ไร้วิทยาลัย:มหาวิทยาลัยรามคําแหง
ยินดีต้อนรับสู่ไร้วิทยาลัยภาษาไทย
แหล่งรวมเรื่องขําขันไร้สาระเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาที่ทุกคนร่วมเขียนได้
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 เวลา 05:14 น. ตามเวลาสากลเชิงพิกัด (ช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง)
เว็บย่อ: http://th.uncyclopedia.info/wiki/Un-niversity
บทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ ไร้วิทยาลัย , แหล่งรวบรวมเรื่องน่ารู้ เรื่องลึกลับ เรื่องไร้สาระ ของสถานศึกษาในประเทศเทย!
"เปลวเทียนให้แสง รามคําแหงให้ทาง"
~ คําขวัญของ ม.
"เข้าง่าย (เดินเข้าไปสมัคร) ออกยาก (สอบออก)"
~ นิยามของ ม.ราม
มหาวิทยาลัยรามคําแหง เป็นมหาวิทยาลัยในกํากับของรัฐ ก่อตั้งเมื่อปี 2513 เป็นมหาวิทยาลัยเดียวของไทยที่เปิดสอนด้วยระบบตลาดวิชา (แต่ก่อนนู่นมีอีกที่หนึ่ง คือ ม. ธรรมศาสตร์และการเมือง)
อนึ่ง แม้จะมีคนบางส่วนบอกว่ารามเป็นม. เปิด (ม. เปิดในไทยมีอยู่ที่เดียวคือ มสท.) แต่อันที่จริงแล้ว ระบบตลาดวิชามันคือระบบลูกผสมต่างหาก ขึ้นอยู่กับคณะหรือสาขา บางอันต้องสอบเข้าและมีเช็คชื่อเข้าห้องเรียนด้วยนะเออ
เขาว่ากันว่า...[แก้ไข ]
คําเตือน: โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
- มหาวิทยาลัยรามคําแหงเป็นมหาวิทยาลัยที่มีวิทยาเขตมากที่สุดในโลก
- นักศึกษาม.รามคําแหงได้ชื่อว่ามีความรับผิดชอบ มีวุฒิภาวะ และความสามารถในการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าเด็กมหาวิทยาลัยอื่น (อันนี้ขึ้นอยู่กับตัวนศ. เองล้วน ๆ ถ้าเอาแต่เที่ยวและดริ้งท์เหล้าไปวัน ๆ เรียนไป 10 ปีก็ไม่จบ)
- คณาจารย์รักนักศึกษาเหมือนลูก (อันนี้ขึ้นอยู่กับนิสัยส่วนตัวของ อ. กับความเห็นส่วนบุคคลของ นศ. มากกว่า)
- อีกกระแสหนึ่งว่า อาจารย์ส่วนมากมักจะเอาใจนักศึกษาภาคพิเศษมากที่สุด แต่แทบไม่สนใจนักศึกษาภาคปกติ
- ม.รามมีนักศึกษามากที่สุดในโลก
เรื่องทั่วไปของม. รามคําแหง[แก้ไข ]
- ม.รามคําแหงเป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดโอกาสแก่ทุกคน (จึงไม่ต้องแปลกใจที่เข้ามาในรามแล้วเห็นคนทุกประเภทและแทบทุกวัย)
- มหาวิทยาลัยรามคําแหงมีความหลากหลายทางสังคมอย่างยิ่ง เหนือกว่าคําว่าหลากหลาย
- ชื่ออาคารในมหาวิทยาลัย ใช้ชื่ออําเภอของจังหวัดสุโขทัย เกือบทั้งหมด
- ม. รามมีวิทยาเขต 2 แห่ง คือ บางนา หรือ รามคําแหง 2 และที่จังหวัดสุโขทัย หรือ รามคําแหง 3 นอกจากนี้ยังมีสาขาวิทยบริการ (ที่เรียนส่วนภูมิภาค) อีกเป็นจํานวนมาก
- รามคําแหง มีรองอธิการบดีมากที่สุดในประเทศไทย
- สถาบันการศึกษานานาชาติ เป็นหนวยงานการจัดการศึกษาหลักสูตรอินเตอร์ ที่อื่นเป็นวิทยาลัยนานาชาติ แต่ที่นี่ใหญ่กว่า
- นักศึกษาที่ไม่ค่อยพูดไทย จะเป็นพวกที่เรียน สถาบันการศึกษานานาชาติ (แต่อื่นคือวิทยาลัยนานาชาติ) มีป้ายทองติดเสื้อการันตีอยู่
- สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพ เทียบเท่าคณะ สอน ป.โท เป็นหลักสูตรวิทยาศาสตร์สุขภาพบัณฑิต <--หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (สารสนเทศทางสุขภาพ) เดิมมี ม.รามฯที่เดียวแต่ปัจจุบันมีหลายที่แล้วละ
- คณะสังคมศาสตร์ของที่นี้หมายถึง คณะรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์
- วิชายาขมหม้อใหญ่ของชาว มร คือ EN 101 + EN 102 ขนาดต้องมีหลักสูตรพิเศษเลย ไม่งั้นไม่จบกันเยอะ (เดี๋ยวนี้เปลี่ยนรหัสใหม่เป็น ENG 1001 กับ ENG 1002)
- วิชาที่ชาวรามมีปัญหากันมากที่สุด บางคนลงเป็นสิบ ๆ รอบแล้วก็ยังไม่ผ่าน คือ ENG/EN ทั้งหลายแหล่ โดยเฉพาะ 1001/101, 1002/102, MTH1003/MA103, MTH1103/MA113, STA2003/ST203, STA2016/ST206
- คุณเรียนสด ๆ ผ่านจอคอมโดยเปิด Cyber Classroom RU หรือถ้าอยากฟังย้อนโหลดแอพ RU learning ลงมือถือ แล้วมานั่งตากไข่แช่พัดลมอยู่บ้านก็ได้ (โหลดบรรยายมาดูก็ยังได้) แต่บางวิชาไม่มีนะเออ
- เดี๋ยวนี้เขาเรียนออนไลน์กันแล้ว แต่ก็ต้องไปซื้อชีทแถว ๆ รามกันอยู่ดี
- ห้องเรียนกว้างมาก โดยเฉพาะรามฯ2 จุคนได้เป็นพันๆ แต่เห็นมีคนมาเรียนแค่ร้อยกว่า ๆ เอง (ก็มันไกลนิหว่า+ร้อนด้วย ฝุ่นเยอะ)
- วันไหว้ครูของรามทุกปี จะมีคนมาล้นหัองประชุม จนต้องยืนกันข้างนอกห้องประชุม
- หนังสือเรียนหลาย ๆ วิชาของรามฯ จัดพิมพ์มากกว่ามหาวิทยาลัยอื่น ๆ แถมถูกกว่ากันเยอะ
- ที่ตําราของรามคําแหงถูกเพราะพิมพ์ด้วยกระดาษแดง...
- อารยประเทศ เขาก็พิมพ์ด้วยกระดาษแดงทั้งนั้นแหละ เพราะต้นทุนถูก เข้าถึงได้ มีแต่ประเทศไทยที่บ้าเลือดพิมพ์แต่กระดาษขาวแกรมเยอะ ๆ ให้มันแพงเล่นนี่แหละ
- เด็กจุฬา ธรรมศาสตร์ ต่างก็นิยมมาซื้อตํารากฎหมายของรามคําแหง
- มหาวิทยาลัยรามคําแหงมีหลักสูตรปริญญาโทเยอะมาก
- คาดว่าต่อไปจะเปิดหลักสูตร "MBA สําหรับสาวเชียร์เบียร์รุ่นใหม่"/"YoungEX สําหรับผู้ขายปลีกเสื้อผ้าตามแผงตลาดนัด" หรือไม่ก็ "SMEs สําหรับนักส่องพระขนาดกลางและขนาดย่อม"
- หลักสูตรปริญญาโทบางหลักสูตร คือ ปริญญาบัตร+เสียเงินไปดูงาน (ซื้อแพ็กเกจทัวร์ต่างประเทศ) = สําเร็จการศึกษา
- ตึกใหม่ น.ศ.หน่วยกิตละ 25 บาท ไม่มีวันได้ใช้...
- ในวันที่อากาศร้อนจัด ทางมหาวิทยาลัยไม่บริการแอร์ให้ เพราะยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ร้อนตอนเรียน หนาวตอนสอบ หนาวทั้งแอร์และข้อสอบ)
- เสียเงินแค่ หน่วยกิต 25 บาท รู้จักอดทนต่ออากาศร้อนซะมั้งนะ...
- ที่นี่รามคําแหง...ตามตึกเรียน มีแอร์ก็เหมือนไม่มี ใช่สิ...กูจ่ายแค่ 25 บาทต่อหน่วยกิตนี่
- รามคําแหง มุ่งมั่นที่จะเป็นมหาวิทยาลัยแบบ E-SERVICE ให้ได้ โดยบริการนักศึกษาผ่าน WEBSITE ของมหาวิทยาลัย...แต่ก็น่าแปลกที่มี Server ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่ก็ใช้งานไม่ได้จริง แถมล่มบ่อยมาก จนฉันเบื่อ ไปเดินต๊อกๆ หาข้อมูล+นั่งเรียนในมหาวิทยาลัยเอาดีกว่า (แถมม้าโทรจันมาอีกเป็นระยะเราต้องตามล้างเครื่องมาสองรอบแล้วววววว)
- รามฯคึกคัก (มาก ๆ) จริง ๆ ก็คือวันสอบเทอม 1 เทอม 2 ซัมเมอร์ (และสอบซ่อม)
- สระน้ําที่ราม 1 และ 2 นศ. ชอบไปนั่งตอนเย็น ๆ แต่ต่างกันที่ราม 1 เขานั่งจีบกัน (แถมนั่งแดกเบียร์กันอีก) ราม2 เค้านั่งตกปลา
- ตัวแทนสมาชิกสภานศ. ปี 1 บางคนหน้าแก่พอ ๆ กะพ่อนศ.ปี 8 (เรื่องจริง ไม่ได้ฮา)
แนวคิดในการแต่งกายใน ม.ราม[แก้ไข ]
ใน ม.ราม นี้มีแนวคิดในการแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาอยู่ 5 ประเภท คือ
1. แต่งกายชุดนักศึกษาให้เรียบร้อย เพื่อเป็นการให้เกียรติและเคารพต่อสถาบัน
- โดยแต่งกายแบบเรียบร้อยทุกกระเบียนนิ้ว แนวคิดนี้ ส่วนใหญ่เป็นของคณะศึกษาฯ และ นิติฯ (ปี1)
- ดั่งนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่ นักศึกษาตัวอย่างส่วนมากจะเป็นคณะศึกษา และน้องนิติฯ ปีหนึ่ง เพราะแต่งตัวเรียบร้อยมาก (นิติฯปีอื่นก็แต่งตัวเรียบร้อยนะว่าไปแล้ว)
2. แนวคิดที่สอง คือ แต่งกายขุดนักศึกษาเพื่อแสดงว่าตนเองเป็นนักศึกษา (แบบว่าไฮโซนิดๆ)
- นักศึกษาหญิงมักจะใส่เสื้อแบบรัดติ้ว ประมาณว่ากระดุมแทบจะปริออกจากเสื้อ (ไม่ใส่เสื้อซับด้วย บางครั้งก็ไม่ได้อยากเห็นข้างในซะหน่อย) และกระโปรงสั้นจุดจู๋ (สงสัยกะจะล่อตะเข้เผือก)
- นักศึกษาชายใส่เสื้อรัดติ้ว ผูกเนคไทแบบแทบหายใจไม่ออก ไส่กางแกงแดปดํา (แบบว่าทรมานน้องชายสุด ๆ) ใส่รองเท้าคู่ใหญ่เท้าควายสีสด ๆ ประมาณเบอร์ 80 เห็นจะได้ แนวคิดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นของคณะบริหารและเทคโนสือสาร มีคณะมนุษย์บางประปาย
3. แนวคิดที่สามนี้มีกายแบบว่าแต่งกายให้ดูอายุน้อยลง
- คือการแต่งกายแบบแนวคิดที่สอง แต่คนที่แต่งส่วนไหญ่จะอายุเกินวัยนักศึกษาไปแล้วอะนะ เช่นคนรุ่นป้า อายุประมาณ 30 อัพ แต่แต่งกายด้วยนักศึกษา เพื่อให้ดูเด็ก
- แนวคิดนี้มักจะมีมากในบรรดาป้า ๆ มาเรียนเอาตอนอายุมากแล้ว และมักเห็นมากในช่วงสอบ
4. แนวคิดที่สี่นี้เป็นคิดที่ว่า การแต่งกายมิใช่สาระสําคัญแห่งการเรียน
- กล่าวคือ คนที่มีแนวคิดแบบนี้ จะไม่แต่งชุดนักศึกษาเลย แม้แต่ช่วงสอบ หรือในเวลาติดต่อกับมหาวิทยาลัยก็ตาม
- แนวคิดนี้มีมากในคณะนิติศาสตร์ ตั่งแต่ ปี2 ขึ้นไป จึงไม่ต้องแปลกใจที่มักจะเห็น (ชินแล้ว ต้องให้เขาเลยจริง ๆ) เด็กนิติใส่เสื้อยืดเก่าๆ กางยีนขาด ๆ รองเท้าเตะดาวเทียม เดินถือประมวลให้วุ้นไปหมด (บางคนก็เน่าสุด ๆ เดินผ่านจะเป็นลม)
5. แนวคิดที่ห้า เป็นการแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาบางในบางโอกาส
- เช่นแต่งช่วงสอบและในเวลาที่ต้องติดต่อกับมหาวิทยาลัย แทบทุกคนที่ไม่ได้มีแนวคิดข้างตนทั้งสี่ จะเป็นบุคคลในประเภทนี้
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย[แก้ไข ]
- ศรราม เทพพิทักษ์ เป็นนศ.ราม ใช้เวลาเรียน 13 ปีจบ (ก็ไม่ว่างนี่)
- พี่ต๋อย ไตรภพ ก็จบรามนะจ๊ะ
- บ้านของบอล ภราดร อยู่หลังราม 2
- โทนี่เหมา เอ๋อ กวยตุง มักมาฝึกมวยจีนที่มหาลัยเสมอ
- นักศึกษารามคําแหงส่วนใหญ่มีความสันโดดอย่างยิ่ง และมักไม่ค่อยสนใจ หรือพาดพิงสถาบันการศึกษาใด
- นักศึกษา ม.ราม มีกลุ่มนักศึกษาที่เคร่งครัดด้านศีลธรรมอย่างยิ่งคือ ชมรมพุทธศาสนา กลุ่มนักศึกษาชาวมุสลิม และนักศึกษาชาวคริสต์
- มีคนบอกว่า ถ้าจะลงเล่นการเมืองต้อง มาเรียนที่รามให้จบก่อน สังเกตดูดิ นักการเมืองหลายๆคน จบจากรามทั้งนั้น
- พวก ส.ส. ที่จบจากรามส่วนใหญ่มักเรียนคณะรัฐศาสตร์ (อืม แล้วแกจะให้มันเรียน คณะศึกษาศาสตร์หรอ)
- ม.รามเป็นมหาลัยเดียวในเอเชีย ที่เปิดสอนภาษากรีก
- ที่นี่มีเสื้อชมรมมากที่สุดในประเทศ มีหลายแบบ หลายสี ตามซุ้ม
- เชื่อหรือไม่ ม.รามปี 2551 มีดาราเกาหลีมาเป็นอธิการบดี ชื่อ "คิม ไชย ชุก"
- เชื่อหรือไม่ว่า อธิการบดี ม.รามคนก่อน ก็เป็นดาราไต้หวัน ชื่อ "รัง สัน ฮั้ว"
- นักการเมืองบางคนเป็นนักศึกษามา 20 ปี เพิ่งจะสําเร็จการศึกษาออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยอิทธิฤทธิ์ของ "รัง สัน ฮั้ว" นี้เอง
- ลูกชายนักการเมืองบางคนถูกกล่าวหาว่าทุจริตในการสอบไล่ แต่ก็ยังสําเร็จการศึกษาออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย
- ลือกันว่าอดีตนายหัวคนที่ 7 (รัง สัน ฮั้ว) กับ คนที่ 8 (คิม ไชย ซุก) เป็นทายาทอสูร (กาย) กัน โดยเฉพาะเรื่องตึกบางนา กับ เอกสารไหม้ไฟหมดก่อนจะมีหมายจากศาล
- ปัจจุบัน ทั้ง "รัง สัน ฮั้ว" และ "คิม ไชย ชุก" ต่างก็ถูก สกอ. ไล่ออกจากราชการแล้ว เพราะทําผิดวินัย
- ข้าง ๆ องค์กรนศ. เมื่อก่อนมีซุ้มอยู่ปัจจุบันโดนยุบให้เป็นโต๊ะรวม
- อย่าไปรับน้องที่หาดบ้านกรูด (ไปมาแล้ว หลอนโคตร)
- สมัครเสร็จ จะรู้สึกเหมือนดารา เพราะพวกรุ่นพี่จะฉุดกระชากลากถูยื้อแย่งกันเพื่อให้เข้าชมรม
- เรียนซัมเมอร์ใส่ขาสั้นไปเรียนได้ (จริงๆแล้วเทอมไหนก็ได้) แต่ถ้าเจออาจารย์เจ้าระเบียบ จะถูกประจานหน้าจอทีวี
- มีทติ้งของรุ่นน้องสามารถแกล้งรุ่นพี่กลับได้
- มีซุ้มของนักศึกษา ตจว. มากมาย แต่ซุ้ม rare ของรามฯ คือซุ้ม "กรุงเทพ" (ผมหาไม่เจออ่า)
- บางคนเรียนจนจบก็ยังหาซุ้มจังหวัดตัวเองไม่เจอก็มี (มันไปแอบอยู่ไหนว่ะ)
- ใครว่านักศึกษารามฯ บ้านนอก....นักศึกษารามฯจากต่างจังหวัดส่วนใหญ่มีมือถือที่ถ่ายรูปได้แล้วทั้งนั้น
- เป็นมหาลัยที่คนมีอคติกันเยอะ (มันไม่มีอะไรซักหน่อย มาเรียนดูเถอะ)
- มหาวิทยาลัยรามคําแหง เป็นสถาบันการศึกษาที่ถูกมองด้วยอคติสูง...แต่มีเด็กต่างสถาบันมาลงเรียนให้เพียบ...แล้วจะมีอคติกันเพื่อ?
- ม.รามเป็นม.เดียวในประเทศไทยที่เด็กนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ใส่เสื้อช้อปเดินว่อนมหาลัย (ม.อื่นจะพบในคณะวิศวะหรือคณะอะไรก็ตามที่มีแลป)
- ม.รามฯ 1 มีจระเข้เผือกที่สระกลางตัวนึง เย็น ๆ จะมีคนไปนั่งดู ใครไม่เห็น ไม่จบนะจะบอกให้
- ที่ ราม2 จะมีเยอะกว่า เเต่ตัวเล็กกว่า ประมาณ 10 ตัวเห็นจะได้
- สระในรามเป็นสระที่มีเต่ามากที่สุดในโลก (อันนี้ไม่แน่ใจ แต่มีเต่าเยอะมากกกก)
- ที่สระเต่าจะมีนกยางอยู่ที่เรือหงส์อยู่หนึ่งตัว ใครใจดีก็หาคู่ไปให้มันที
- หนังสือพิมพ์ของรามฯ เป็นหนังสือพิมพ์ที่นักศึกษารามฯที่ไม่ค่อยได้ไปมหาลัยเห็นว่ามีค่ามากที่สุด แถมเป็นหนังสือพิมพ์ที่บุรุษไปรษณีย์ชอบทิ้งข้างทางแล้วเผาทําลายหลักฐาน (เพื่อนบอกมา)
- ข่าวราม เสียเทอมละ หนึ่งร้อยบาท หมดอาทิตย์นึง ภารโรงจะนําไปทิ้งที่หน้าธุรการ เช่นเดียวกับ มร. 30 (กําหนดการเรียนการสอบของชาว มร) พิมพ์ไว้ทิ้งโดยเฉพาะ
- ทั้งเทอมทั้งปีทําไมข้าพเจ้าไม่เคยได้รับเลยวะ นั้นแหละสาเหตุ (แต่ทําไมฉันได้ทุกเทอมเลยฟะ)
- น.ศ.รามชายส่วนใหญ่ชอบเตะฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งแบบปกติที่ใช้เท้า หรือใช้มือ
- ถ้าใครสังเกตจะพบว่าถ้ามองจากบริเวณเสาธงจะเห็นว่าพ่อขุนนั่งประทับในศาลาพุทธไทสวรรค์
- ม.รามคําแหง มีฟิตเนสด้วย ชื่อ "ฝ้ายคํา ฟิตเนส" มีอุปกรณที่ไฮโซ ห้องน้ําสะอาด ห้องสตรีม+ซาวน่าก็เยี่ยม ราคาไม่แพง (สําหรับ เด็กป.ตรี เท่านั้นที่ไม่แพง ) บริหารงานโดยสํานักกีฬา โดยมีเทรนเนอร์ใจดีเป็น น.ศ. ในสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาคอยให้คําแนะนําเรา
- ทันที่ที่อาจารย์บอกว่าหมดเวลา เด็กที่เรียนวิชาเรียนต่อไป จะรีบเข้าห้องทันที ทั้งๆ ที่เด็กทีเรียนวิชาเดิมยังไม่ออกเลย...รีบไปไหน?
- คําตอบ: จองที่นั่งใต้พัดลม ก็อากาศมันร้อน
- ร้านขายหนังสือกฎหมาย ร้านเล็กๆ ที่อยู่ในโรงอาหารนั้น มีหนังสือกฎหมายทุกเล่มที่อยากได้ อย่าท้า อย่าถาม มีหมด เห็นร้านเล็กๆ แบบนั้นก็เหอะ
- ถ้าบอกว่าบ้านตัวเองอยู่แถวบางแค มักจะโดนบอกว่า "ไกลโคตร"
- บางคนไม่รู้ว่าการยืมหนังสือไปอ่านที่บ้านคืออะไร มีความรู้สึกอย่างไร เพราะตั้งแต่เรียนจนจบ ไม่เคยใช่บัตรนักศึกษายืมหนังสือเลยสักครั้ง
- ห้องน้ําหน้าเวียงคําและเวียงผา น่าจะเป็นห้องน้ําที่สกปรกที่สุดในประเทศไทย ร่วมทั้งแม่บ้านที่รับผิดชอบจะต้องทํางานหนักที่สุดในบรรดาแม่บ้านในราม
- ห้องน้ําที่สะอาดจะอยู่ที่ตึกคณะ และ สํานักหอสมุดกลาง นอกนั้น..."โครตๆ สกปรก"
- ที่ตึกสุโขทัยก็สะอาดนะ อุปกรณ์ครบครัน น่านั่งมาก
- ประกันอุบัติเหตุของชาว มร. ถูกที่สุดในโลก ปีละร้อยบาท ค่าพยาบาลครั้งละไม่เกินหมื่น ถ้าตายได้ตั้งแสนแน่ะ
- คาดว่านักศึกษารามคําแหง บริโภคกาแฟร้อนมากที่สุดในประเทศไทย
- รวมทั้งน้ําเย็นจากตู้กดน้ําของสวัสดิการนักศึกษาด้วย (กินกันคนละประมาณ 20 ลิตรต่อวัน)
- หัวก็อกน้ําเย็นไว้ดื่มมักจะหายหมด ที่เป็นอย่างนี้เพราะไม่งั้นแม่บ้านจะขายน้ําขวดสิบบาทไม่ได้
- ที่นี่ ใช้เวลาในการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร มากกว่ามหาลัยอื่น
- ผู้กล่าวนํานักศึกษาในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร คัดเลือกกันในวันรับฯ เลย ก่อนพระเทพฯ เสด็จประมาณครึ่งชั่วโมง โดยจะเลือกจากบัณฑิตเกียรตินิยม 2-5 คน ในคณะที่นั่งด้านหน้าของห้องประชุม แล้วให้อ่านบทกล่าวนํา 1 หน้ากระดาษ มีโอกาสอ่านครั้งเดียว ใครอ่านผิดหรือสะดุดเพียงครั้งเดียว จะเปลี่ยนคัดเลือกคนใหม่แทนทันที จนกระทั่งได้คนที่อ่านรอบเดียวผ่าน จึงจะเป็นผู้กล่าวนํานักศึกษา
- แก้: คัดเลือกในวันซ้อมใหญ่ โดนเลือกเอาผู้ที่เก็บ G ได้มากที่สุด เป็นคนมีชื่อเสียง หรือดูท่าทางน่าจะสั่นน้อยที่สุดด้วย แต่ช่วงหลังส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงซะมาก
เกี่ยวกับม. ราม 1 (วิทยาเขตหัวหมาก)[แก้ไข ]
- รามคําแหง 1 หรือรามหัวหมาก เป็นที่เรียนของ ชั้นปีที่ 2-4 ป.โท และ ป.เอก
- ทางใน ม.รามหัวหมาก เชื่อมกันเป็นใยเเมงมุม ใครไม่เคยเข้ามาจะหลงเอาง่าย ๆ
- สาว ๆ มักไม่ค่อยอยากผ่าน 3 แยกนั้น เพราะทางนั้นมีเด็กชีวะอยู่เยอะ
- ปัญหาคลาสสิกของ ราม 1 คือ น้ําท่วม
- ส่วนมากนศ. ในรามหัวหมาก จะแยกไม่ออกว่าใครคืออาจารย์ ใครคือเจ้าหน้าที่
- หอประชุมหรือศูนย์ประชุมพ่อขุนรามคําแหงมหาราช นักศึกษาจะได้ใช้ในตอนเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร หรือพิธีไหว้ครูเท่านั้น ส่วนมากจะคนเยอะอย่างที่บอกไปด้านบน
- ที่วิทยาเขตหัวหมาก มีห้องอ่านหนังสือ อยู่ที่ตึก VKB และ VPB ปิดตอนเที่ยงคืนนะ
- ตึกสุโขทัย เป็นตึกที่สูงที่สุด ในตอนนี้ (ก่อนหน้านั้นคือตึก สวป. กับตึก SCL ตามลําดับ)
- คนที่มาเรียนครั้งเเรกมักหาตึก TCB ไม่เจอ ไม่ต้องกลัวครับคนที่ไปเรียนทุกวันบางคนยังไม่รู้จักเลย คิคิ
- ตึกเวียงคํา กับ ตึกเวียงผา เวลาสอบเข้าผิดประจํา แปลกแต่จริง หรือจะต้องเปลี่ยนชื่อ เพราะเป็นตึกลูกแฝด
- ม.รามหัวหมาก มีประตูเปิดใหม่อีกช่องทางคือ ประตูเชื่อมต่อ กกท. หรือการกีฬาแห่งประเทศไทย (ปิดไปแล้วไม่รู้จะเปิดอีกทําไม)
- ประตูรั่วที่ติดกับกกท.สงสัยว่าจะกลัวนักศึกษารามล้นเข้ามาในกกท.จึงไม่กล้าเปิด ( เพราะที่นั่งอ่านหนังสือในรามไม่พอกับจํานวนนักศึกษา)
- ในราม 1 จะมีผู้หญิง 1 คนและผู้ชาย 1 คน ที่มีลักษณะป่วยทางสมอง และชอบมาทํากิจกรรมร่วมกับนักศึกษา
- ผู้หญิงนั้นจะมีลักษณะท้วมติดกิ๊ฟเต็มหัวและใส่ชุดสีม่วง และผู้ชายหัวโลน มักมีกลิ่นเหล้าเสมอ (แม้แต่ รปภ. ยังไม่กล้าจับ)
ตึกสวป.[แก้ไข ]
- เป็นตึกที่นักศึกษาจะเรียกชื่อไม่ค่อยถูก เพราะชื่อเต็ม ๆ นั้นยาวมาก
- ชื่อเต็มๆของตึก สวป. คือ อาคารสารวัตรปราบปราม (ใช่ซะที่ละ)
- ที่จริงมันคือ สํานักบริการทางวิชาการและทดสอบประเมินผล
- หากคุณเป็นนักศึกษาธรรมดาที่ใฝ่สูง และไม่พอใจในชนนั้น สามารถเพิ่มความพิเศษให้ตัวเองได้ โดยการไปทํางานเป็นจ๊อบที่ สวป. เพราะคุณจะมีสิทธิ ตะคอก บ่น ก่นด่า และชักสีหน้าใส่เพื่อนนักศึกษาได้ โดยไม่มีความผิด และไม่โดนทําร้ายร่างกายเหมือนกรณีที่ทํากริยาแบบนั้นนอกหน้าที่ หรือตอนที่เป็นนักศึกษาธรรมดาๆ (เฉพาะบางคนเท่านั้นโว้ย อย่าเหมารวม ขอร้อง เพราะก็ทําเหมือนกัน ไม่เคยว่าไรครัยเฟ้ย มีแต่นศ.บางคนอะ ทํากิริยาใส่ นศ. ช่วยงานอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น โยนบัตรใส่ ก่นด่า บ่น ตะคอก ทําไงได้อะ เราเป็นแค่นักศึกษาช่วยงานนี่นา จะเถียงได้ไง)
- ประเด็นนี้ขอยืนยันว่าเป็นความจริง แต่ขอโทษ เราก็นักศึกษาคนหนึ่งที่เสียค่าหน่วยกิต 25 บาท มีหรือจะยอม ด่ากลับหน้าเสียมาแล้ว คนพวกนี้มันต้องเจอของจริง
- ในกรณีที่คุณโดนกระทําเช่นว่านั้นจากนักศึกษาช่วยงานในสวป. วิธีแก้คือ ให้คุณฮึดสู้โดยทําเสียงดังใส่กลับคืนแล้วการบริการจะดีขึ้น
- ว่ากันว่านักศึกษาช่วยงานมักจะตอบคําถามในข้อสงสัยใดๆของคุณไม่ได้ และทุกครั้งที่คุณถามคําถามเคาจะต้องวิ่งไปถามอาจารย์เพื่อมาตอบคุณ
หอสมุดกลาง[แก้ไข ]
- สํานักหอสมุดกลาง เจ้าที่แรงมาก โต๊ะที่เราว่าว่างแล้ว และกําลังไปนั่น หรือไม่พบว่าผู้ใดนั่งอ่านหนังสืออยู่เป็นเวลานาน แต่มีหนังสือวางไว้นั้น พอเราจะไปนั่ง เจ้าที่จะโผล่มาเฉดหัวเราไปทันที
- ข้อควรระวังในการใช้บริการสํานักหอสมุดกลางคือ ไม่ควรไปนั่งอ่านหนังสือใกล้วันสอบ ยกเว้นคุณจะมีเส้นสายกับเจ้าที่ คุณถึงจะมีที่นั่ง
- ระหว่างหนังสือกับที่นั่ง สิ่งที่หายากสําหรับหอสมุดกลางมหาวิทยาลัยรามคําแหง คือ ที่นั่ง
- ที่สํานักหอสมุดกลาง ในห้องอ่านวารสารสิ่งพิมพ์ ไม่อนุญาตให้นั่งอ่านตํารา...แม้เราจะเดินหาที่นั่งทั่วตึกแล้ว จะมานั่งอ่านที่นี่ เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีเมตตา
เกี่ยวกับม. ราม 2 (วิทยาเขตปัจฉิมสวัสดิ์-สุวรรณภาศรี หรือ บางนา)[แก้ไข ]
- วิทยาเขตปัจฉิมสวัสดิ์-สุวรรณภาศรี หรือราม2 หอสมุดน่านั่งมาก
- วิทยาเขตปัจฉิมสวัสดิ์-สุวรรณภาศรี หรือราม2 มีห้องอ่านหนังสือที่ PBB และ PRB จะแน่นมากเฉพาะช่วงสอบ
- ซอยรถเมล์ 38 ข้าง ๆ ราม 2 ไม่ว่าฝนจะตกหรือไม่ น้ําก็ท่วมตลอดปี (เรียนมา 4 ปีไม่เคยเห็นมันแห้งซักวัน)
- ที่ราม2 มีสนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานซ่อนอยู่ แต่นักศึกษามักมองไม่เห็นเพราะต้นกกมันสูงท่วมหัว (ตัดมั้งสิเว้ย)
- คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ได้ แต่ขบวนการนายหน้าหอพักราม 2 นั้นใหญ่โตมาก มีผู้รวมขบวนการตั้งแต่ยามของราม 2 เจ้าของหอแห่งต่าง ๆ ไปจนถึงเด็กเชียร์ (ที่เรียกอย่างนี้ก็เพราะแม่งพาเรามาดูแล้วเชียร์ให้เรา "จองเลย ๆ" ทันที ประหนึ่งเด็กเชียร์เบียร์ก็ไม่ปาน)
- บางคนเขาก็ว่าทําแบบนี้เหมือนคุณโส...แถวสนามหลวงสมัยก่อนชัด ๆ
- เผลอ ๆ เด็กเชียร์เบียร์กับคุณโส...ยังน่านับถือกว่าพวกนี้ เพราะเรารู้ว่าพวกเธอจะมาขายอะไร แต่นายหน้าพวกนี้แม่มกะจะหลอกเรากินอย่างเดียว
- คุณสามารถพบเจอนายหน้าพวกนี้ได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ ม. (ยาม) เดินหาหอเองก็เจอ ขนาดหน้าร้านขายชุดนักศึกษายังเจอเลย
- เคยเจอมาแย่งลูกค้า (แม่ของไอ้กรวดนี้แหละ) กันต่อหน้าต่อตาก็มีมาแล้ว
- หากคุณเป็นเด็กปีหนึ่งที่กําลังหาหอ อย่าถามรปภ. หรือยามที่ราม 2 เด็ดขาด เพราะเขา (น่าจะ) ได้ส่วนแบ่งค่านายหน้ากับพวกหอพักต่าง ๆ รอบ ๆ ราม แนะนําให้หาเตรียมไว้ในเน็ต หรือถ้าคุณสดพอ จะลองลงไปหาในพื้นที่จริงก็ได้นะ
- หอที่ยามแนะนํา (หอเครือ "ป้าแหม่ม") สองหอแรก (โอโซน เพลส) แอร์-พัดลมเก่า ชนิดว่าตัวเครื่องเหลือง ตู้เสื้อผัาหัก ฟูกเตียงปริ ส่วนหอแห่งที่สาม (พี จี Building) เฟอร์ฯ จะใหม่หน่อย แต่ไกลตัว ม. ขนของก็ไม่สะดวก เพราะลิฟต์จะเปิดตรงบันไดระหว่างชั้นที่คุณอยู่-ชั้นถัดไป (สมมติคุณอยู่ชั้นห้า ประตูจะเปิดตรงบันไดขึ้นชั้นหก ลงชั้นห้า)
- หอบ้านทิพยา เจ้าของเลือกคนมาก ไม่รับคนอ้วน เสียงดัง สูบบุหรี่ กินเหล้า...
- หอพักสตรีห้องเสื้อสุมาลี ถ้าคุณเป็นผู้ชายเขาก็ให้อยู่นะ แต่ระวังเขาเอาห้องเก็บของมาให้คุณอยู่ละ (เห็นว่าจะเคลียร์ให้ถ้าย้ายเข้า) ห้องน้ําในนั้นสูงแบบยกพื้น แว่ว ๆ มาว่าไม่มีฟักบัว (ใช้ที่ฉีดตูดอาบเอา) แถมฟูกก็ขึ้นรา... มีดีอย่างเดียวคือติดกับประตูราม 2 สนนราคา ห้องนี้ 3,200 จ๊ะ
- หอยุวดีคอร์ต ราวบันไดแตก ๆ หัก ๆ บันไดในหอมืดมากแม้จะเป็นตอนกลางวันแสก ๆ ก็ตาม เจ้าของหอไร้มารยาทมาก ไขห้องลูกบ้านเข้าไปทั้งที่เขายังไม่ตอบ (และไม่อยู่) นี้ขนาดแค่มาดู ยังไม่ได้เช่านะ... ห้องชั้น 3 ดีหน่อยเพราะพึ่งทําใหม่ แต่พื้นห้องน้ําตรงโถส้วมยกสูง (คาดว่ากันน้ําท่วม) ใครตัวใหญ่น่าจะล้มตายก่อน ส่วนห้องชั้น 2 ชื้นและอับมาก นอกจากนี้ในทั้งในอากู๋และพันทิปต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าของหอนั้นเหลี่ยมซิกจัด ๆ
- หอป้าอร หรือ หอแม่ฟ้า ตรงใกล้ ๆ อาคารนัมเบอร์วัน รามคําแหงซอย 13 ข้างร้านขายชุดนักศึกษา บันไดขึ้นหอแคบ และไม่มีราวจับ แอร์-พัดลมเก่า ธรณีประตูตรงระเบียงก็สูงซะ แต่ห้องน้ําดี ไม่ยกโถสูง ของกินเยอะ
ตึกบางนา (ตึก BNB)[แก้ไข ]
- ตึก BNB 1-8 ที่ วิทยาเขตปัจฉิมสวัสดิ์-สุวรรณภาศรี หรือราม2 เป็นตึกอาภัพ ทําบุญมาน้อย กุศลไม่มีเลยอายุสั้น อาจจะเป็นเพราะว่าทําบุญตักบาตรใส่หิน ใส่ปูน ใส่ทราย ใส่เหล็กเส้นมาน้อย อายุการใช้งานเลยไม่ถึง 20 ปี คาดว่าอีกไม่นานจะละสังขารกันไปตามๆ แม้จะมีบางตึกจวนเผาแล้ว แต่ก็ยังไม่รื้อถอนออก คาดว่าอยากให้มีการสังเวยเลือดกันก่อนการรื้อถอน เป็นแน่
- ตึก BNB 1-8 หลังอื่นที่ยังไม่จวนถล่มนั้น หน้าต่างและบานประตู ก็ "แอ่นสู้" จนถึงวาระสุดท้ายดุจกัน.....
- ข้อควรระวังในการใช้ตึก BNB คือผีสิง เพราะทุกตึกเคยเกิดคดีฆ่าข่มขืนและฆ่าชิงทรัพย์มาแล้วทุกตึก
ตึกแฝดสองแคว (ตึก SK1-SK2)[แก้ไข ]
- ตึก SK 1 เป็นที่ที่ใช้ปฐมนิเทศรวมทุกคณะของปี 1 โดยจะจัดที่ชั้น 7 ห้อง 207 (แอร์เย็นโครต ๆ)
- ห้องน้ําใหม่และสะอาดมาก ๆ น่าจะเป็นหนึ่งในห้องน้ําที่สะอาดที่สุดของราม 2
ตึกคนที (ตึก KTB)[แก้ไข ]
- เป็นตึกปฐมนิเทศของคณะนิติ เป็นตึกที่ตรงกันข้ามกับ ตึก SKฺB ทุกอย่าง ทั้งเก่าเหมือนผีสิง และห้องน้ําที่ออกจะนั่งยากไปนิด เพราะส่วนใหญ่เป็นระบบโถยอง แอนด์ ขันน้ํา
- ถ้าคุณได้ไปปฐมนิเทศที่ชั้น 2 ห้อง 201 ของตึกนี้ ขอเตือนให้หาที่นั่งแถวริมหน้าต่างฝั่งขวามือ เพราะพัดลมเย็นสุด ไม่ต้องไปสนใจจอทีวีที่แขวนอยู่ทั่วห้อง อันนั้นเขาเอาไวให้คนมาทีหลังแล้วต้องไปนั่งห้องชั้น 5 (เพราะคนเต็ม) ดูจ๊ะ
เกี่ยวกับม. ราม 3 (วิทยาเขตสุโขทัย)[แก้ไข ]
- มร. 3 เป็นม. รามฯ ที่ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ แต่ไปอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย (ไปดูมาแล้ว...ใหญ่โคตะระ)
- อ้าว นึกว่าอยู่หน้ารามหัวหมาก
ทิปเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการเรียน[แก้ไข ]
- ที่รามคําแหงสามารถเรียนปริญญาตรีได้ตั้งแต่ ม. 4 (หรือที่เรียกว่าพรีดีกรี) และเรียนปริญญาโทได้ตั้งแต่ยังไม่จบ ป.ตรี
- ถ้าไม่มีบาร์โค้ดลงทะเบียน สามารถเขียนรหัสวิชาลงในกระดาษเองได้ (อย่าเขียนเยอะเกิน 4 ตัว ไม่งั้นโดนไล่ให้ไปซื้อ)
- ถ้าซื้อ บาร์โค้ดตัวละ 5 บาท (แต่ก่อน 3 บาทเอง) แพงเนอะ ซื้อมร. 37 เก็บไว้ดีกว่านะ
- ทําเรื่องรับน้องนอกสถานที่ต้องยื่นที่องค์การกิจกรรมนักศึกษา เพราะจะได้เงิน 4000 บาท ค่ากิจกรรม
- ในชั่วโมงสําคัญเช่น สรุปสอบซ่อมหรือคาบสุดท้าย นักศึกษาจะเยอะขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่ก็ไม่ใช่ทุกอาจารย์ที่ท่านจะบอกแนวข้อสอบชั่วโมงสุดท้าย เพราะบางท่าน บอกตั้งแต่เข้าเรียนได้ 2-3 ครั้ง
- บางครั้งบางทีข้อสอบที่บอกว่าเก็งมาก ๆ ข้อนี้ออกแน่ ๆ แต่พอไปสอบเข้าจริง ๆ มันกลับไม่ออกซะงั้น ถ้าคนอ่านไปหมดก็ดี แต่ถ้าไม่ได้อ่านไป ก็แล้วแต่บุญวาสนาล่ะกัน
- ใครที่บอกว่าเรียนรามแล้วไม่ต้องทํารายงานหรืองานส่ง เข้าใจผิดมหันต์ หลายเอก หลายภาควิชา จะต้องเข้าเรียน (โดยเฉพาะวิชาปี 2 ขึ้นไป) และจะให้ค้นคว้าทํารายงานส่งด้วย หลายวิชา ถ้าไม่เข้าเรียน ไม่ทําส่ง สอบได้คะแนนดีแค่ไหนก็ไม่มีวันผ่านได้ ขอบอก แต่ถ้าไม่อยากทําสิ่งนี้ แนะนําให้เรียนรัฐศาสตร์กับนิติศาสตร์ ไม่มีแน่นอน ฝึกงานก็ไม่มี
- นศ.อยากย้ายคณะ ค่อยมาย้ายตอนใกล้จบก็ได้
- รามฯ มีแต่เกรด G P F นะ สอบซ่อมก็ยังลุ้น G ได้นะขอบอกๆ (ตอนนี้เปลี่ยนเป็น A B C D แล้วนะ เห็นบอกเปลี่ยนเพราะเข้าอาเซียน)
- ถ้าสอบได้ G 5 ตัวจะได้เรียนฟรีในเทอมถัดไป
- แก้: จะได้เรียนฟรีในปีถัดไป ในภาคการศึกษาเดียวกัน และต้องลงทะเบียนไม่น้อยกว่า 18 หน่วยกิตในภาคที่จะเอา G นั้นด้วย
- การออกเกรดของที่มหาวิทยาลัยนี้ มีกําหนด 45 วัน นับจากการสอบเสร็จในวันสุดท้ายของภาคการศึกษา
- ใบเช็คเกรดที่นี่ ต้องเสียเงินค่าพิมพ์ 20 บาท...ทั้งๆ ที่พิมพ์ลงกระดาษ A4 ธรรมดาๆ นี่แหละ...
- ข้อแก้ต่าง: จะได้ไม่มีคนจิ๊กบัตรเพื่อนมาเช็คเล่นไงครับ
- เดี๋ยวนี้ใบเช็คเกรดเพิ่มเป็น 40 บาทแล้ว
- ปี 2565 เพิ่มเป็น 50 บาทแล้วครับ
- ร้านถ่ายเอกสารใต้ตึกคณะทุกคณะ คือแหล่งสะพัดทางภูมิปัญญา เพราะอาจารย์มักฝากชีททิ้งไว้
- ถ้าไม่มีตําราเรียนของปีหนึ่ง ของทุกคณะแล้วละก็ ใต้ตึก PPB ราม2 ช่วยคุณได้...แต่รหัสสองขึ้นไป หาเอาที่สํานักพิมพ์ ราม 1 เองแล้วกัน
- ชีทรามฯ ชีทลุงชาวใต้ ชีทธนิต ชีทติวเตอร์กุ้ง ชีทพี่โน่น พี่นั้น คือ เพื่อนสนิทสําหรับ เด็กรามคําแหง
- ติวเตอร์หน้าราม เป็นแหล่งความรู้คู่ มร. 1 - 2 จบแล้วอย่าลืมแก้บนด้วย
- สถาบันติวเตอร์หน้ารามหัวหมากมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า ม.ราม แห่งที่ 3
- สถาบันติวเตอร์ทั้งหลายแหล่หน้าราม 99% มีวิธีที่สามารถทําให้คุณเรียนจบได้ใน 2 ปีครึ่ง หรือผ่านวิชาที่คุณลงมาจนจะครบ 8 ปีก็ยังไม่ผ่าน ได้ 1000% แล้วแต่ระดับ มันเป็นปาฎิหารย์ที่ต้องเงินหนาเท่านั้น
- สถาบันติวเตอร์หน้ารามส่วนใหญ่ มีส่วนเอี่ยวกับการทุจริตและซื้อขายข้อสอบ เพราะมีคนในที่เรารู้ ๆ กันอยู่รับทั้งทางหลังบ้านและใต้โต๊ะ
- ต้องมีใครซักคน เคยเขียนกระดาษคําตอบจนหมดเล่ม (1 เล่มจะมี 8 หน้า)
- และถ้าเป็นข้อเขียนด้วยล่ะก็ จะเขียนจนวินาทีสุดท้าย จนกระทั่งกรรมการคุมสอบเดินมาดึงกระดาษาคําตอบเลยทีเดียว
- หรือถ้าทําข้อสอบไม่ได้ก็ไม่ต้องเขียน ส่งทั้งกระดาษเปล่านั่นแหละ รอ30นาทีผ่านไปแล้วค่อยออกจากห้องสอบ อย่าได้แคร์ ถ้าคุณไม่อาย 55
- พยายามยอมรับว่าสายไปเสียแล้ว ถ้าไม่มีปากกาติดตัวตอนสอบข้อเขียน . . . .
- ราม เรียนเพิ่มรายวิชาไม่ได้นะ นอกจากเทอมที่จะจบเท่านั้น
- ขาดสอบหรือสอบตก ก็ต้องสอบซ่อมเหมือนกัน
- บางทีข้อสอบซ่อมเทอม 2 กับซัมเมอร์ซึ่งจะจัดสอบรวมกันนั้น มักหาจุดกึ่งกลางของความพอดีไม่เจอ หมายถึงเนื้อหาในการออกข้อสอบ ซึ่งมันจะยากกว่าสอบซ่อมเทอม 1 หลายเท่า
- วันสอบไล่ประจําภาคเรียน หรือ สอบซ่อม จะเป็นวัน ส่องหนุ่ม-ส่องสาว เพราะจะมีคนมาสอบเยอะมาก ซึ่งบางคนเราไม่เคยเห็นเขาเข้าเรียน รวมทั้งได้ส่องเด็กต่างสถาบันด้วย
- วิ่งมาราธอนตอนเสียงออดเข้าห้องสอบดังเป็นอะไรที่ตื่นเต้นดี ยกเว้นว่าจะสอบชั้น 4 หรือชั้น 5 แต่เอาเถอะยังไงก็มีเพื่อนร่วมทางจะไปกลัวอะไรเราไม่ได้สายคนเดียวซักหน่อย ถ้ายามกั้นตะแกรงเหล็กแล้วก็ซวยไป
- ถ้าเป็นราม2 สามารถมุดเข้าไปได้ ของเค้าเป็นแบบหมุนลงจากข้างบน แต่ถ้าเค้าหมุนเสร็จแล้วมันก็ไม่ได้อ่ะนะ
- การถามว่า "เรียนปีไหนแล้ว เหลืออีกกี่ปีจบ" ถือเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมาก ควรเลี่ยงมาถามแทนว่า "เก็บได้กี่ตัวแล้ว เหลืออีกกี่ตัวจบ" ดูเป็นเป็นการดีกว่านะ (ทางเลือกที่ดีกว่า อย่าถามเรื่องนี้ อาจมีเคืองถึงขึ้นเลิกคบ ควรหาเรื่องอื่นคุยเพื่อไม่เป็นการสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว อยากบอกเดี๋ยวคุยเอง เพราะคงเก็บได้เยอะแล้วอยากคุย)
การเดินทาง[แก้ไข ]
- รถเมล์สาย 182 วิ่งระหว่าง หมอชิตใหม่-รามฯ2 ถือว่าเป็น rare bus เพราะส่วนใหญ่มักตัดระยะที่รามฯ1 (ขาไป) และที่บิ๊ก C ลาดพร้าว (ขากลับ) รวมทั้งตอนเย็นๆไปวิ่งที่มอเตอร์เวย์ด้วย (แปลกสิ้นดีเลยนะเออ)
- สาย 207 รามฯ-รามฯ2 ใครว่าเป็นรถรับ-ส่ง น.ศ. (เห็นมีคนธรรมดาขึ้นเยอะกว่าอีก)
- ความจริงรถเมล์สาย 207 ราม1 - ราม2 ก็มีนักศึกษาเยอะนะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่แต่งชุดนักศึกษากัน
- เมล์ 207 เป็นอะไรที่ Amazing มากๆ ขาไปราม 1 ใช้เวลาราว 50 นาที แต่ขากลับราม 2 บางวันซัด 2 ชม.กว่า (ขึ้น5โมงเย็นถึง1ทุ่ม)-*-
- เวลาสอบ สาย 207 บางคันจะติดป้ายมอเตอร์เวย์ ใช้เวลาไม่มาก ทันสอบ
- เวลาขึ้นสาย 207 ให้ระวังคนช่วยถือกระเป๋า (ไม่ทุกคนนะจ๊ะ เดี๋ยวคนดีจะซวย) แล้วมีคนมาล้อมเรา ทําเหมือนรถแน่นที่แท้มันเป็นแก๊งล้วงของในกระเป๋าเรา (อะไรที่สนใจเอาหมด แม้แต่หนังสือ) แต่เวลาลงยังคืนกระเป๋าให้อย่างปกติสุดๆ (ดูเผิน ๆ เหมือนคนใจดี มารู้อีกทีตอนเปิดกระเป๋า ทั้งโกรธทั้งแค้น)
ราม 2 (วิทยาเขตปัจฉิมสวัสดิ์-สุวรรณภาศรี)[แก้ไข ]
- หน้าวิทยาเขตปัจฉิมสวัสดิ์-สุวรรณภาศรี หรือราม 2 มีรถตู้บริการเยอะมาก อยากไปไหน...มีหมด
ของกิน[แก้ไข ]
- มารามคําแหง ไม่ว่าจะราม 1 หรือราม 2 ต้องกินกล้วยปิ้ง เผือกปิ้ง ไม่งั้น เหมือนมาไม่ถึงราม
- น้ําชาคือสิ่งยอดฮิตของนักศึกษาราม เวลาว่างส่วนใหญ่ของเด็กราม มักจะมานั่งโรงอาหารแล้วจิบน้ําชาคุยกัน (สงสัยไหมละว่าทําไมขวดน้ําจึงมีเชือฝางผูกอยู่ที่ปากขวด เพราะเอาไว้ใส่น้ําชาไงละ)
วิทยาเขตหัวหมาก (ราม 1)[แก้ไข ]
- โรงอาหารราม1 เป็นสวรรค์ของชาวมังและเจ เพราะมีให้เลือกถึง 3 ร้านอร่อยด้วย แต่ราม 2 ไม่มี(รู้สึกจะมีตรงที่จอดรถตู้)
- ตอนนี้ราม 1 โรงอาหารใหญ่ไม่มีแล้วนะจ๊ะ ตอนนี้ย้ายไปอยู่ข้างตึกสํานักพิมพ์ เค้าจะเอาไปทําเป็นที่จอดรถ
- โรงอาหารใหญ่ หรือโรงกลางที่ ทําการรื้อไปนั้น เขาจะใช้ที่เดิมนี้สร้างโรงอาหารและลาดจอดรถ 6 ชั้น
- ว่าปริญญาตรีใช้รถเยอะขนาดนั้นเลยหรอ แต่จริงๆไม่ใช่หรอก เอาไว้ให้ปริญญาโทจอดจ๊ะ ^_^ เสียดาย ที่แคบจะตายอันใหม่ เฮ้อ
- ร้านก๋วยเตี๋ยวน้ําตกล๊อก 3 อร่อยโคตรๆ น้ําข้น รสเข้ม แต่ย้ายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เพราะตอนนี้ทุบโรงอาหารเก่าไปแล้วอะ (ใครรู้มาตอบมั่งนะ)
- ตอบ: ก็ไปหาที่โรงอาหารใหม่ดิ--หลังตึก VPB
- กรุณาพกไฟสปอตไลท์ และหน้ากากออกซิเจนไปทานข้าว ที่โรงอาหารใหม่ (ราม 1) เพราะทั้งร้อน อับ มืด และเสี่ยงต่อการขาดอากาศหายใจ
- โรงอาหารใหม่ ของอาคารสํานักพิมพ์ เป็นโรงเรียนอนุบาล และ โรงเรียนสาธิตฝ่ายประถมมาก่อน...นั่งทานข้าวอึดอัดมากกกกกก
- ร้านกาแฟชั้นใต้ดินของสํานักหอสมุด มีขนม กาแฟ และน้ําดื่มประเภทต่างๆ บริการถึง 17.00 น. ของกินพื้นๆ แต่รสชาติอร่อยอย่างคิดไม่ถึง
- ที่ร้านกาแฟแห่งนี้ เป็นที่รวมนักอ่านหนังสือที่ต้องการพัก มีเรื่องสนทนามากมาย เสียงอาจดังเกิน 80 dB แนะนําให้พกที่อุดหูลงไปด้วย
- และร้านกาแฟแห่งนี้ เป็นสถานที่เดียวในวิทยาเขตหัวหมาก ที่สัญญาณมือถือทุกระบบเข้าไม่ถึง
- ร้านกาแฟสดข้างสํานักหอสมุดกลาง ไม่รับปั่นกาแฟสด...แต่กาแฟชงปั่นได้
- ซุ้มโค้กที่รามขาดเธอเหมือนขาดใจ ว่ากันว่าถ้าไม่มีซุ้มโค้กแล้วอาจหิวตายได้ (เปรียบเหมือนไม่มีร้านสะดวกซื้อนั้นแหละ) มีทั้งมาม่า กาแฟ ขนม น้ําดื่มฯลฯร้านโค้กปิดวันหยุด ดังนั้นถ้าไม่มีแล้วท่านอาจต้องเดินไปโรงอาหาร หรือหน้ารามสถานเดียว
- ใต้ตึกศรีชุม มีขนมอบขาย สามารถสั่งทําเค้กได้ด้วย
- โรงอาหารลับแล อยู่หลังตึกตรีบูรณ์ หายากแต่แม่ค้าใจดี โดยเฉพาะข้าวแกงร้านหน้า
- ถ้าวันไหนคุณดวงซวยตอนเกิดหิวน้ําขึ้นมาเกิดไปซื้อน้ําดื่ม ที่ซุ้มน้ําหน้าตึก KLB (กงไกรลาส) ตรงแยกทางสามแพร่งหลังตึกอธิการบดีให้บอกแค่ยี้ห้อน้ําหรือรสชาติน้ําที่จะซื้อ พอ อย่าไปบอกรายละเอียดมากกว่านั้นแม้ว่าคุณหวังดีไม่ได้คิดร้ายก็ตาม เช่น บอกว่าขวดสีอะไร รูปทรงอะไรเด็ดขาด เป็นการเพิ่มเติม ระหว่างที่คนขายยังมัวแต่งมโข่งหาอยู่ ไม่งั้น โดนเจ๊แกเหวี่ยง วีนด้วยโทนเสียงอํามหิตเสียงสูงปรี๊ด อย่างกับโดนเหยียบอวัยวะส้นเท้า จิกตามองเหมือนว่าไปขอแดกฟรี ว่า ไม่ต้องบอก รู้ รู้ รู้ เพราะคนขายจะถือว่าดูถูกดูแคลนดูหมิ่นศักดิ์ศรีอย่างรุนแรง (บอกขอโทษไม่ตั้งใจเจ๊แกก็ยังทําหน้าจิกใส่อีก สงสัยเจ๊คงขรี้ไม่ออกตอนเช้า)
- ที่ ม.รามฯมี "สวรรค์ 7 ชั้น" ตั้งอยู่หน้า รร.สาธิตฯมัธยม
- ตึกสวรรค์ชั้นสองมีร้านอาหารตามสั่งชื่อแจ๋วอยู่ ร้านนั้นถ้าไปสั่งตอนช่วงเที่ยงกว่าจะได้กินนาน เพราะคนสั่งเยอะและอร่อยมาก
- สเต็กเนื้อ ที่สววรค์ ชั้น 2 ก็อร่อยเหมือนกัน เเต่จะเต็มไปด้วย บรรดาเด็กสาธิต
วิทยาเขตปัจฉิมสวัสดิ์ – สุวรรณนภาศรี (ราม 2 หรือ รามฯ บางนา)[แก้ไข ]
- ร้านข้าวมันไก่ ข้าวหมกไก่ที่ราม2 คนสับไก่โคตรเทพ ขาไก่1 ขา พี่แกใช้เวลา 2 วินาทีเลาะกระดูกออกหมดแถมสับเรียบร้อย (อร่อยด้วยนะแก)
- ร้านข้าวมันไก่เจ้าเดียวกัน พี่ผู้ชาย (หน้าโหด ๆ) ใช้ฝ่ามืออรต์หันทุบไก่อย่างรวดเร็ว (ไม่ใส่ถุงมือ) งานนี้ไม่เหมาะกับคนดัดจริต แต่เราก็ยังกินน่ะ ฮ่าๆ
- โรงอาหารราม 2เปิดเฉพาะช่วงสอบเท่านั้น
- ไม่จริงจ้า เดี๋ยวนี้เปิดทุกวันแล้ว
ความเชื่อ[แก้ไข ]
- บนพ่อขุนราม โดยการวิ่งรอบอนุสาวรีย์พ่อขุน
- แล้วแต่จะบนเลย ส่วนตัวคนแก้ไม่เคยบน เพราะกลัวบนแล้วจะทําตามที่บนไว้ไม่ได้ ก็บ้านไกลนี่หว่า ซึ่งเรื่องการวิ่งแก้บนนี่ ให้ดูตามเลขรหัสวิชานั้นด้วยนะ สมมุติ อยากผ่าน EN101 ก็ต้องวิ่ง 101 รอบ เป็นต้น
- ปัจจุบันรหัส 5 หลักถูกยกเลิกไปแล้ว เปลี่ยนมาใช้รหัส 7 หลัก เพราะฉะนั้น กรุณาวิ่งแก้บนให้ครบตามเลขรหัส อาทิ วิชา ZOO5402 ปักษีวิทยา = วิ่ง 5402 (ห้าพันสี่ร้อยสองรอบ) ถ้วน เป็นต้น
- ถ้าอยากจบสองปีครึ่งให้นําดอกดาวเรืองจํานวน 25 ดอกไปไหว้พ่อขุน และเดินวนขวา 2 รอบครึ่ง
- เพลงฟ้ารามเป็นเพลงที่ พ่อขุน และบรรดาสิ่งศักสิทธิ์ใน ม.ราม ชอบฟัง (เพราะฉะนั้นบนด้วยเพลงฟ้ารามมักจะประสบผลสําเร็จเสมอ)
- ในรามคําแหง 1 มีรูปปั้นต้องห้ามอยู่บริเวณหลังคณะนิติศาสตร์ ใครไปจับจะเรียนไม่จบ (เรื่องจริง)
- คําขอแรกที่กล่าวต่อพ่อขุนรามจะประสบผลสําเร็จเสมอ
- จริง ขอให้ได้รางวัลก็ได้ซะงั้นแบบไม่น่าเชื่อ
- เรื่องจริงขอให้จบก็จบ แต่กว่าจะจบเกือบหมดแม็ก
- คนที่ไม่สบายบ่อย ๆ ให้นําเต่ามาปล่อยสระหลังเสาธง ราม 1
เรื่องลึกลับ[แก้ไข ]
- ตึกซ้อมกีฬาหลังตึกสุพรรนิกา (จําชื่อม่ายได้) ผีโคตรเฮี้ยนยิ่งนัก (ขนาดกลางวันยังได้ยินเสียงคนเดิน ทั้งๆที่ไม่มีคนอยู่)
- ในทุกสามปีจะต้องมีนักศึกษาสังเวยในสระน้ําบริเวณข้างตึกองค์การนักศึกษา (ครั้งสุดท้าย ปี 51 )
- ทุกวันพระ 15 ค่ํา ตอนเที่ยงคืนสุนัขจะหอนเสมอ (ไม่เชื่อไปคอยฟัง)
- หอหน้ารามสร้างทับสุสานของบรรดาทหาร ในสมัย กรุงธนฯ และบางที่สรางทับสุสานของชาวมุสลิมที่ย้ายมาจากปัตตานี และมักมีนักศึกษาฝันเห็นเหตุการณ์การรบในช่วงเดือนตุลาคม
เรื่องเล่าจากเหล่าเด็กนิติฯ[แก้ไข ]
- นักศึกษานิติศาสตร์ มีตั้งแต่ ลงเฉย ๆ ไม่ไปเรียน เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง เรียนตลอด จนถึง เรียนจนเป็นบ้า ก็มี (ล่าสุดมีคนกระโดดตึกกงไกรลาส (กันยา 54) เป็นเด็กคณะนิติศาสตร์ มีกระแสว่าติดวิชาหนี้ 8 ปี ยังไม่ผ่านเลยเครียดจนกระโดดตึก)
- ถ้าลง 8 ตัว อย่างน้อยสุดต้องตก 1ตัว
- แม้แต่ในห้องน้ําก็ยังมีตัวบทเขียนอยู่ (ตูละเครียด)
- วิชายากที่สุด คือ ปกครอง พยาน ล้มละลาย และหนี้
- นักศึกษาคณะนิติฯมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ เอกสารประกอบการเรียนสูงมาก เพราะต้องซื้อ ประมวล หนังสือของราม หนังสือนอก ชีท คําบรรยาย ข้อสอบเก่า อีกมากมาย
- นักศึกษาคณะนิติฯ บ้างคนมักพูดติดตลกว่าจบแล้ว ต้องไปรับปริญากับ สถาบันติว เช่น นิติธนิต ลุงชาวใต้ พีเมียร์ ซักเซต ลูกพ่อขุนประยุกต์ หรือแม้แต่บุคบาเทอร์ เพราะส่วนใหญ่สอบผ่านเพราะสถาบันติว
- คณะนิติศาสตร์รามได้ชื่อว่าแข็งเป็นอันดับสาม แต่ปัจจุบันน่าจะเป็นอันดับหนึ่ง (อีกสองที่คือธรรมศาสตร์กับจุฬา)
- คณะนิติฯ เคยมีคนสมัคร 2 หมื่นกว่าคน จบจริง 2 ร้อยกว่าคน (ปัจจุบันก็น่าจะจบกันประมาณนี้)
- คณะนิติศาสตร์ เป็นคณะที่ น.ศ. ชอบเอาพวงมาลัยไปไหว้บอร์ด
- น.ศ. คณะนี้ จะบูชาบอร์ดประดุจมหาเทพ เมื่อประกาศผลว่าตัวเองสอบผ่าน
- ห้องอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นตึก VPB, VKB หรือหอสมุด ล้วนถูกจับจองด้วยเด็กนิติ
- กระบวนวิชาที่ขนหัวลุกที่สุดสําหรับนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ คือ กฎหมายล้มละลาย และ กฎหมายลักษณะพยาน เพราะบางเทอม มีคนผ่านแค่สองคน!
- ว่ากันว่าเนติบัณฑิตไทย เป็นบัณฑิตราม ประมาณ 400 คน จากผู้สอบได้ 500 คน
- ข้าราชการตุลาการเกินครึ่งจบจากราม
- เด็กคณะนิติมีการแต่งกายที่เป็นเอกลักลักษณ์ (ยิ่งกว่าคณะสถาปัดอีก)
- ในแต่ละปีเด็กนิติจบประมาณ 30% อีก 20% จบปีหน้า 50 % เปลี่ยนคณะ
- คณะนิติศาสตร์ รามคําแหง เป็นคณะที่มีอาจารย์พิเศษ สอนเยอะกว่าอาจารย์ประจํา โดนส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการฝ่ายตุลาการ พนักงานอัยการ หรือไม่ก็อาจารย์ที่สํานักอบรมกฎหมายเนติบัณฑิต ซึ่งที่รามคําแหงให้ค่าสอนต่อชั่วโมงน้อยกว่าที่อื่นมากกกกกกก แต่อาจารย์เหล่านี้ ท่านก็โดดงานประจํา เสียสละเวลามาสอนให้กับนักเรียนกฎหมายรามคําแหงทุกเทอม _/\_ ขอบคุณอาจารย์มากๆ ครับ T-T
- ในการสอบวิชากฎหมาย จะมีผู้มีอายุในทุกช่วงวัยนั่งสอบกับคุณ
- วิชาบังคับในคณะนิติศาสตร์ราม ครึ่งต่อครึ่งเป็นวิชาเลือกของคณะนิติศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยอื่น...
- ของคู่กาย น.ศ.คณะนิติศาสตร์ คือประมวลกฏหมาย มีคนหมั่นไส้ หาว่าถือเท่ห์ ๆ...จริง ๆ นั่นหน่ะ ชีวิตทั้งชีวิตเลยนะนั่น (มีเพื่อนเคยทําหายบนแท็กซี่ แล้วเธอก็บอกว่า ทั้งชีวิตกูอยู่ในนี้) <-- เหมือนผมเคยเจอบนรถแท็กซี่อู่พ่อผม
- ระหว่างประมวลฯ หาย กับกระเป๋าตังค์หาย กว่า 80% ของ น.ศ. คณะนิติฯ ขอเลือกให้กระเป๋าหาย
- ประมวลกฎหมาย เป็นอาวุธโดยสภาพ (เพราะเล่มใหญ่มาก ประมาณว่าตีหัวใครสักสามที.......ถึงตาย)
- อาจารย์ภัทรา อยู่สําราญ คือ นิติศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 1 ของมหาวิทยาลัยในรอบ 20 ปี ทั้งคว้า อันดับ 1 เนติบัณฑิตไทยมาแล้ว
- เจอตัวอาจารย์ได้ในวิชามรดก ละเมิด ตัวการ-ตัวแทน คําประกัน-จํานํา-จํานอง สอนดีมาก แต่วีนมากเหมือนเหมือนกัน รีบเรียนก่อนที่อาจารย์จะไปเป็นศาลนะ
- การเฉลยข้อสอบของอาจารย์ท่านละเอียดยิบ (ชนิดที่บอกลําดับของตัวอักษรที่อยู่ในประมวลได้เลย)
- อาจารย์สอบอัยการได้ หลังจากพยายามมาหลายปี แต่คงไม่หยุดแค่อัยการ คงเป็นผู้ช่วย
- คณะนิติ ตึกมันอย่างหรู แต่ของคณะวิทย์คอมดันสิงอยู่ในตึกชั้นเดียว เฮ่อ~~
- ใต้ตึกคณะนิติใหม่ มีร้านถ่ายเอกสารที่มีลูกจ้างเป็นชาวต่างชาติ และมักพูดไทย"มายชัก" ( คนพม่าไง )
- ร้านถ่ายเอกสารตรงซอยโรงหนังเก่า มีข้อสอบนิติภาคที่ผ่านมา เยอะกว่าร้านถ่ายเอกสารตึกนิติ + ร้านพี่รินทร์ หน้าโรงอาหารใหม่
- อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มีตั้งแต่อายุ 22 (อาจารย์สิรพิชญ์) จนถึง 89 (อาจารย์วารี สอนวิชาครอบครัว)
- ประมวลกฎหมายใดที่ได้เจิมในพิธีบวงสรวงวันเกิด ม.ราม เจ้าของมักจะจบสองปีครึ่งเสมอ
- รุ่นพี่ที่เรียนเนติบัณฑิตจะมีเคล็ดให้รุ่นน้องเสมอ
- มีข่าวลือว่าอาจารย์กิจบดี กับ อาจารย์ภูริชญา ไม่ถูกกัน ( จึงไม่ต้องแปลกใจที่มักจะได้ยินการเสียดสีในช่วงโมงสอน)
เรื่องเล่าคณะรัฐศาสตร์[แก้ไข ]
- ศึกลูกพ่อขุน...ส่วนใหญ่...ก็คนจากจากคณะนี้แหละ เช่น ดา ตอปิโด, ชัย ชิดชอบ, ตู่ จตุพร
- ในรามฯ คณบดีรัฐศาสตร์ใหญ่สุด
- รศ.ดร.ชัยชนะฯ..ดาราประจําหน้าจอทีวี...และโปรดระวังให้ดี ท่านมักจะบอกแนวข้อสอบบ่อยๆๆ แต่มันจะไม่ออกหรอก..ล่าสุดเทอม 1/2553 โดนหลอกๆๆ อีกแล้ว..โดยเฉพาะ PS392 อ้อ..ขานี้รายงานที่ส่ง 25 คะแนน...ให้คัดด้วยลายมือไม่ต่ํากว่า 20 หน้า จุ๊ๆๆๆ ได้ข่าวว่า อ.กิ๊ก กะ อ.สุชาติ ด้วย เห็นว่า อ. ท่านชอบไปสอนแทน 392 บ่อยๆๆ วิชาตัวเองล่ะก็จะโดด
- อาจารย์ ดร.สุชาติ หน. ภาควิชาการปกคองนอกจากจะกัด จิก เก่ง ยังเป็น อ.ที่ชอบแจกการบ้าน แจกรายงานให้ น.ศ.ทําทุกอาทิตย์.. แววๆ ว่า G วิชาละ 2 คน...PS390 PS415 PS417 PS333 อย่าคิดว่าสอบ แล้วส่งรายงาน แล้วจะได้ จี....เพราะ อ.สุชาติ ชีตรวจทุกเม็ด
- ป.โท รัฐศาสตร์ ผู้มีบารมีทั้งหลายจะมาเรียน ทั้งแบบเอาสังคม และมาหาแนวร่วม บางทีจะเห็นเวทีมวยเหลือง-แดง ย่อย ในชั้นเรียน...หรือไม่งั้นก็จะใช้กลไกการสอนของ อ.ผู้สอน เป็นเครื่องมือ ด่าฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ในห้อง.....
- ในคณะ อ. จรัสเรือง สอนมาร์คซิสเข้าใจง่าย ประมาณจิกว่า "กินแมค แดกโค๊ก" เขามาหลอกยังไม่รู้สึก แต่ อ.ดร. สุชาติ สอนได้เห็นภาพ..จะรู้สึกเศร้าๆ ใจ
- อ .พิมล, อ.ดร.สุชาติ สงสัยมีปัญหากับ AIS Dtac นศ.เข้าห้อง แล้วโทรศัพท์ หรือเปียแชร์ มีหวังโดนด่าประจานหน้าจอ
- อ. คณะนี้...หาก นศ.สงสัยจะไปขอดูข้อสอบ...ล่ะก็...อาจมีเจ็บหนักกว่าเก่า...ยิ่งแพลน A ด้วยแล้ว....อย่าหวัง...
- ทําไม..แพลนเอ...อาจารย์ส่วนใหญ่จะจบธรรมศาสตร์ แพลนบีแพลนซี จะเป็นจุฬาฯ บ่อยครั้งที่เราจะเห็น...อีโก้ของอาจารย์ทับกันเอง ขัดกันเอง ด่ากันเองให้เด็กฟัง
- เป็นเรื่องแปลกแต่จริง ข้อสอบคณะรัฐศาสตร์ เกือบทุกวิชา อ. มักบอกแนวข้อสอบ หรือไม่ชีทหน้ารามก็ขายกันเกลื่อน แต่ทําไม๊ ๆๆๆ เด็กถึงตกเอาๆ พีเอา....ฟ้าคงสะใจ
- ป. เอก สาขาวิชาการเมือง เป็นสาขาที่มีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองในเรื่องพิจารณาการรับสมัครมากที่สุด ดั่งเช่น กรณี พล.อ.สนธิฯ ดั่งว่า อ.แพลนเอ ส่วนใหญ่ เอาหลักอีโก้ของตัวเองมาวัดประจํา
- เจ้าหน้าที่ชั้น 5 ตึง POB ป.เอก สาขาวิชาการเมืองก็พูดจาไม่เพราะเลย ถามอะไรก็ไม่อยากจะตอบ..
- เค้าว่า อ.เชิญ ชวินณ์ กับ อ.ชัยชนะไม่ถูกกัน.....ส่วน อ.ชัยชนะ ก็จะไม่ถูกกับ อ.พิมล... ว่าแล้ว อ.เชิญ ไปไหนแล้วนี่
- ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ...ห้องเรียน..พี่ๆน้องๆ อาจารย์เล่นแบบกันเองมาก....น่ารักทุกคนเลย สวยน่ารัก ด้วยเฉพาะ รศ.ดร.กฤษณา ไวสํารวจ
- ผศ.โกศล เป็นปราชญ์ของคณะรัฐศาสตร์...ps190 ps335 ของอาจารย์เป็นข้อสอบวัดความเข้าใจที่ยากแท้หยั่งถึง ติวเตอร์หน้ารามยังตามชีทไม่ทัน..ข้อสอบไม่มีซ้ํา....อ.ท่านก็ทําได้เนอะ
- อ.ดร.บัณฑิต .ท่านเป็นหน้าห้อง อ.เฟรดริกส์ ด้วยนะ..มีปัญหาและแอนตี้ นศ.ป.โท ซะเหลือเกิน...ทําไมนะ ทําไม..ไม่ให้กําลังใจ..เด็กที่ทําวิจัยน่ะ..สภาพจิตย่ําแย่อยู่แล้ว...แต่ท่านขยันสอนนะ...ไม่เคยโดดคลาส ป.ตรี เลย...ท่านชอบบอกว่า ท่านเป็นผู้บริการทางการศึกษา...ลูกชาวบ้าน เด็กต่างจังหวัด.ด้อยค่าสารพัด....เฮ้อ...
- คณะนี้ อ.ผู้สอนมักจะถูกบีบ ถูกกดดัน จาก "รัง สัน ฮั้ว" ในการตัดเกรดให้กับลูกนักการเมือง ท่านผู้หญิง...ไม่งั้นท่านจะถูกย้าย....อย่าง ผอ.ป.เอก นิติศาสตร์ จึงไม่แปลกที่ในบางวิชา โดยเฉพาะแพลน A อ.ที่สอนระเบียบวิธีวิจัย ในระดับ ป.โท-ตรีภาคพิเศษ จะกัดจิกอธิการบดีตามหลังเสมอๆๆๆๆ
- แต่อย่าคิดว่าผู้มีบารมีจะรอด....เนื่องจาก มีนักการเมืองท้องถิ่น เกือบหมดอนาคตทางการเมือง ก็เพราะจะไปฟ้องศาลปกครอง...เรื่องการปรับตกกรณีทุจริตในการสอบคอมพลี...ดีว่า..คณบดีรัฐศาสตร์ ผศ.วุฒิศักดิ์ฯ ท่านเป็นที่พึ่งได้...ขู่ว่า...จะยอมสอบใหม่..หรือจะหมดอนาคตทางการเมือง แฮ่ๆๆๆๆ มีอาจารย์หลายท่าน บ่นว่าไม่อยากสอน..ชอบสอน เด็ก ป.ตรีมากกว่า
- ร้อยละ 80 ของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ไม่รู้ว่ามี 2 สาขา (ปัจจุบันเหลือสาขาเดียวเพราะจะยุบสาขาบริหารงานยุติธรรมในการศึกษาที่ 1/2557 พร้อมกับน้ําตาของนักศึกษาปี 3 ที่เรียนสาขานี้)
- วิชาที่นักศึกษาคณะสิงห์ (รัฐศาสตร์) สอบไม่ผ่านเยอะที่สุดคือ LAW3012/LA312/LW312 ตอนนี้ย้ายมาลงเรียน 318 แทน (แต่ก็ยังสอบไม่ผ่านกันเยอะอยู่เหมือนเดิม)
เรื่องจากคณะบัญชี[แก้ไข ]
- บัญชีราม สมัครเยอะทุกปี แต่จบน้อยทุกปี
- บัญชีราม ขยันเรียนสุด ๆ (และใกล้เคียงกับงงวิชาสุดๆ แต่บางคนก็ไม่งกเลย เช่นพี่เป็นต้น โม้หน่อย ให้เพื่อนยืมlectureประจํา แล้วเราจะผ่านฉลุย เพราะถ้าเพื่อนถามตอบไม่ได้ เสียฟอร์ม)
เรื่องของคณะทัศนมาตรศาสตร์ (คณะหมอตา)[แก้ไข ]
- สาขาวิชาที่เกี่ยวกับสายตาที่เป็นปริญญาตรีแห่งแรกของประเทศไทยเกิดที่มหาวิทยาลัยรามคําแหงในปี พ.ศ. 2545 เดิมชื่อ สาขาวิชาทัศนศาสตร์ แต่ในท้ายที่สุดได้ชื่อของทางราชการว่า สาขาวิชาทัศนมาตรศาสตร์ เป็นสาขาวิชาเดียวที่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะเป็นของสาขาเอง คลินิกฝึกปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย(หลบมุมอยู่ใต้ตึกสุโขทัย) และมีครุยของตัวเองเป็นสีเขียวเข้ม มีหลายคนบอกว่า สาขาวิชานี้คือสาขาวิชาแพทย์ของรามฯ
- ปริญญาทัศนมาตรศาสตรบัณฑิต ของมหาวิทยาลัยรามคําแหง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า DOCTOR OF OPTOMETRY (OD)
- สาขาวิชาทัศนมาตรศาสตร์เป็นสาขาวิชาเดียวของรามที่เรียน 6 ปี เป็นหลักสูตรปริญญาของผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาทัศนมาตรแห่งแรกของประเทศไทยที่ผ่านการรับรองถูกต้องตามกฎและระเบียบของสํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (ทบวงเดิม)
- สาขาวิชาทัศนมาตรศาสตร์ยังเป็นสาขาวิชาแรกของม.รามฯที่ได้ชื่อว่าเป็น คณะหมอตา!!
เรื่องของเด็กวิทย์[แก้ไข ]
- ถ้าถามหาชีทประกอบวิชาต่างๆ ใต้ตึกของคณะวิทย์ ถึงมี เด็กที่ร้านก็จะบอกว่าไม่มี !!
- ค่าเฉลี่ยการจบของเด็กวิทย์คอมราม จะอยู่ที่ 6 ปีขึ้นไป (นานนนน)
- เรียน biotech รามฯ จะได้เรียนกับอาจารย์พิเศษจากมหาลัยต่างๆ และนักวิจัยจาก สวทช. (ไปเรียนที่มหาลัยอื่นๆ ไม่มีโอกาสขนาดนี้นะครับ)
- เรียน biotech รามฯ ได้จับ ได้ใช้เครื่องมือจริงๆ ไม่ใช่แค่ได้ดู เพราะนโยบายอาจารย์ที่นี่ คือ ให้นักเรียนใช้จนพัง ดีกว่าวางเฉยๆ จนมันพัง
- คณะวิทย์ ค่า Lab หน่วยกิตละ 100 (ถูกมากๆๆ) แต่ขาดทุนโดยเฉพาะ Lab ของวิชาพื้นฐาน (6 เล่ม คือ ชีวะ 2 เคมี 2 ฟิสิกส์ 2) มันเล่มละ 1 หน่วยกิต เท่านั้น ทั้งๆที่ลงทุนลงแรงมากกว่าวิชา 3 หน่วยกิต
- เสื้อช็อป คณะวิทย์ฯ คอมราม ถูกลอกเลียนแบบ โดยคณะถ่ายรูป (555) ไม่เชื่อลองไปดู (มันไม่ดูหรือไงว่าสีมันซ้ําน่ะ)
สาขาชีววิทยา[แก้ไข ]
- เจองู ไม่ต้องเรียกยาม เดี๋ยวเด็กชีวะ ก็มาจับไปสต๊าฟส่งอาจารย์เอง (สมัย อ.ซาหวงอยู่)
เรื่องของคณะศึกษาศาสตร์[แก้ไข ]
- ศึกษาศาสตร์ราม เรียนเหมือน ม. ปิด เช็คชื่อเข้าห้องเรียน ทํารายงาน มีการพรีเซนต์หน้าห้อง หลักสูตร 5 ปี ข้อสอบร้อยละ 80 เป็นข้อเขียน หาแนวข้อสอบยากมาก ไม่มีชีทขายตามท้องตลาด แถมก่อนจบ ต้องมีการวัดใจด้วยการฝึกสอนตั้งหนึ่งปี ทรมานมาก แต่ก็ภูมิใจได้ใส่เครื่องแบบนักศึกษาเต็มยศโดยเฉพาะ นศ.ชายในรามแทบหาคนใส่ไม่มีเลย ที่เห็นใส่ก็ไม่เรียบร้อยเพราะไม่ใช่ นศ.ฝึกสอน
สาขาจิตวิทยา[แก้ไข ]
- คณะศึกษาศาสตร์ เอกจิตวิทยา ใครที่คิดว่าตัวเองไม่ไหวตั้งแต่ปีหนึ่ง จงรีบออกซะ ไม่งั้นจะถอนตัวยากมาก หลายคนกว่าจะถอนตัวได้ก็เรียนไป 3+ ปีแล้ว มานึกเสียดายเวลากับหน่วยกิตกันเยอะแล้ว
- จิตวิทยาสังคม คนเรียนโคตรน้อยเลย แสดดด หลัง ๆ เอกนี้มีคนเรียนแค่ประมาณ 3 คนเท่านั้น ใครเรียนจิตสังคมจนจบได้ก็ถือว่าเจ๋ง เพราะวิชาสายนี้โหดไม่แพ้จิตวิทยาคลีนิก แถมงานสายนี้หางานยาก (จริง ๆ มันก็หายากอยู่แล้ว ไอ้จิตวิทยาเนี่ย) เห็นอาจารย์บอกว่าจะยุบแล้ว
- ล่าสุด คาดว่าสาขาจิตวิทยาสังคมน่าจะถูกยุบแล้ว เพราะหาข้อมูลในเน็ตไม่พบ แต่สาขาจิตวิทยาคลีนิกน่าจะยังอยู่
สาขาคหกรรม[แก้ไข ]
- อาจารย์ที่สอนศูนย์อาชีพของกทมทั้ง 10 แห่ง มากกว่าครึ่งเป็นศิษย์เก่าของคหกรรมราม ไปถามได้เลย
- รามคําแหงขึ้นชื่อเรื่องการแกะสลักผัก - ผลไม้มากมาย (ไปฝึกงานตามโรงแรมได้สบายมาก) แต่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้
- อย่าไปมีเรื่องกับเด็กคหกรรมนะ เพราะส่วนใหญ่จะพกมีดติดตัว (เอาเก็บไว้ที่ห้อง lab มันหายหมด)
เรื่องของคณะสื่อสารมวลชน (คณะนิเทศศาสตร์)[แก้ไข ]
- ที่นี้จะไม่มีคณะนิเทศศาสตร์ แต่มีคณะสื่อสารมวลชน (ชื่อเดิม: คณะเทคโนโลยีและการสื่อสารมวลชน) สรุป เรียนเหมือนกัน
- คณะเดียวในรามคําแหงที่ไม่มีครุยวิทยาฐานะเป็นของตัวเอง คือ คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน เนื่องจากผู้บริหารมหาวิทยาลัย ยังไม่อนุมัติให้ เพราะความผิดพลาดของผู้บริหาร ในการจัดการหลักสูตร...ซวยเด็กตลอด
- คณะที่ไม่มีตึกเป็นของตัวเอง คือคณะเทคโนโลยีการสื่อสารมวลชน หรือนิเทศศาสตร์ จะฝากเรียนและเรียนรวมกับคณะมนุษยศาสตร์
- คณะที่มีนักศึกษาแต่งตัวแนวแฟชั่นคือ สื่อสารมวลชน
- ใครเรียนสื่อสารต้องจ่ายเพิ่มค่าอุปกรณ์ 300 บาท (อุปกรณ์ไรยังไม่รู้เลย)
เรื่องของคณะมนุษยศาสตร์[แก้ไข ]
- คณะมนุษย์ เอกภาษาอังกฤษ หรือเด็กเอกอิ้งค์ สามวิชามหาเทพ (แห่งความยาก) คือ EN 206, EN 305 และ EN 405 (รหัสใหม่คือ ENG 2402, ENG 3401 และ ENG 4401 ตามลําดับ) มีเทอมนึง คนลงเรียน 2000 กว่า ผ่าน 140 และไม่มีใครได้ G เลย เทพ!!!
- ขอบอก 'จารย์คุม LAB คณะมนุษยศาตร์ดุโคตร
เรื่องของคณะวิศวะ[แก้ไข ]
- คณะวิศวะของรามฯสอบเข้านะครับ ยากด้วยขอบอก
- คณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นคณะที่มีผู้ชายหล่อ และ เป็นคณะที่หน่วยกิตแพงที่สุด
- คณะวิศวฯ ไม่ได้หน่วยกิตแพงหรอก แต่พวกเค้าเรียนแบบบุฟเฟ่ (เหมาจ่าย) เทอมละสองหมื่นลงได้ไม่เกินเทอมละ 22 หน่วยกิต ลงวิชาเดียวก็สองหมื่น ต่างจากรามฯ ปกติซึ่งเขาเรียนกันหน่วยกิตละ 25 บาท
เรื่องของคณะเศรษฐศาสตร์[แก้ไข ]
- คณะเศรษฐศาสตร์เป็นคณะที่ถูกลืม ตั้งอยู่ด้านหลังสุดของราม นักศึกษาน้อยมาก มีรับปริญญาครั้งนึงก็รับท้ายสุด
เรื่องของคณะศิลปกรรม[แก้ไข ]
- เป็นคณะจัดตั้งใหม่ พึ่งตั้งเมื่อปี 2550