ไร้วิทยาลัย:มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
ยินดีต้อนรับสู่ไร้วิทยาลัยภาษาไทย
แหล่งรวมเรื่องขําขันไร้สาระเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาที่ทุกคนร่วมเขียนได้
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 เวลา 05:21 น. ตามเวลาสากลเชิงพิกัด (ช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง)
เว็บย่อ: http://th.uncyclopedia.info/wiki/Un-niversity
บทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ ไร้วิทยาลัย , แหล่งรวบรวมเรื่องน่ารู้ เรื่องลึกลับ เรื่องไร้สาระ ของสถานศึกษาในประเทศเทย!
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ก่อตั้งเมื่อ 9 กันยายน 2558 เกิดจากการรวมกันของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ เพื่อลดความซ้ําซ้อนของสถาบันอุดมศึกษาในจังหวัด
เรื่องน่ารู้ของมหาวิทยาลัย[แก้ไข ]
ที่มาต่างๆของชื่อและสัญลักษณ์ต่างๆ[แก้ไข ]
- มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ มีชื่อย่อภาษาไทยว่า มกส. ภาษาอังกฤษ KSU
- ชื่อย่อ มกส.และ KSU ใช้มาตั้งแต่สมัยยังเป็นราชภัฏ บางช่วงบางตอนในสมัยนั้นก็เคยใช้ชื่อย่อ มรกส. หรือ มรภ.กส. (KSRU) แต่ก็เปลี่ยนกลับมาเป็นชื่อเดิม
- ก่อนการควบรวมมหาวิทยาลัย เคยมีการขอพระราชทานชื่อมหาวิทยาลัยว่า "มหาวิทยาลัยสิรินธร" แต่ไม่ได้รับพระราชทานจึงได้ใช้ชื่อมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์เหมือนเดิม
- มีฉายาคือ มอน้ําดํา แต่ด้วยสภาพของมหาลัยในปัจจุบัน บางคนก็เอาไปล้อกันเป็น "มอดําน้ํา"
- สีประจํามหาวิทยาลัยฯ คือ สีฟ้าคราม
- มีสัญลักษณ์เป็นรูปหยดน้ําสีฟ้า (บ้างก็ว่าเป็นยอดใบเสมา หรือเปลวเทียน แต่บางคนก็นึกถึงโลโก้ปั้มน้ํามันรายหนึ่งมากกว่า)
- สถานะของมหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ซึ่งเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันก็แปลกใจอยู่ที่สถานศึกษาหลายที่เตรียมออกนอกระบบ ทั้งที่ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยที่ตั้งใหม่จะมีสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกํากับของรัฐซะมากกว่า
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย[แก้ไข ]
- มีการเรียนการสอนทั้งหมด 6 คณะ
- ปัจจุบันเปิดสอนในระดับปวส. ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก
- ปัจจุบันเปิดการเรียนการสอนทั้งหมด 3 พื้นที่ คือ พื้นที่ในเมือง (ราชมงคลเดิม) และพื้นที่นามน(ราชภัฏเดิม) และศูนย์วิจัยและฝึกอบรมภูสิงห์ (ราชมงคลเดิม)
- ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมภูสิงห์ ส่วนใหญ่จะมีแค่เด็กเกษตรที่ได้ใช้เรียนกับแปลงจริง นอกนั้นจะมีแค่แขกคนรวยที่มาเที่ยว มาจัดกิจกรรม เด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา กับอธิการบดีมานอนเล่นซุกเมียน้อยไว้ที่นี่
- แต่พอตึกอธิการใหม่เสร็จแล้วก็ไม่ค่อได้มาหรอก เอาเมียน้อยไปซุกไว้ห้องชั้น 6 แทน
- พื้นที่ในเมืองจะเด่นเรื่องการเกษตรและวิศวกรรม
- พื้นที่นามนจะเด่นในเรื่องครู (คณะศึกษาศาสตร์)
- คณะศึกษาศาสตร์และนวัตกรรมการศึกษา เป็นคณะที่มีนักศึกษามากที่สุด ด้วยจํานวนรวมกว่า 1,500 คน ต่างจากคณะอื่นที่มีนักศึกษาแค่ 300-400 คน
- ชื่อคณะศึกษาศาสตร์ฯ แต่ใช้หลักสูตร ค.บ. (ครุศาสตรบัณฑิต) ทุกวันนี้ใช้หลักสูตรเดิมแต่เพิ่มสาขาวิชาประถมศึกษา สังคมศึกษา และเกษตรศาสตร์ เพิ่มเข้ามา ล่าสุดปี 2567 มีเพิ่มสาขาวิชาฟิสิกส์ ชีววิทยา และพลศึกษา
อาคารสถานที่ต่างๆ[แก้ไข ]
- ห้องสมุดมีอยู่ 2 แห่ง ฝั่งในเมืองชื่ออาคารศูนย์วิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ ฝั่งนามนชื่ออาคารบรรราชนครินทร์
- อาคารบรรณราชนครินทร์มีมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งราชภัฏ เดิมเคยมีสํานักงานอธิการบดี และสํานักทะเบียนอยู่ที่นี่ด้วย แต่พออาคารบริการการศึกษาและบริการกลางสร้างเสร็จเมื่อปี 62 สํานักงานอื่นพากันย้ายไปตึกใหม่หมดยกเว้นสํานักวิทยบริการ (ห้องสมุด) อยู่ที่เดิม
- ช่วงหนึงเคยย้ายสํานักงานอธิการบดีไปยังอาคารของคณะสาธารณสุขศาสตร์ (อาคารศูนย์ผ้าพื้นเมืองในปัจจุบัน) แต่ย้ายได้ไม่นานก็กลับไปที่เดิม
- ห้องสมุดในเมืองกับห้องสมุดนามนสภาพทั่วไปและคนใช้งานต่างกันอย่างกะฟ้ากับเหว
- ห้องสมุดฝั่งในเมือง สภาพดีกว่า มีห้องใหม่ๆให้ใช้งาน เด็กๆเข้าเยอะ แต่ข้อเสียคือบรรณารักษ์ผู้หญิงโหด ยังไม่ถึงเวลาปิดก็ไล่ออกจากห้องสมุดรึห้องบริการ แต่ถ้าบรรณารักษ์ผู้ชายจะใจดีมาก
- ห้องสมุดฝั่งนามน สภาพจะเก่ากว่ามาก เด็กๆไม่อยากเข้าเพราะมันเก่า หน้าฝนมักมีน้ํารั่วจากหลังคา มีฝ้าเพดานทะลุ บางทีชั้นบนสุดก็มีนกพิราบมาบินว่อนเต็ม
- แอร์มีแค่ชั้น 2 ตรงห้องสมุดใหญ่กับชั้น 3 ที่เป็นห้องสมุดกฏหมาย ส่วนห้องอื่นเอาแอร์ออกหมด
- ชั้น 4 มีห้องประชุม (ห้องดอกคูณ) และห้องเธียเตอร์ (ห้องอัญชัน) ที่เข้าไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องจอง
- ข้อดีห้องสมุดนามนคือ ไม่ว่าเราจะใช้ห้องไหน ส่วนไหน ชั้นไหนของตึก บรรณารักษ์ทั้งชายและหญิง จะแค่เดินมาดูอย่างเดียวว่าใช้ห้องแล้วโอเคมั้ย มีปัญหาหรือเปล่า ไม่เข้ามาด่า ไม่ไล่ออกจากห้องเซอร์วิสก่อนเวลาปิดด้วย
- ปัจจุบันอาคารบรรณราชนครินทร์กําลังปรับปรุงใหม่ทั้งตึก คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินสิ้นปี
- หอพักนักศึกษามีจํานวน 4 ตึก (พื้นที่นามนและในเมืองที่ละ 2 ตึก)
- หอใน พื้นที่ในเมืองสูง 7 ชั้น พื้นที่นามนสูง 4 ชั้น
- หอในพื้นที่ในเมืองมีทั้งหอชายล้วนและหญิงล้วน
- หอในพื้นที่นามนเป็นหอหญิงล้วนทั้งสองตึก (นศ.ชายต้องหาหอนอกอยู่เอง)
- อาคารที่ใหม่ที่สุดของพื้นที่ในเมือง คือ อาคารสํานักงานอธิการบดีและบริหารสินทรัพย์ อยู่ด้านหลังก่อนถึงทางออกศาลากลางหลังใหม่ ก่อสร้างเสร็จแล้วและเปิดใช้เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 66 เป็นต้นมา
- อาคารที่สูงที่สุดของพื้นที่นามน คือ อาคารบริการการศึกษาและบริการกลาง มีเสาธงขนาดใหญ่ด้วย
- ห้องคอมในตึกบริการกลาง ถ้าเราใช้นั่งเล่นคอมเฉยๆ พอเวลาซักบ่าย 3 ครึ่ง แม่บ้านมักจะชอบมาไล่ให้เราออกจากห้องทุกที
- ช่วงหลังๆ อาคารที่สร้างใหม่มักจะสร้างแค่ 2 ชั้น แทบทุกตึก ถึงกระนั้นบางตึกก็ไม่มีการเข้าไปใช้งานเลย
- อาคารที่เปิดใช้งานสั้นที่สุดคือ อาคารปฏิบัติการสุขภาพชุมชน เปิดใช้งานแบบเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 67 แล้วก็ไม่เปิดใช้อีกเลย เพราะไม่มีหมอย้ายมาประจํา
- ในบรรดาตึกที่ก่อสร้างใหม่แล้วดูไร้ประโยชน์ที่สุด คืออาคารศูนย์วัฒนธรรมและภาษาต่างประเทศ ตึกที่ไม่รู้ว่าสร้างทําไม ใช้งานแค่ปิ้งปันรักเดือนกุมภา
รู้หรือไม่?[แก้ไข ]
- สาขานิเทศศาสตร์ ก่อตั้งมาหลายสิบปี ซึ่งเป็นสาขาที่สอนเกี่ยวกับการแสดงโดยตรง แต่ไม่มีละครเวทีเป็นของตัวเอง กลับกัน สาขาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทย์ทั่วไป ของคณะศึกษาศาสตร์ มีละครเวทีออกมารัวๆปีละครั้ง ถึงจะไม่ได้สอนการแสดงโดยตรงก็ตาม
- ตึกที่มีการปรับปรุงสภาพแล้วยังแย่เหมือนเดิมคือ อาคาร 13 ของพื้นที่ในเมือง ซึ่งทาสีหม่แค่ข้างนอก แต่ข้างในเหี้ยเหมือนเดิม โดยเฉพาะชั้น 5-7 มีแต่นกพิราบทํารัง
- อธิการบดีคนปัจจุบัน (รศ.ดร.จิระพันธ์ ห้วยแสน) ที่อาจารย์บุคลากรส่วนใหญ่เรียก ท่านอธิการ นักศึกษาทั่วไปเรียก อาจารย์ยักษ์ แต่นักศึกษา อาจารย์ รึบุคลากรที่เกลียดจนเข้าเส้นจะเรียก ไอ้ยักษ์ มีวีรกรรมสุดแสบมากมายตั้งแต่เป็นรองอธิการบดี มทร.อีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ จนมาเป็นอธิการบดีถึงปัจจุบัน เช่น แย่งที่จอดรถคนพิการ กําหนดโลโก้ใหม่โดยไม่ใช้อันที่ชนะการประกวด เปลี่ยนชื่อคณะที่ชื่อสั้นๆอ่านง่ายๆ เป็นชื่อยาวๆอ่านยากๆ ยุบคณะที่ไม่สมควรยุบ ไล่บล็อกนักศึกษาที่เข้ามาคอมเม้นหรือส่งข้อความ ด่านายกสภา ไล่แจ้งความเอาคนอื่นติดคุก ซุกเมียน้อย ด่านักศึกษาที่บ้านถูกไฟใหม้ว่า "ปล่อยมันตายไปสมน้ําหน้ามัน" กิริยาเบื้องหน้าดูดี แต่เบื้องหลังชั่วช้าต่ําทราม ใกล้เกษียณก็ไม่ปรับนิสัยให้ดีขึ้น