ไร้วิทยาลัย:มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
ยินดีต้อนรับสู่ไร้วิทยาลัยภาษาไทย
แหล่งรวมเรื่องขําขันไร้สาระเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาที่ทุกคนร่วมเขียนได้
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 เวลา 05:28 น. ตามเวลาสากลเชิงพิกัด (ช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง)
เว็บย่อ: http://th.uncyclopedia.info/wiki/Un-niversity
บทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ ไร้วิทยาลัย , แหล่งรวบรวมเรื่องน่ารู้ เรื่องลึกลับ เรื่องไร้สาระ ของสถานศึกษาในประเทศเทย!
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่[แก้ไข ]
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ตั้งอยู่เลขที่ 202 ถนนช้างเผือก ตําบลช้างเผือก อําเภอเมือง จ.เชียงใหม่ ในเขตนครเทศบาลเชียงใหม่ มีเนื้อที่ทั้งหมด 132 ไร่ และมีไร่ฝึกหัดงานเกษตรที่อําเภอแม่ริมอีกประมาณ 50 ไร่ มีพื้นที่โครงการอุทยานการศึกษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเป็นที่ตั้งของคณะเทคโนโลยีการเกษตร ณ ตําบลสะลวงขี้เหล็ก อําเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จํานวน 5,800 ไร่มีนักศึกษาภาคปกติประมาณ 6,000 คน มีนักศึกษาภาคพิเศษประมาณ 6,000 คน อาจารย์ประมาณ 350 คน จัดการศึกษาระดับปริญญาตรีในหลักสูตรการศึกษา ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์ บริหารธุรกิจบัญชี รัฐประศาสนศาสตร์ และนิติศาสตร์และจัดการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิจัยและการพัฒนาท้องถิ่น สาขาวิชาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู และการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่มีบทบาทและความรับผิดชอบในฐานะสถาบันการศึกษาและวิจัยที่มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาวิชาการ ในสาขาวิชาต่างๆ ตามความต้องการของท้องถิ่น และผลิตครู บุคลากรทางการศึกษา ทําการวิจัยส่งเสริมวิทยฐานะของครู อาจารย์ และบุคลากรประจําการ ทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม และให้บริการทางวิชาการแก่สังคม
ความเป็นมา[แก้ไข ]
- พ.ศ.2467 ก่อตั้งเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรกสิกรรมมณฑลพายัพ ในเนื้อที่ประมาณ 55 ไร่ บริเวณบ้านเวียงบัว (ที่ตั้งปัจจุบัน) ที่ดินนี้ได้มาด้วยเงินรายได้ของรัฐบาลมณฑลพายัพ(โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยและโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ) จํานวน 15 ไร่ และเจ้าราชภาติกวงศ์ (คําตัน ณ เชียงใหม่) ยกให้อีก 40 ไร่ ราคาที่ดินรวมทั้งหมดในสมัยนั้นประมาณ 1,318.75 บาท อาคารชุดแรกสิ้นค่าใช้จ่าย 60 บาท เปิดสอนครั้งแรกเมื่อ 19 พฤษภาคม 2467 มีนักเรียน จํานวน 28 คน จากจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลําพูน และแม่ฮ่องสอน มีนายชื่น สิโรรส (ป.ป.ก.)เป็นครูใหญ่
- พ.ศ.2468 เปิดสอนหลักสูตรครูมูลกสิกรรม
- พ.ศ.2470 เปลี่ยนหลักสูตรและเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัดเชียงใหม่
- พ.ศ.2485 ปรับปรุงเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูสามัญและเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนฝึกหัดครูมูลจังหวัดเชียงใหม่"
- พ.ศ.2490 เปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนฝึกหัดครูเชียงใหม่" เริ่มใช้สีดํา-เหลือง และพระพิฆเนศวรเป็นสัญลักษณ์ของสถาบัน
- พ.ศ.2496 จัดสอนหลักสูตร ประกาศนียบัตรประโยคครูประถม (ป.ป.) เป็นรุ่นแรก
- พ.ศ.2498 เริ่มใช้หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา (ป.กศ.) เป็นปีแรก
- พ.ศ.2499 รวมแผนกฝึกหัดครูสตรีของโรงเรียนสตรีประจําจังหวัดเชียงใหม่ (เดิมอยู่ที่โรงเรียนสตรีวัฒโนทัยพายัพ) เป็น "โรงเรียนฝึกหัดครูเชียงใหม่" เริ่มจัดการศึกษาแบบสหศึกษา
- พ.ศ.2503 ยกฐานะเป็นวิทยาลัยครูเชียงใหม่ เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ.)สูง
- พ.ศ.2512 เริ่มเปิดสอนภาคนอกเวลา (เดิมเรียก "ภาคค่ํา" ต่อมาเรียน "ภาคสมทบ")
- พ.ศ.2517 เปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรี (ป.อ.) 2 ปี โดยใช้หลักสูตรของวิทยาลัยวิชาการศึกษา (มศว.ปัจจุบัน)
- พ.ศ.2518 ประกาศใช้พระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พ.ศ.2518 การบริหารวิทยาลัยครูขึ้นอยู่กับสภาการฝึกหัดครู
- พ.ศ.2519 ใช้หลักสูตรการฝึกหัดของสภาการฝึกหัดครู พ.ศ.2519 มีหลักสูตร ป.กศ.สูง และปริญญาตรี (ค.บ. 2 ปี)
- พ.ศ.2522 เริ่มโครงการฝึกอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษาประจําการ (อ.ค.ป.) ระดับปริญญาตรี (หลักสูตร 2 ปี)
- พ.ศ.2526 เริ่มเปิดสอนวิชาเอกการสหกรณ์และวิชาเอกเทคนิคการอาชีพในระดับ ป.กศ.สูง
- พ.ศ.2528 ประกาศใช้พระราชบัญญัติวิทยาลัยครู (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 จัดการศึกษาในสาขาวิชาการศึกษา สาขาวิชาศิลปศาสตร์ และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์
- พ.ศ.2529 เริ่มโครงการจัดการศึกษาสําหรับบุคลากรประจําการ (กศ.บป.) ทุกสาขาอาชีพเข้ารับการศึกษาเพื่อเพิ่มพูนสมรรถภาพในการปฏิบัติการ และเพิ่มวุฒิของบุคลากรประจําการ รวมวิทยาลัยครูภาคเหนือตอนบน คือวิทยาลัยครูเชียงใหม่ เชียงราย ลําปางและอุตรดิตถ์ เข้าด้วยกันเป็นสหวิทยาลัยล้านนา เพื่อให้ความช่วยเหลือและร่วมมือกัน ในการพัฒนาบทบาทและความรับผิดชอบให้เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่สมบูรณ์
- พ.ศ.2535 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานนามวิทยาลัยครูเป็น "สถาบันราชภัฎ" ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2535
- พ.ศ.2538 ประกาศใช้พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ.2538 ให้สถาบันราชภัฏเป็น สถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น มีวัตถุประสงค์ให้การศึกษาวิชาการและวิชาชีพชั้นสูงทําการวิจัยให้บริการทางวิชาการแก่สังคม ปรับปรุงถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยีทะนุบํารุงศิลปวัฒนธรรม ผลิตครูและส่งเสริมวิทยฐานะครู
- พ.ศ.2541 จัดการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิจัย และการพัฒนาท้องถิ่น หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ต่อมาได้เปิดหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา สาขาหลักสูตรและการสอน สาขาเทคโนโลยีการศึกษา
- พ.ศ.2547 จัดตั้งวิทยาเขตแม่ฮ่องสอน ณ ตําบลปางหมู อําเภอแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน บนเนื้อที่ 109 ไร่ 6 ตารางวา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ.2547 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2547 อันมีผลให้สถาบันราชภัฏเชียงใหม่เปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ และมีสภาพเป็นนิติบุคคลโดยสมบูรณ์ ยังความปลื้ม ยินดีแก่ชาวราชภัฏทุกคน และในวันที่ 14 มิถุนายน 2547 พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ.2547 ได้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นชาวราชภัฏ 41 แห่ง จึงร่วมใจพิธีถวายราชสดุดี เฉลิมฉลอง "มหาวิทยาลัยราชภัฎ" พร้อมกันในวันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2547 เวลา 09.09 น.
เรื่องทั่วไป[แก้ไข ]
- นักศึกษารหัส 47 ได้เป็นกลุ่มแรกที่ได้ใช้ชื่อ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
- ครุศาสตร์ภาษาจีน (คบ ภาษาจีน) เป็นหลักสูตรการสอนภาษาจีนครูแห่งแรกในประเทศไทย
- นักศึกษารหัส 47 จะได้ใช้ชุดครุยใหม่พร้อมหอประชุมใหม่เอี่ยมอ่องที่วิทยาเขตสะลวงในการรับปริญญาบัตรก่อนชาวบ้านเขาเลย
- นักศึกษารหัส 48 หรือรุ่น 34 ได้ใช้ชุดครุยใหม่เข้ารับพระราทานปริญญาบัตร
- ชาวราชภัฏเชียงใหม่ เรานับถือพระพิฆเนศร์ พระผู้ประทานความสําเร็จแก่ ผู้ที่พยายาม (แกไม่อ่านหนังสือแล้วไปสอบใครก็ช่วยแกไม่ได้)
- ม.ราชภัฏ เชียงใหม่ ของเรามีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพรสารมากมาย เหนือสุดอยู่ที่ สลวง ตะวันตกสุดอยู่ที่แม่ฮ่องสอน ใต้สุดอยู่ที่แม่สา
- นักศึกษาราชภัฏเงินกู้ราชภัฏ น่าจะแสดงละครเก่งที่สุด ในฉากสอบสัมภาษณ์ จะดราม่าจนน้ําตาใหล ...
- กิจกรรมต่างๆของทางมหาวิทยาลัย จะชอบบังคับให้นักศึกษาเงินกู้ กยศ มาทํากิจกรรม ไม่งั้นจะตัดให้ขาดดังฉับๆๆๆจากเงินกู้ (เจ๋งไม่ล่า)
- ที่นี้เขาแปลกคือ นักศึกษาที่กู้ยืมเงิน กยศ ไม่มีสิทธิ์ขอทุนจากมหาวิทยาลัยได้ เนื่องจากมีหนี้เยอะ จะให้ทุนแก่นักศึกษาที่ไม่กู้ยืมเงิน ที่มีฐานะรวยๆลูกราชการเท่านั้น (ที่ไหน จะยุติธรรมเท่าที่นี่ คนจนไม่มีสิทธิ์ คนรวยมีสิทธิ์ทุกอย่าง)
- นักศึกษาคนไหนที่ไม่กู้ยืมเงิน กยศ เมื่อถึงงานวันพ่อ วันแม่ ไม่ต้องมาเข้าร่วมกิจกรรม แต่จะบังคับให้นักศึกษาเงินกู้ มาร่วมกิจกรรมทุกๆคน (โลกนี้มันช่างยุติธรรมชะจริงๆ)
- ค่าเทอมเรา คุณไม่ต้องกลัวเรื่องราคาค่าหน่วยกิต เพราะ คุณเรียนกี่หน่วยกิตเราก็คิดในราคาเหมาจ่ายเรียนตัวเดียวก็จ่ายเท่าคนเรียน 20 หน่วยกิจ (ไม่งั้นเดี๋ยวไม่มีเงิน ไปสร้าง ม.ที่สลวง)
- ค่าเทอมของเราไม่จ่ายเกิน 2 เดือน โดนรีไทร์ ไม่จ่าย 1 เทอมหรือจ่ายช้า เกรดไม่ออกยาวเป็นชาติ
- เราเป็นมหาวิทยาลัยที่ผ่อนจ่ายค่าเทอมแบบบ้าพลังได้ ผ่อนตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสุดท้าย
- ถึงโดนรีไทร์ ถ้าไม่โดนเรื่องเกรดไม่ถึงสามารถทําเรื่องขอเรียนต่อได้ (ที่ไหนจะเจ๋งเท่านี้)
- จํานวนรับนักศึกษาแต่ละเซ็ค ไม่เคยจําสักปี นักศึกษามี 300 เปิด เซ็คละ 50 คน 2 เซ็ค เจริญ!
- ดาวและเดือน ของ ม.ราชภัฏเชียงใหม่ ของเราไม่เน้นหน้าตา ขอมีความสามารถ ก็เป็นได้แล้ว (เดือนของเราต้องมาจาก เอกพลศึกษา ส่วนดาว ส่วนมากมาจาก นิเทศ)
- ไม่ว่าจะจัดมีตติ้งกันกี่ปีๆ เด้กปฐมวัยเป็นเอกเดียวที่ไม่ได้ออกไปจัดที่โรงแรม จัดที่หอประชุมตลอดทั้งชาติ
- หอพักของที่นี่ใช้ระบบลายนิ้วมือกันหมดแล้ว ค่อนข้างไฮเทคกว่าหอในละแวกมหาวิทยาลัย
- ลิฟต์ของตึก 27 มีสูตรกดให้ไปจอดชั้นที่ไม่อนุญาติได้ (แม่บ้านกับเจ้าหน้าที่รู้กันแค่นั้น)
- ลิฟต์ของตึก 27 เราสามารถรับคนได้จนกว่าจะมีเสียงดังว่าเต็มแล้วถึงจะสามารถใช้การได้ เพราะเรามี CEO ควบคุมการใช้ลิฟต์
- ตึก 27 เรามีห้องเรียนทั้งหมด 8 ห้อง คูญ 12 ชั้น เท่ากับ 96 ห้องเรียน แต่ละห้อง รับได้ 50 กว่าคน สรุป คร่าวๆ 4000 กว่าคน ใช้ลิฟต์ แค่ สองตัว
- การจิกกิจกรรม ต่าง ๆ เชื่อได้เลยว่า หากคุณได้สังกัดโปรแกรมวิชาเดียวกับประธานสโมศร น.ศ.คณะ ท่านจะสบาย กว่าตุเจ้า(พระ)แน่นอน เพราะเขาไม่เอา น้องๆ ของเขาเข้าทํากิจกรรมหรอก
- ระบบการลงทะเบียนของเราใช้แบบออนไลท์ ค่าระบบ หมดไปล้านกว่าบาท แต่ว่า ยังมีปัญหาอยู่มาก บางครั่งก็เข้าไม่ได้ บางครั้งก็ล่มกลางงาน ไม่ก็ลงทะเบียนไปแล้ว แต่ชื่อตัวเองหาย อดเรียนเลย ไม่ก็อาจจะเจอแบบที่ว่าลงทะเบียนไปแล้ว ตื่นเช้ามา มหาวิทยาลัยประกาศว่าระบบมีปัญหา ขอให้ น.ศ. ลงทะเบียนเรียน ใหม่ทุกคน
- นักเรียน ไม่ลงทะเบียนเรียน ไม่จ่ายค่าเทอม ออกไปแล้วเป็น ชาติ ยังมีชื่อ มาเรียนอยู่ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ลงทะเบียน
- น.ศ. หมู่เรียนใด หากได้เรียนกับ อาจารย์ ก. ท่านเตรียมตัว ติด I และแก้รายงานได้เลย สักสิบรอบ แลกกับคะแนน ห้าคะแนน (ห้าเปอร์เซ็นต์ที่ใช้คิดเกรด) คุ้มไหมล่ะ ... (แล้วแก้จากเกรด E เป็น I คุ้มไหมล่ะ ... E จาก ไม่ตั้งใจเรียน ไม่ทํางานส่ง ทํางานส่งไม่ครบ ไม่ตั้งใจทํางาน คะแนนไม่รวมถึง D คุ้มไหมล่ะ ... ไม่อยากแก้ I ตั้งใจเรียนตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง อาจารย์ตรวจงานสัก 200 คนต่อเทอม คุ้มไหมล่ะ ... ไม่อยากได้ I ก็บอกมา อาจารย์จะได้ไม่ต้องช่วย ได้ E ไปเรียนใหม่ ก็จบ คุ้มไหมล่ะ ... โพสว่าคนที่เป็นครูสอนตัวเองมา ถูกต้องใช่ไหมครับ ...ลองตัดสินใจและนําไปคิดดูนะครับ)
- น.ศ. หมู่เรียนใด ได้เรียน กับ อาจารย์ ฌ. (เค้าเปลี่ยนชื่อแล้ว ไปดูเลย) ถ้าไม่เข้าไปเลียแข่งเลียขา เขาละก็ ทําไจใว้เลย เกรดที่จะได้ ไม่เกิน C+ ทําดีแทบตายก็ได้เท่านี้แหละ
- โปรแกรมวิชาที่ ไฮโซสุดๆ ก็คง เป็น โปรแกรมวิชาภาษาจีน เพราะได้ไปเรียนไกลถึงเมือง จีน (แดง)
- นักศึกษาที่เอารถยนต์มา จะต้องจอดไว้ข้างนอกมหาลัย เพราะรถยนต์ที่จะเข้าได้ต้องมีสติ๊กเกอร์ของทางมหาลัยเท่านั้น (ส่วนใหญ่จะให้แต่อาจารย์กับคนใหญ่คนโต )
- ที่จอดรถหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ในมหาลัย จะจอดได้คันละสิบนาทีเท่านั้น ถ้าเกินนั้นจะถูกยามล๊อกล้อ และเสียค่าปรับอีก
- ตอนนี้มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มีหอประชุมเป็นของตัวเองแล้ว (ทุกทีงานรับปริญญาจะจัดที่หอประชุม ม.ช.)ชื่อหอประชุม ทีปังกรรัศมีโชติ อยู่ไกลถึง วิทยาเขต สะลวง - ขี้เหล็ก นู่น
- ใครว่ามหาลัยราชภัฏเชียงใหม่ข้อสอบง่าย สอบเข้าง่าย ข้อสอบง่ายจริงๆ แต่คนเก่งก็พลาดไปเยอะ คนไม่เก่งก็ได้เรียนเยอะ อ่านะ มันอยู่ที่ดวงด้วย...
- คติธรรมของนักศึกษา ม.นี้คือ "คนดีสร้างชาติไทย ราชภัฏเชียงใหม่สร้างคนดี"
- การรับน้องของ ม.นี้ ไม่โหดร้ายเหมือนกับม.อื่นๆ รับแค่ 10 วัน ส่วนใหญ่รุ่นพี่จะบ้าอํานาจ โดยจะมีคําถามยอดฮิต "คุณไม่รักเพื่อน ไม่รักรุ่นพี่เหรอ"
- นักศึกษาใหม่ทุกคน จะต้องผ่านการอบรม ค่ายคุณธรรม ทุกคน สนุกมากๆ หึหึ
- โปรแกรมวิชาที่มีนักศึกษาเยอะทุกปี คือ การท่องเที่ยว
- นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ โดยเฉพาะปีหนึ่ง จะแต่งตัวเนี๊ยบเกือบทุกคน ขอชมครับ !
- อาจารย์ส่วนใหญ่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จะเช๊คชื่อนักศึกษาเข้าเรียน เกือบทุกคน
- ทุกปีเมื่อรับน้องเสร็จ ก็จะมีการเดินขึ้นดอยสุเทพของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 (เหมือนกับ ม.ช. แต่ที่นี่ส่วนใหญ่จะเดินไป มีบางคณะที่วิ่ง)
- การเดินขึ้นดอยสุเทพ นอกจากเป็นการเดินตามประเพณีของมหาลัยแล้ว ยังเป็นการไปรับ เข็ม กับ เน๊คไทล์ ของมหาลัยของนักศึกษาปีที่ 1 ด้วย..
- ช่วงเปิดเทอมใหม่ สิ่งที่หายากที่สุดใน มหาลัยคือ ที่จอดรถ...
- ก่อนเปิดเทอมจะมีการสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 หากใครไม่ผ่านจะต้องไปลงทะเบียนเรียนวิชา อังกฤษเสริม
- การปฐมนิเทศน์ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 จะไปปฐมนิเทศน์กันที่ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ ที่วิทยาเขต สะลวง (รหัส 50 เป็นรุ่นแรกที่ได้ไปปฐมนิเทศน์ที่นั่น)
- การเรียนการสอนบนตึก 27 บางทีจะมีเสียงเพลงประกอปการเรียนไปด้วย (ตึกข้างๆ เป็นตึกของโปรแกรมวิชาดนตรีนั่นเอง)
- น.ศ.หญิงมักจะหลีกเลี่ยงการจอดรถหลังอาคารศิลปะ เนื่องจากทางผ่านในการเดินออกมา ถูกขนาบด้วยเอกศิลปะและดนตรี ซึ่งก็รู้ๆกันอยู่
- น.ศ.ราชภัฎเชียงใหม่ อาจจะเป็นเจ้าของสถิติ ย้ายหอพักบ่อยที่สุดในประเทศ(ไม่เชื่อลองถามดูว่าเวลาไม่ว่างนั้นไปทําอะไรร้อยละ80จะตอบว่า "ย้ายหอ")
- น.ศ.ราชภัฎเชียงใหม่ทําให้ฝ่ายบัญชีปวดหัวได้เสมอ เพราะถึงฤดูกาลจบปีนั้นๆ มักจะมี น.ศ.มาลาออก และขอเงินประกันคืน จน จนท.เงินหมดลิ้นชัก(ประสบการณ์ตรง จนท.ธุรการในรูเล็กๆนั้น ต้องควักเงินตัวเองออกมาจ่ายแล้วบ่นว่า ทําไมมันลาออกกันเยอะจังวะ หมดแล้วเนี่ย เอานี่ไปก่อน)
- น.ศ.ร้อยละ 70 ของ น.ศ.ที่นี่ คิดเสมอ ว่าตัวเองใช้ชีวิตจริงได้ดีกว่า ม.ชื่อดังสีม่วง แม้จะเรียนไม่เก่งเท่า
- ร้อยละ 90 ที่จบจากที่นี่ จะรู้จัก เหล้าขาว-น้ําแดง และเกินร้อยละ50 จะเคยลิ้มลอง
- ม.ราชภัฏ รับน้องสบายที่สุดเพราะมี เจ้าหน้าที่มาคุมตอนรับน้อง เอกไหนคณะไหน รับน้องแรง รุ่นพี่ต้องรับผิดชอบ (หอกจริงๆแล้วจะมีรับน้องทําไมวะ)
- ช่วงรับน้องเกือบทุกปี โดยเฉพาะช่วงวันสุดท้ายของรับน้อง ฝนมักจะตก
- สนามฟุตบอลที่ใช้รับน้อง ชอบมีมดคันไฟ(แมร่งเยอะสาดดดดดดดดด)
- เอก จีน รับน้องได้เซ็กซี่ที่สุด....เห็นแล้วอยากไปนั่งดู
- น.ศ.ราชภัฎเชียงใหม่ ไม่ค่อยใช้สะพานลอยหน้ามหาลัยส่วนมากจะวิ่งข้านถนนทั้งๆที่มีแผงเหล็กกั้นและยังอันตรายกว่าอีก
- บัณฑิตปีการศึกษา 2551-2552 รุ่นที่ 34 ได้ใช้ชุดครุยใหม่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เป็นรุ่นแรก
- นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ปี 49 มีวิชาโท ทั้งภาษาจีน ญี่ปุ่น พัฒนาชุมชน เป็นรุ่นสุดท้าย หนังจากนั้นเรียนเอกใครเอกมันแบบเพียว ๆ
- เดือนของสาขาภาษาไทยศิลปศาสตร์เกือบทุกรุ่นเป็นดาว
- น.ศ.ชายเอกศิลปะชอบใส่แว่นดํามองสาวที่มาจอดรถ
- หมาที่เอกศิลปะเปลี่ยนชื่อทุกปี แล้วแต่ใครจะตั้งให้
- ทั้งๆที่เป็นมหวิทยาลัยแล้ว แต่นักศึกษายังเรียกว่า วิทลัย อยู่เลย
- หอพักหลังมหาวิทยาลัยขนาดเปิดใหม่ยังใช้ชื่อว่า หลัง ว.คอร์ท
- สระน้ําเน่าหลังโรงอาหารชื่อสระอโนดาต
- นักศึกษาคนจีน วิทยาลัยนานาชาติชอบเดินไปตลาดธานิน และกลางคืนเดินไปท่าช้าง
- จอดรถหลังห้องสมุดต้องได้ยกรถทุกคน
เกร็ดความรู้รอบรั้ว[แก้ไข ]
- ชาวราชภัฏเชียงใหม่เราไม่อดเหล้า ตาย ออกมาทางด้านหลัง ม. ก็มีร้านโพสคลับ ดาหลา(ยุบแล้ว) อู๋ยาดอง(เปลี่ยนเป็น You-Bar) ด้านหน้า ม. ก็ มีซานต้า(ไม่มีแล้ว) ที่เปิดถึงเช้า สําหรับ คนไม่หลับไม่นอน และดิฟเฟอร์หลังโรงแรมโนโวเทล
- ถ้าอยากเล่นอินเตอร์เน็ต เดินข้ามไปทางกาดธานินท์จะเจอซอยที่ทั้งซอยมีแต่ร้านเกมส์ แถมร้านอินเตอร์เน็ตรอบมหาวิทยาลัย
การปฐมนิเทศน์ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 จะไปปฐมนิเทศน์กันที่ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ ที่วิทยาเขต สะลวง (รหัส 50 เป็นรุ่นแรกที่ได้ไปปฐมนิเทศน์ที่นั่น)ป.ล.เมื่อคณะผู้บริหารมาแอร์ภายในหอประชุมก็ดับซะงั้น
- ถ้าอยากเช่าหนัง vcd dvd ก็ไปที่ร้าน ณ รัก ร้านเล็กๆ แต่หนังเก่าเยอะมากๆ ไปหาไม่ผิดหวัง หนังใหม่ก็ครบกว่าร้านใหญ่ๆซะอีก อยู่เลยหน้า ม. ไปทางแยกข่วงสิงห์นิดเดียว อาจารย์สั่งให้ไปดูเรื่องอะไรไปทํารายงานก็ไปเซาะหาได้
ความเชื่อ[แก้ไข ]
- เค้าว่ากันว่านักศึกษาปี 1 ที่ไม่ไปเดินขึ้นดอยสุเทพ จะเรียนไม่จบ!!! ==เพิ่มเติม== รู้สึกว่า หลายๆม .ในเชียงใหม่ ถ้าเด็กปีหนึ่งคนใหนไม่ขึ้นดอย นี่เรียนไม่จบเหมือนกันทุกสถาบันเลย - - เจงๆ
- จากข้างบน ขี้โม้......หลายคนเดินขึ้นดอย มันก็ยังเรียนไม่จบ มัวแต่แดกเหล้ากันอยู่นั่น
- ถึงข้างบนอีกต่อ.....ซุ้มรับปริญญา ห้ามนักศึกษาที่ยังไม่จบ ถ่ายรูปคู่กับซุ้ม เพราะจะเรียนไม่จบ อันนี้ของจริง เพราะเพื่อนกูโดนมาแล้วววววววววววววว
- ถึงข้างบนด้วยอีกต่อ....ไม่จริงอะ ป๋มถ่ายกะซุ้มตั้งแต่อยู่ปี 1 ตอนนี้จบ ป เอกละ ไม่จริงเหมือนกันเด้อ
- เพิ่มเติม... เป็นความเชื่อที่นํามาใช้ทีหลัง เพราะราชภัฎเชียงใหม่ เพิ่งเริ่มมีประเพณีการเดินขึ้นดอย ไม่ถึง 10 ปี (ไม่แน่ใจว่าเกิน 5 ปีรึยัง) แต่ของ มช.มีมากว่า 40 ปีแล้ว
เรื่องลึกลับ[แก้ไข ]
- ตึกอาคารเรียนในราชภัฏ จะมีอยู่หนึ่งตึก มีชื่อว่า ตึก 27 ซึ่งมี อยู่ทั้งหมด สิบห้าชั้น และมี ลิฟต์อยู่สองตัว มีข่าวเล่าลือกันว่า มีลิฟต์ตัวหนึ่งที่ เป็นลิฟต์ ผีสิงประวัติมีอยู่ว่ามี น.ศ.ภาคค่ําใช้ลิฟต์ตัวนี้เพื่อส่งงาน และในระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ตัวนี้ ยามได้ทําการตัดไฟทั้งอาคารเรียน ทําใหน น.ศ.คนนี้ติดอยู่ในลิฟต์ ขาดอากาศหายใจจนตัวตายอยู่ อยู่ในลิฟต์ <-- คนเขียนมันโง่แล้วอวดฉลาดอ่ะ (5 5 ขอบอกว่าเรื่องนี้ไม่จริง วันนั้นมีคนติดลิฟป์จริง แต่ไม่ตายและไม่ได้เป็นอะไรเลยจ้า จากคําให้การของที่อยู่ในเหตุการณ์จ้า)
- จากลิฟต์ตัวข้างบน ตอนเย็นๆ มีนักศึกษาเคยได้ยินเสียงดังจากนอกลิฟต์เป็นเสียงผู้หญิง ซึ่งมันไม่น่าจะได้ยิน
- มีอาจารย์ท่านหนึ่งเสียชีวิตประมาณปี 48 ท่านรักสุนัขมาก ไม่กี่วันหลังจากนั้นตอนดึกๆยามหน้า มอ ก็วอ หายามหลัง มอ ว่า เฮ้ย ตูเห็นอาจารย์แกลากกระเป๋าเดินไปเดินมาแกเห็นไหม
(อยู่มา10กว่าปีแล้วไม่มีเห็นจะมีใครตายเลย เหอๆๆ รู้จริงก่อนดีมั๊ย ค่อยเอามาเล่าต่อ)<----ไปอยู่ไหนมา เราเข้าตอนปี47 ยืนยันว่าเคยมีอาจารย์รักสุนัขท่านหนึ่งเสียจริงๆค่ะ เป็นผู้หญิงค่ะ ว๊ายยยไม่รู้จริงแล้วมาเขียนว่าคนอื่น ว๊ายๆ
- กาป๋มเคยขโมย รถลากอาจารย์แกไปซ่อนด้วยคราบบบบ ..... มาสารภาพ อุ ๆๆๆๆ
- ผมเคยเอาเลื่อยตัดเหล็กมาตัดกุญแจล๊อคล้อรถของยามด้วยคับ จอดซื้อขนมหลังตึก ประมาณ 10 วิ โดนซะงั้น
- ตอนเลิกเรียนหรือเข้าเรียน ผมชอบไปนั่งส่อง กางเกงลิง สาวซ้อนมอไซด์ ตรงล้านจอดครับ ฟินสุดๆ
ของกิน[แก้ไข ]
- ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่โรงอาหารถ้าไปตอนเที่ยงอย่าสั่งใส่ถุง เพราะไม่ขาย ไม่ง้อ (กะอีแค่ใส่ถุงมันเสียเวลากว่าใส่ชามตรงไหนฟระ)
- มีน้ําเปล่าให้กินฟรีในโรงอาหาร แต่ไม่ค่อยมีนักศึกษาคนไหนไปกิน โดยเฉพาะ นักศึกษาภาคเสาร์-อาทิตย์
- ถึงนักศึกษาของมหาลัยจะเบื่ออาหารในโรงอาหาร แต่ก้อยังไปกินที่โรงอาหารอยู่ดี
- มีร้านขายอาหารเล็กๆอยู่ข้างลานครุศาสตร์ ขายขนม ไก่ทอด ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ยันขนมจีน
- จากร้านข้างบน ถึงข้าวจะได้น้อย แต่นักศึกษาที่เบื่ออาหารในโรงอาหาร ก็ยังมาซื้อกินอยู่ดี