดใหญ่ | อัสสัมชัญ (เอแบค) | อีสเทิร์นเอเชีย | อุบลราชธานี | เอเชีย | เอเชียอาคเนย์ | กรุงเทพธนบุรี | เที่ยงคืน |

โรงเรียน

ป้องกันราชอาณาจักร | เสนาธิการทหาร | เสนาธิการทหารบก | เสนาธิการทหารเรือ | เสนาธิการทหารอากาศ | นายร้อยพระจุลจอมเกล้า | นายร้อยตํารวจ | นายเรือ | นายเรืออากาศ | โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ พะเยา | โรงเรียนเซนต์คาเบรียล | โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย | สาธิตเกษตร | สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน | โรงเรียนนายสิบทหารบก | โรงเรียนจ่าทหารเรือ | โรงเรียนจ่าอากาศ | โรงเรียนช่างฝีมือทหาร | โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน | โรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม | โรงเรียนเตรียมทหาร | โรงเรียนเกรียนอุดมศึกษา | โรงเรียนรักษาดินแดน | โรงเรียนประตูชัย | โรงเรียนมหิดลเวทยานุสรณ์ | โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย | โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย |

รับข้อมูลจาก "https://th.uncyclopedia.info/index.php?title=ไร้วิทยาลัย:มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี&oldid=297995"