ไร้วิทยาลัย:มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

จากไร้วิทยาลัย — ส่วนหนึ่งของโครงการไร้สาระนุกรมเสรี แหล่งรวบรวมเรื่องราวตลกขบขันและบิดเบือนข้อเท็จจริง
ไปยังการนําทาง ไปยังการค้นหา

ยินดีต้อนรับสู่ไร้วิทยาลัยภาษาไทย
แหล่งรวมเรื่องขําขันไร้สาระเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาที่ทุกคนร่วมเขียนได้
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 เวลา 05:17 น. ตามเวลาสากลเชิงพิกัด (ช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง)
เว็บย่อ: http://th.uncyclopedia.info/wiki/Un-niversity

บทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ ไร้วิทยาลัย , แหล่งรวบรวมเรื่องน่ารู้ เรื่องลึกลับ เรื่องไร้สาระ ของสถานศึกษาในประเทศเทย!

เรื่องน่ารู้ประจํามหาวิทยาลัย[แก้ไข ]

ความรู้ทั่วไป[แก้ไข ]

  • มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เปิดทําการเรียนการสอนครั้งแรกในปีการศึกษา 2531 ภายใต้ชื่อ " วิทยาลัยอุบลราชธานี " สังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่นต่อมาในปี 2533 ได้มีมติยกฐานะวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็น "มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี"
  • เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐลําดับที่ 19 สังกัดทบวงมหาวิทยาลัย เป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งที่ 2 ของภาคอิสาน ต่อจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • ตั้งอยู่ ณ บริเวณกิโลเมตรที่ 10 ถนนวารินเดชอุดม ตําบลเมืองศรีไค อําเภอวารินชําราบ จังหวัดอุบลราชธานี บนเนื้อที่รวมทั้งสิ้น ประมาณ 5,228 ไร่ เฉพาะเขตการศึกษามีพื้นที่ประมาณ 450 ไร่ ที่เหลือเป็นป่าล้วนๆ 555
  • มีต้นกันเกราเป็นต้นไม้ประจํามหาวิทยาลัย ภาษาอิสานเรียก "ต้นดอกมันปลา" พบได้ทั่วพื้นที่ม. (แต่ต้นสัตบรรณหรือต้นตีนเป็ดกลับมีเยอะกว่า เอ๊ะยังไง!!)
  • มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีมีอีกหนึ่งวิทยาเขตคือวิทยาเขต มุกดาหาร (ปัจจุบันยกเลิก มีแต่ตึก)
  • คณะเกษตรศาสตร์ครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัย (แปลงทดลองการเกษตรเป็นเขตต้องห้ามของคณะอื่นจ้า!!)
  • มหาวิทยาลัยไม่มีคณะครุศาสตร์ แต่มีโรงเรียนสาธิต อยู่ติดมหาวิทยาลัย ชื่อ สาธิตมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีบ้านศรีไค
  • ในการเปิดทําการเรียนการสอนครั้งแรก ปีการศึกษา 2531 มีเพียง 2 สาขา คือ สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ และสาขาวิศวกรรมศาสตร์ มีนักศึกษารุ่นแรกจํานวน 67 คน

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย[แก้ไข ]

  • ม.อุบลมีนักศึกษาทั้งหมด 29 รุ่น (พ.ศ. 2559) แต่ ม.อุบล มีอายุ 26 ปี (รุ่น1-3 ฝากเรียนที่ มข.)
  • คณะเกษตรกับคณะวิศวะเก่าแก่ที่สุดในมหาวิทยาลัยตั้งมาพร้อมการสร้างม.อุบล
  • สมัยก่อนคนทั่วไปมักสับสนชื่อ ระหว่าง"มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี"กับ"มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี" มักจะมาติดต่อราชการผิดที่เสมอทั้งๆที่สถานศึกษาทั้งสองแห่งตั้งห่างไกลกันเกือบ30 กิโลเมตร
  • ตึกเรียนแรกที่สร้างคือ ตึก EN 1 ใช้เป็นที่เรียนที่เล่นและที่นอนเสร็จสรรพ สําหรับนศ.รุ่นแรกของมหาวิทยาลัยเพราะยังไม่มีการสร้างตึกอื่นๆ รวมทั้งหอพัก
  • ห้องเรียนสโลปชั้นบน ตึก CLB 1 เคยใช้เป็นสถานที่จัดพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตรุ่นแรกๆ ด้วยเพราะบัณฑิตจบมีจํานวนยังไม่มากเหมือนในปัจจุบัน
  • คณะที่มีผู้ชายน้อย เช่น คณะศิลปศาสตร์ บริหารศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ (ไม่รวมพวกเพศทางเลือก)...นศ.ชายที่มีจึงถูกเรียกว่า "สมบัติคณะ"
  • คณะที่มีผู้หญิงน้อยเช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ รัฐศาสตร์ (ไม่รวมพวกเพศทางเลือก)...นศ.หญิงที่มีจึงถูกเรียกว่า "สมบัติคณะ"เช่นกัน
  • สถาปัตยกรรมตึกต่างๆ ในมหาวิทยาลัย มีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์(!!) คณะวิทย์ เหมือน กล่องข้าว แก้วน้ํา และแซนวิชตึกแต่ละตึกที่นี้สวยและทันสมัยมาก(ตึกที่สร้างใหม่นะ) เช่น อาคารเรียนรวม 5 ตึกวิจัยคณะวิทย์ และ อีก 2-3 ตึก ไม่เชื่อลองไปดู
  • ตึกพันปี ซึ่งเป็นตึกที่ใช้เวลาสร้างนานที่สุด เป็นตึกของคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งเด็กวิทย์จะเรียกว่า ตึกวิจัย
  • มีตึกชื่อประหลาดๆ เช่น ตึกอุลตร้าแมน(ตึกกิจกรรม), ตึกขนมเค้ก (ตึกโรงละครคณะศิลปศาสตร์) , ตึกลีไว (ตึกวิทยบริการหลังเก่า)ที่เรียกเพราะอาคารทาสีน้ําเงินแต่แอบทาขอบสีแดงรอบ เป็นต้น
  • มีตึกที่ดูเหมือนสร้างไม่เสร็จตลอดเวลาคือ ตึกว.แพทย์ที่ดูไปคล้ายวัดจีนมาตั้งอยู่ในม. (แต่ดูดีๆมันเป็นสไตล์)
  • อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ(อาคารรับปริญญาหลังใหม่) มีตัวย่อว่า ABC
  • เมื่อหลายสิบปีก่อนคนอุบลถ้าจะใช้อินเตอร์เน็ต ต้องต่อจากม.อุบล เพราะรับสัญญาณดาวเทียมที่นี่
  • ตึก EN6ได้ชื่อว่าเป็นตึกที่สูงที่สุด และใหญ่ที่สุดในมหาลัย สมกับเป็นตึกของวิศวะ แต่กลับมีรอยร้าวเล็กๆ หลายๆรอยและที่ใต้ตึกนี้ลมจะแรงมาก โดยเฉพาะหน้าหนาว แม้ที่อื่นจะไม่มีลม ทําให้ผู้หญิงวิศวะไม่กล้าใส่กระโปรงจีบ แต่จะเป็นทรงเอแทน (ชอบ)
  • คณะวิศวะกับคณะบริหาร แย่งตึกเรียน CLB1 กันเสมอ เนื่องจากต่างคนต่างอ้างสิทธิ์ในการครอบครองและสุดท้ายก้ใช้ร่วมกัน(อิจฉาโว๊ย!!)
  • ว่ากันว่า เด็กวิศวะเครื่องกล หน้าตาดีที่สุดในคณะวิศวะ เลยเป็นที่มาของสโลแกน "เครื่องกล คนหล่อ หน้าหม้อ คอแข็ง แรงควาย สไตล์เซอร์ เปอร์ง่าย ไทร์ยาก"
  • ว่ากันว่า เด็กเกษตรศาสตร์ ยังคงรักษาประเพณีพิธีการตลอดจนความเชื่อในคณะจากรุ่นสู่รุ่นเอาไว้ได้อย่างเคร่งครัดไม่เคยเปลี่ยนแปลง เช่น การรับน้อง หรือแม้แต่ท่าลีดประกอบการร้องเพลงเชียร์ ซึ่งไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ตลอด 20 กว่าปี!!
  • ว่ากันว่า ลีดคณะวิทยาศาสตร์เป็นลีดที่ตัวอ่อนที่สุดในประเทศไทย จากการแสดงท่า"แอ่นนรก" อันลือเลื่อง....(ถามหน่อยสิเมื่อยไหม)
  • ว่ากันว่า สาวบริหารสวยแต่หยิ่งที่สุดในบรรดาสาวๆทุกคณะ ตามสโลแกน "สวยเริ่ด เชิดหยิ่ง เงียบนิ่ง บริหาร"
  • ว่ากันว่า สาวๆศิลปศาสตร์มีความน่ารัก มนุษยสัมพันธ์ดี ตามสโลแกน "ศิลปศาสตร์ไม่เคยกลัวใคร พวกเรามั่นใจว่าเรานั้นสวยๆ" ถึงแม้สาวสินสาดอาจจะไม่สวยมาก แต่ก็เป็นคู่แข่งตัวฉกาจของสาวๆคณะบริหาร ในการแย่งชิงหนุ่มๆ คณะอื่นอยู่เสมอ (สงครามนางงาม)
  • ว่ากันว่า เด็กเภสัช ส่วนใหญ่มีแฟนเป็นคนในคณะตัวเอง ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง อาจจะเพราะไม่ค่อยได้ออกไปเรียนที่คณะอื่นเลยก็เป็นได้
  • ว่ากันว่า เด็กศิลปประยุกต์มีแนวคิด และจินตนาการสูง สูงเสียจนบางครั้งก็สื่อสารกันเพื่อนคณะอื่นๆ ไม่ค่อยเข้าใจ (ติสแตก)
  • ว่ากันว่า สมัยก่อนคณะนิติศาสตร์และคณะรัฐศาสตร์เคยเป็นคณะเดียวกันในช่วงแรกมาก่อนที่จะแยกออกเป็นเอกเทศ จึงมีการเรียกสัญลักษณ์รวมกันว่า "สิงห์คันชั่ง"
  • ว่ากันว่า เราสามารถแยกนศ.แพทย์ และนศ.การสารธสุข ออกจากนศ.อื่นได้ในทันทีที่มอง เพราดูยังๆไงๆก็ไม่เหมือน นศ.ทั่วไป (เขาว่างั้นนะ)
  • ที่นี่มีสวนสาธารณะและหนองน้ําขนาดใหญ่ ที่นักศึกษาเรียกว่า หนองอีเจม (ไม่รู้ว่ามีที่มาจากอะไร อีเจมนี่มันเป็นใคร???)
  • ที่ท้ายหนองอีเจมทางไปประตูสามจะมีสะพานข้ามหนองชื่อ"สะพานปาก้า" หรือ "สะพานเกียร์"(สมัยก่อนคณะวิศวะจะรับน้องภาคสนามกันที่นี้โดยจะให้ลงไปอาบน้ําเล่นด้วยปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว)เมื่อรุ่นพี่วิศวะแจกเกียร์ให้แล้วไอ้พวกปี 1 ก็เอาเกียร์ไปให้แฟนสาว ที่นี่จึงมีเกียร์มากมายที่ถูกนศ.สาวๆ ขว้างทิ้งหล่นจมหายลงใต้สะพาน เพราะหนุ่มวิศวะมักจะพาสาวๆ มาบอกรัก และถูกสาวบอกเลิกที่สะพานนี้เช่นกัน
  • ที่ ม.อบ. มี KFC ด้วย คือ Kaset Food Center เกษตรฟู้ดเซ็นเตอร์.... (ไม่เคยง้อไก่ทอดลุงผู้พันเลยจ้า)555
  • คนมักสับสนระหว่างคณะ"ศิลปศาสตร์"และคณะ"ศิลปประยุกต์" เสมอทั้งๆที่สองคณะสอนคนละอย่าง
  • ตึกคณะศิลปประยุกต์หายากที่สุด เพราะป่าบังตึกซะมิดเลย กลางคืนยังมืดอีกต่างหากเพราะไม่ค่อยมีไฟ
  • ที่ทางเดินริมฟุตบาทตั้งแต่หน้าม.ยาวไปเกือบรอบมหาวิทยาลัยจะมีโครงหลังคาทางเดินกันแดดกันฝนยาวไปตลอดแนว แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีนักศึกษาไปเดินเลยด้วยซ้ํา(ไม่รู้สร้างไว้ทําไม)

ธรรมเนียมประเพณี[แก้ไข ]

  • วันแรกๆของการเปิดเทอม ที่โรงอาหารกลางในช่วงเช้าพวกรุ่นพี่ปี2 มักจะไปดักคอยแกล้งจัดระเบียบเครื่องแต่งกายพวกนศ.ปี1หน้าใหม่ หลอกให้ไหว้นั่นไหว้นี่ ทํานั่นทํานี่แล้วหัวเราะ เพราะในปีที่ผ่านมาพวกเขาก็เคยโดนรุ่นพี่แกล้งเมื่อตอนอยู่ปี1 เช่นกัน (หาเหยื่อรายใหม่)
  • ใครที่เคยพักหอในมหาวิทยาลัย จะต้องเคยประสบปัญหาถูกแมลงชนิดหนึ่งคายสารพิษใส่ตามร่างกายจนอักเสบแพ้เป็นรอยแผล แมลงชนิดนี้จึงถูกขนานนามว่า "แมลงเฟรชชี่" เพราะส่วนใหญ่นศ.ปี1จะโดนกันเยอะสุด จริงๆแล้วมันคือ ด้วงน้ํามัน,ด้วงโสน หรือแมงไฟไฟเดือนห้า (OIL BEETLES,BLISTER BEETLES) นั่นเอง
  • ในสมัยก่อนมหาวิทยาลัยจะมีหอใน อยู่เพียงแค่ 4 หอ เป็นหอหญิง 2 หอ (หอละ4ชั้น)หันหน้าเข้าหากัน ขนาบด้านหลังด้วยหอชายขนาดเล็ก (2ชั้น) และหอชายขนาดใหญ่(4ชั้น) ตรงกลางจะมีเกาะวงเวียนกลางถนน เป็นลานกว้างไว้จัดกิจกรรม นศ.จึงเรียกกันเล่นๆว่า หอชายใหญ่ หอชายเล็ก หอหญิงกลาง1 และหอหญิงกลาง2 (อารมณ์บ้านทรายทองเป็นของพจมาน)สําหรับนศ.ปี1 เข้าพักตลอดปีการศึกษาแรก....เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล และง่ายต่อรุ่นพี่(ว๊าก)ในการจัดกิจกรรมต่างๆ (โดยเฉพาะการรับน้อง)
  • ศาลท่านท้าวมหาพรหมถือเป็นสิ่งสักดิ์สิทธิ์ประจําม.อุบล ในช่วงเปิดเทอมจะมีการจัดแถวนํานศ.ปี1 ไปไหว้สัการะบวงสรวงเพื่อเป็นสิริมงคลเป็นประจําทุกปี
  • นักศึกษา ม.อุบล ไม่นิยมใช้จักรยาน ไม่ค่อยมีใครที่เดินมาเรียน ส่วนใหญ่จะใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์กันหมดเพราะระยะทางแต่ละตึกค่อนข้างห่างไกลกันมาก
  • ม.อุบล มีประตูม.อยู่ 4 ประตู ด้านหน้าติดกับถนนใหญ่คือประตู1และ 2 (เฉพาะปะตู3ด้านข้างเม่ิอก่อนปิดตอน 3 ทุ่มแต่ตอนนี้เปิดตลอด 24 ชม.)ส่วนประตู4 (หลังมหาวิทยาลัย)ต้องผ่านฟาร์มคณะเกษตรศาสตร์) อยู่ลึกและไกลยังไม่เปิดใช้บริการแต่สามารถผ่านเข้าออกได้
  • มีการจัดกิจกรรมเดินทางไกลสําหรับนศ.ปี1 จากมหาวิทยาลัยเพื่อไปไหว้พระเวียนเทียน ฟังการบรรยายธรรมะที่วัดหนองป่าพง (ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร)ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมรับน้องที่นักศึกษาทุกชั้นปีมีส่วนร่วมเป็นประจําทุกปี
  • แต่ละคณะนิยมทําเสื้อคณะ เป็นเสื้อแจ๊กเกตคลุมหนาแขนยาว(บางคณะมีหมวกด้วย) อีกทั้งเสื้อรุ่น เสื้อชั้นปี เสื้อภาคหรือแม้แต่เสื้อกันฝน ใส่กันอย่างเอิกเกริก เพราะสภาพดินฟ้าอากาศที่แสนกันดาร(ไหม!!X)และส่วนใหญ่ใช้จักยานยนต์เป็นพาหนะ(รถเปิดประทุน)
  • เคยมีรถสองแถววิ่งวน(เรียกว่ารถแดง) รับส่งนศ.ภายในรั้วมหาวิทยาลัยระหว่างหอในไปส่งยังจุดต่างๆ แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสําเร็จ เพราะคนไม่นิยมใช้บริการ
  • นศ.ม.อุบลจะให้ความร่วมมือจัดกิจกรรมกับทางจังหวัดอุบลราชธานี ในประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาในขบวนแห่เทียนหลวงพระราชทานเสมอ(นัยว่ามีคนหน้าตาดีเยอะ^^)
  • งานลอยกระทงเดือน12 เป็นกิจกรรมที่นศ.แต่ละคณะออกร้านจําหน่ายสินค้า มีกิจกรรมการละเล่น จับฉลากสอยดาว หารายได้ และเป็นงานเปิดสําหรับประชาชนทั่วไป มีการประกวดนางนพมาศ(ทั้งสาวแท้และสาวเทียม) มีการขายคูปองกระทงลอยให้ซื้อก่อนล่วงหน้าวันจริงจึงมารับของ เลยมีกลยุทธ์ในการแข่งขัน เช่น ซื้อกระทงลอยแถมฟรีคู่ลอยหนุ่มวิศวะ หรือสาวศิลปศาสตร์เดินไปลอยเป็นเพื่อน เป็นต้น
  • งานลอยกระทงเมื่อก่อนจัดตรงสระน้ําใกล้ตึกILC ปัจจุบันจะจัดบริเวณรอบ ๆ หนองอีเจม (ซึ่งน้ําในหนองอีเจมนั้นเองที่ทางมหาลัยสูบมาใช้ทั้วมหาลัย ชั่งกล้าใช้นะ)
  • งาน TEE DED ของคณะบริหาร เป็นงานที่ดูดเงินของนักศึกษาชายในมหาลัย เพราะคณะบริหารส่วนมากมีแต่ผู้หญิง
  • ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อทรงเสด็จพระราชดําเนินกลับ บัณฑิตที่ได้รับพระราชทานปริญญาแล้วจะต้องรีบออกมาตั้งแถวเรียงไปตามถนนเพื่อส่งเสด็จถือเป็นธรรมเนียมการส่งเสด็จเป็นประจําทุกปี

ประเพณีการรับน้อง[แก้ไข ]

การรับน้องในอดีต

  • ม.อุบลแบ่งการรับน้องเป็นสองช่วงใหญ่ๆ คือ รับน้องรวมทั้งมหาวิทยาลัย(เชียร์กลาง) และรับน้องเป้นรายคณะ(เชียร์คณะ)จะเริ่มจัดขึ้นภายหลังจากเปิดเทอม และมีกําหนดเสร็จก่อนสอบกลางภาค
  • ทุกปีรุ่นพี่ปี2-ปี4 จะจัดประชุมแบ่งงานเตรียมการรับน้องเชียร์กลางในช่วงก่อนเปิดเทอมภาคเรียนแรก โดยแบ่งเป็นฝ่ายต่างๆดังนี้

-พี่สันทนาการ(ที่น่ารัก) ส่วนใหญ่เป็นพี่ปี 2 เป็นหลัก หน้าที่ สันทนาการทุกรูปแบบร้อง เล่น เต้น บ้า ร่าเริงเกินลิมิต ปรากฎตัวในทุกที่ เช่นสถานีรถไฟ ท่ารถบขส.มีอุปกรณ์ติดตัว รัวกลองรัวฉาบ ร้องเพลงรอขนกระเป๋าให้น้องๆปี1 และรับน้องปี1เดินทางเข้าม. ร้องเพลง สร้างความบันเทิง(เท่าที่ทําได้) ในการเข้าห้องเชียร์พวกนี้โลกสวย เฮฮา หน้าด้าน จินตนาการสูง...บางทีถึงขั้นโดนนายสถานี ตํารวจรถไฟ เป่านกหวีดไล่ด่า...555 หรือถูกตํารวจจับในข้อหาทําลายความสงบในพื้นที่สาธารณะตอนไปรับน้องนอกสถานที่ก็มีมาแล้ว

-พี่พยาบาล(ผู้ใจดีมีเมตตา) ปี2-ปี4 (ส่วนใหญ่มาจากคณะเภสัช แพทย์ และสาธารณสุข) หน้าที่ ดูแลสวัสดิภาพทุกคนที่ร่วมในกิจกรรมเชียร์ พวกนี้ปิดทองหลังพระ ต้องดูแลพวกน้องใหม่ที่เป็นผลมาจากการกระทํา(อันน่าตกใจ)ของพี่วินัยและพี่ว๊าก .....แต่น้องๆปี1จะรักมากเป็นพิเศษ บางทีก็ตกเป็นเครื่องมือ คือถูกพี่ว๊ากลากมาเชือดต่อหน้าเพื่อทําร้ายจิตใจน้อง(พี่ว๊ากซาดิส์มากกก) เป็นพวกที่ถูกหมอ พยาบาลด่าทุกทีที่มีการนํา น้องปี1 ที่ได้รับบาดเจ้บจากการเชียร์ ไปส่งสถานพยาบาล(จําเลยสังคม!!!)

-พี่สวัสดิการ ปี2-ปี4 ทําหน้าที่ GB (General Bay) เจนเนอรอลเบ๊!!.... กรรมกรแบกหามวัสดุ อุปกรณ์ น้ําดื่ม ขนม อาหารการกิน ตลอดจนจัดเตรียม สถานที่จัดกิจกรรม ทุกสิ่งอันตลอดการเชียร์ ....มักตกเป็นเป้าในการโจมตีของพี่ว๊ากอีกเช่นกันเพื่อเรียกคะแนนให้ดูน่าสงสารจากน้องปี1 สวัสดิการ!!! พวกคุณ มัวทําอะไรทําไมช้า รู้ไหม น้องผมหิว! คุณทําให้น้องผมรอ สวัสดิการ!!สวัสดิการ! สวัสดิการ!...เรียกมันอยู่นั่นหล่ะ ตลอดการเชียร์แต่ก็มีข้อดีคืออิ่มจากเศษขนม ที่น้องกินเหลืออยู่เสมอ555

-พี่วินัย(ผู้ระเบียบจัด) คือ ปี 3 ทุกคณะ หน้าที่ ตรวจความเรียบร้อยตาม"ระเบียบเชียร์" (เสื้อผ้าหน้าผมรองเท้าป้ายชื่อสมุดเชียร์) จัดแถวนับจํานวน รับ-ส่งน้องปี1 จากหอในไปเข้าห้องเชียร์ทีโรงยิม(อาคารกีฬาอเนกประสงค์) ....มีความซีเรียสสูง ชอบสั่งให้ออกกําลังกายในระหว่างการเดินทาง (ที่ม.อุบลแห่งนี้ ไม่ว่าพี่จะสั่งน้องทําอะไรลงโทษน้องอย่างไรรุ่นพี่เองก็ต้องปฎิบัติเองด้วย สั่งเองทําเองร่วมกันกับน้อง) น้องใหม่!! มองหน้าทําไมก้มหน้าลงไป (ประโยคหากินเขา) กอดคอ ...สก๊อตจั๊ม 10เท่ารุ่น(จํานวนเลขรุ่นของคุณคูณ10) สิบเท่ารุ่น..ปฏิบัติ! สั่งเองตัวเองก็เหนื่อยเองไม่รู้จะสั่งทําไม!!

-พี่เทคนิคเชียร์(ผู้สุขุม อ่อนโยน) คือปี2-ปี4 ทุกคณะ หน้าที่ สอนน้องร้องเพลงทุกเพลงที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย และทดสอบการร้องเพลง การคุมโทน ระดับเสียง พวกนี้เป็นพวกผู้ดี พูดเพราะ เสียงดี แต่ก็มีแอบกัดจิกน้องใหม่ตลอดการเชียร์...น้องคะ..ควายน้องหายหรือคะ.ร้องเพลงเร็วแบบนี้ไม่ทราบจะรีบไปตามควายที่ไหน!!!

-พี่ลีดมหาวิทยาลัย(ผู้เต้นมือเป็นระวิงคล้ายตํารวจจราจรบนเวที) คือ ปี2-ปี4 ที่เคยผ่านการเป็นลีดคณะและลีดกีฬา UNITYของมหาวิทยาลัยทุกคณะ หน้าที่ แสดงท่าลีดเพื่อทดสอบบทเพลงในการสอบร้องเพลงเชียร์ของมหาวิทยาลัยทุกเพลง พวกนี้มีโอกาสทําท่าลีดผิดผลาดได้สูง แต่ทุกครั้งที่ตน เผลอทําท่าทางผิด หรือ แสดงไม่พร้อมเพื่อนก็มักจะโทษว่าเป็นเพราะการร้องเพลงของน้องปี 1 เสมอ!! มักจะใจร้ายไม่ค่อยยอมให้น้องปี1 ร้องเพลงผ่านไป ได้โดยง่าย (ทั้งๆที่ตัวเองก็เหนื่อยแสนเหนื่อยในการที่ต้องเคลื่อนไหวท่าลีดซ้ําๆ วนไปวนมาจนเบลอและหลง อยู่บนเวทีจนกว่าจะมีคําสั่ง(จากพี่ว๊าก)ให้บอกน้องว่าผ่านได้

-พี่ว๊าก (ชายชุดดําในตํานาน) คือ ปี 4 คณะเกษตร และวิศวะเท่านั้น!!! หน้าที่ คือ ไม่หล่อก็ต้องขอให้เท่ มักปรากฎตัวเป็นกลุ่มในชุดสีดํา ในยามที่น้องปี1 กําลังรื่นรมย์ไปกับเพลงของสันทนาการ และอาหารของสวัสดิการ พวกนี้ไม่ทราบไปอารมณ์เสียมาจากไหนชอบใช้เสียงสูงในการพูดคุยกับน้องใหม่ มีความปรารถนาในผลสัมฤทธิิ์ และพัฒนาการในทุกด้านๆ เช่น การแต่งกาย การมีสัมมาคารวะ การร้องเพลง จากน้องปี1สูง....มักคิดเองเออเองว่าน้องปีหนึ่ง เป็นบุคคลที่มีความสามารถในการตอบคําถามของพวกเขาได้ทุกข้อ (ปี1ก็คนนะฮับไม่ใช่เทวดาจะได้เก่งทุกด้าน รู้ทุกเรื่องที่พี่ถาม)...คนพวกนี้นึกจะมาก็มา จะไปก็ไป ไม่มีการบอกกล่าว ประมาณว่า หล่อ เท่ โหด ดิบ เถื่อน รวมอยู่ในตัวคนพวกนี้ (คนหรืออะไร)!!! น้องใหม่มองผมทําไม ผมไม่หล่อ ..ไม่สงสารผมหรือ ที่พวกผมแต่งชุดดํามาวันนี้เพราะเพื่อนผมเพิ่งเสีย ...เสีย(พนันบอล)เมื่อคืน จ้า...จะเอาฮาไปไหน ในห้องเชียร์ใครจะไปกล้าหัวเราะออก(วะ!)

  • การรับน้องที่นี่ แม้จะเป็นกิจกรรมของนศ. จัดโดยนศ. แต่ทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การดูแลควบคุมดูแลและให้คําปรึกษาโดยคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย มีการประชุมซักซ้อมทําความเข้าใจและประเมินผลกิจกรรม ในทุกวันที่มีการจัดกิจกรรม โดยไม่มีการใช้ถ้อยคําหยาบคายอย่างเด็ดขาด ไม่มีการสั่งลงโทษที่เป็นอันตรายและเกินกว่าเหตุ ไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวกันระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้อง
  • การรับน้องคณะ (เชียร์คณะ)นั้น จะมีขึ้นภายหลังจากเสร็จสิ้นเชียร์กลางแล้ว ส่วนระยะเวลา สถานที่ และรายละเอียดวิธีการต่างๆ แต่ละคณะจะแยกกันจัดเป็นการภายใน

การรับน้องในปัจจุบัน

  • มหาวิทยาลัยอุบลราชธานียกเลิกประเพณีการรับน้องแบบเดิม'ที่เคยทํามาและปรับเปลี่ยนกิจกรรมเพื่อต้อนรับนักศึกษาใหม่ โดยในแต่ละปีจะมีกิจกรรมที่มีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันไป แต่เน้นเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ความสามัคคี และการมีส่วนร่วมแบบสมัครใจ ไม่บังคับ และไม่มีความรุนแรงทั้งในส่วนเชียร์กลางและเชียร์คณะ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย และนโยบายภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการรับน้อง และยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
  • มหาวิทยาลัยมีการจัดงานพิธีบายศรีสู่ขวัญเกศแก้วนิโรบล เอิ้นขวัญน้องใหม่ เพื่อต้อนรับนักศึกษาใหม่เป็นประจําทุกปีการศึกษาเพื่อต้อนรับนักศึกษาสู่บ้านหลังใหม่โดยมี คณะผู้บริหาร คณาจารย์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนชุมชน และนักศึกษาใหม่ เข้าร่วม ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยได้ถือปฏิบัติต่อเนื่องมาเป็นประจําทุกปี เพื่อสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดี และเป็นการรับขวัญน้องใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเริ่มต้นการศึกษาในมหาวิทยาลัย
  • ปี 2559 สโมสรนักศึกษา คณะเกษตรศาสตร์ ไอเดียผุดรับน้องแนวใหม่ แบบสร้างสรรค์เชิงเกษตร "มือเรียวรอเกี่ยวรวง" รากฐานของมนุษย์และสิ่งมีชีวิต คือเกษตรกรรมและธรรมชาติ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2559 วันแม่แห่งชาติ เป็นหนึ่งในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯแม่หลวงแผ่นดิน โดยรุ่นพี่ชวนรุ่นน้องดํานา หรือ "ดําวันแม่เกี่ยววันพ่อ" สืบสานอนุรักษ์ประเพณีลงแขกดํานา เรียนรู้วิถีชีวิตเชิดชูอาชีพเกษตรกร ยกเป็นหนึ่งครัวของโลก โดยมีนักศึกษา เข้าร่วมกว่า 600 คน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และประทับใจ ณ แปลงฝึกทดลอง คณะเกษตรศาสตร์ ม.อุบลฯ

เชื่อหรือไม่[แก้ไข ]

  • คณะเกษตรมีประเพณีรับน้องโดยให้ทานสตูเนื้อสุนัขโดยปีๆหนึ่งจะมีหมาโชคร้ายหนึ่งตัวตกเป็นอาหารโดยจะผสมกับเนื้อหมูให้ทานกัน
  • บริเวณรอบใต้ศาลากลางน้ําข้าง ตึก EN4 คณะวิศวะ เป็นที่ Sotus แจกเกียร์ให้กับรุ่นน้องวิศวะปีหนึ่งและโยนก้อนหินทิ้งลงน้ํา(หลอกน้องปีหนึ่งว่าโยนเกียร์ทิ้ง)
  • ศาลากลางน้ําแห่งนี้เป็นที่เด็กวิศวะไม่ชอบไปกินเหล้าเพราะถ้าใครไปกินเหล้าที่นั้นจะเปอร์
  • เป็น ม. เดียวที่ ให้นักศึกษาใช้เน็ต แค่ port 80 กับ 21
  • ม.อุบลเป็นที่รู้จักไปทั่วในปี 2551 ด้วยข่าว อ.ลามก กะ อ.บังคับนักศึกษา ไปประท้วง >.<
  • ปีเดียวกันมีนักศึกษากับอาจารย์อีกลายคนที่ได้รางวัลและมีผลงานดีๆระดับประเทศ
  • หมาที่อยู่หน้าตึกอธิการหลังใหม่ ใครรังแกมันจะโดนไม่ใช่น้อย เพราะอธิการจ่ายเงินเลี้ยงดูเอง
  • ตึกวิทยบริการที่เห็นอยู่ทุกวันนี้เกือบไม่ได้สร้างเพราะมีแบบอาคารที่จะสร้างอีกแบบหนึ่ง
  • เชื่อหรือไม่เด็กวิศวะภาคไฟฟ้าเรียนตึกเดียวกันกับสาวคณะบริหาร ทําให้เป็นเด็กวิศวะที่โชคดีที่สุดในคณะ
  • ม.อุบลไม่มี เซเว่น ใน ม. (แต่ตอนนี้มีแล้วโว้ย! แต่ก็มีแค่ทีเดียวและไม่มีเหล้าขาย)
  • ม.อุบลได้ชื่อว่ามีร้านส้มตําเยอะที่สุดในประเทศ เพราะหน้ามอมีแต่ร้านส้มตําทั้งนั้น ไม่เบื่อกันบ้างหรือไงว่ะ
  • กระท่อม คณะเกษตรศาสตร์ ห้ามคณะอื่นๆเข้า แต่มีสาวเภสัช เก็บผักบุ้งได้ สาวคณะบริหาร มา เที่ยวได้
  • ในเดือน 6 บ้านบัววัด จะมีประเพณี บุญบั้งไฟ นักศึกษาจากคณะเกษตรศาสตร์ ประมาณรุ่น 12 เคยทําไปแข่ง แพ้เหล้าขาว 1 ขวด แต่มีกินทั้งวัน ลาบไก่แจ้ที่อร่อยที่สุดในโลก ก็มีกุ๊กอยู่ในบ้านบัววัด เดียวนี้ ไม่รู้เลิกหรือยัง

เรื่องลึกลับ[แก้ไข ]

  • ดูเหมือนช่วงหนึ่งมีความพยายามในการเปลี่ยนชื่อสะกดภาษา อังกฤษ Ubon Ratchathani University ให้เปลี่ยนเป็นUbon Rajathanee University (ชื่อจังหวัดอุบลเขียนว่า Ubon Ratchatani ) แต่ไม่สําเร็จ ปัจจุบันจึงกลับมาใช้แบบเดิมอย่างเป็นทางการ รวมถึงป้ายทางเข้ามหาวิทยาลัยด้วย
  • ที่หอพักในราชพฤก 2(ชายใหญ่) ชั้นสามฝั่งริมซ้ายตรงบันไดเคยมีแม่บ้านตกบันไดตาย ดึกๆช่วงตี2-3 ถ้าใครมาอาบน้ําดึกๆอาจเจอแกถูพื้นอยู่(สมัยก่อนเคยมีรุ่นพี่เที่ยวในเมืองกลับมาเลยเวลาหอปิดเข้าหอไม่ได้เลยปีนบันไดหนีไฟฝั่งนี้แหละขึ้นมาเจอแม่บ้านถูพื้นก็ไม่ได้สนใจไรเดินผ่านไปแต่เอะใจแม่บ้านที่ไหนมาทํางานดึกๆดื่นๆเลยหันไปมองเอวังไม่เห็นแล้วคงไม่ต้องคิดไรมากเผ่นสิ)
  • กฏของการปีนหอในสําหรับนศ.ที่หนีเที่ยว หรือกลับมาไม่ทันหอในจะปิดประตูล๊อคกุญแจทางเข้า คือ ตรวจรับจํานวนเพื่อนที่จะปีนก่อนและหลังการปีนอยู่เสมอ และในขณะปีนบันไดหนีไฟเพื่อกลับเข้าไปข้างในคือ อย่าแหงนหน้าขึ้นมองข้างบนและก้มหน้าลงดูพื้นข้างล่าง เพราะอาจจะมี "มือดี" ยื่นออกมาช่วยรับ หรือดันก้นส่งคุณขึ้นหอก็เป็นได้
  • ที่หอชายใหญ่ชั้นสามมีห้องพักนศ.ห้องหนึ่ง ถ้าสังเกตุให้ดีจะมีการกลับด้านประตูห้องใหม่ จากด้านนอกถอดกลับหันด้านนอกเข้าไปด้านใน เนื่องมาจาก นศ.เจ้าของห้องที่เคยอยู่ห้องนี้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะกลับไปเยี่ยมบ้าน หลังงานศพแทบทุกคืนจะมีเสียงขยับลูกปิดประตูห้องนี้จากด้านนอกเหมือนมีใครพยายามพลักประตูเข้ามาในห้องทั้งที่ไม่มีคน จนไม่มีใครกล้าอยู่ แต่พอทําพิธีกลับประตูแล้วเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้นอีกเลย
  • ที่อาคารเรียนรวม 3 เป็นอาคารเดียวในมหาลัยที่ไม่มี รปภ. เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ลาออก เพราะได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินขึ้นลงบันไดตอนตี 2 ทุกวันสมัยก่อนอาจารย์และนักศึกษาศิลปศาสตร์ส่วนใหญ่จะทําการเรียนการสอน และมีการประชุมเชียร์รับน้องคณะกันที่ตึกนี้ จะมีการจุดธูปเทียนเพื่อบนบานสานกล่าว พวกเราจะรียก"เธอ"ผู้เป็นเจ้าของเสียงรองเท้านั้นว่า"คุณหญิง" บางครั้ง"เธอ" ก็ชอบมาดูการรับน้อง และกรุณาช่วยเปิด-ปิดไฟห้องสโลปชั้นสามให้ทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่บนตึกเลยแม้แต่คนเดียว!!
  • มีโรงงานร้างที่นักศึกษาม.อุบลต้องไปพิสูจน์ บนเส้นทาง วาริน-เดชอุดม เคยออกรายการคนอวดผีด้วยนะจิบอกให้ อิอิ
  • ตึก EN6 ไม่มีศาลพระภูมิ ลีดคณะวิศวะชอบเจอของดีบ่อย มีข่าวลือหนาหูว่าตอนสร้างเคยมีกรรมกรเกิดอุบัติเหตุตกลงมาตายที่นี่
  • ลิฟต์ที่เก่าแก่ และหน้ากลัวที่สุด คือ ลิฟต์ คณะบริหารศาสตร์ เพราะเป็นตึกเก่ารุ่นแรกๆของม.นี้
  • ลิฟต์ตึกอธิการบดีหลังเก่า ชอบเปิดปิดเคลื่อนขึ้นลงเอง ในบางค่ําคืนเป็นประจํา (จากคําให้การของรปภ.)
  • กฎในการขับขี่มอเตอร์ไซต์ในที่เปลี่ยวภายในม.ตอนกลางคืนโดยเฉพาะถนนเส้นรอบม. แถวๆคณะเภสัชคือไม่จําเป็นอย่ามองกระจกหลังเพราะอาจมีใบหน้าของใครบางคนที่คุณไม่รู้จักโผล่มาซ้อนอยู่ข้างหลังคุณก็เป็นได้
  • เคยมีนักศึกษาชายคณะรัฐศาสตร์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ตรงบรเวณช่วงโค้งทางเข้าตึกกิจกรรม ตรงข้ามคณะวิทยาศาสตร์หากผ่านไปแถวนั้นบางครั้งคล้ายจะมีเงาคนนั่งอยู่ริมฟุตบาทโดยใส่รองเท้าข้างเดียว คอยลุกขึ้นยืนโบกมือเรียกคนที่สัญจรผ่านอยู่เนืองๆ
  • ทราบมาก่อนหรือไม่ว่าพื้นที่บางส่วนของม.นี้เคยเป็นป่าช้าเก่ามาก่อน!!
  • มีข่าวลือมาว่า แต่ก่อนเคยมีอุบัติเหตุนศ.ปี1 จมน้ําเสียชีวิตที่หนองอีเจมในระหว่างกิจกรรม"การรับน้องข้ามบึงน้ํา" จึงทําให้ต้องยกเลิกการจัดกิจกรรมดังกล่าวไปในที่สุด
  • ในห้องดนตรีไทยตึกโรงละครศิลปศาสตร์ ในช่วงกลางดึกคืนวันพระใหญ่บางครั้ง จะมีเสียงคนเล่นดนตรีไทยเดิม เช่น ขิม กลองดังขึ้นแผ่วๆจนรปภ.ที่เฝ้าต้องเดินไปตรวจดู แต่ปรากฏว่าห้องนั้นล๊อคกุญแจจากภายนอก ส่องไฟฉายเข้าไปก็ไม่พบใครเลย
  • ที่ห้องน้ําหญิงชั้น2 ตึกILC ห้องติดข้างฝาด้านในสุด บางครั้งก็เหมือนมี"ใคร"พูดบ่นอะไรพึมพํา เสียงครางแว่วๆ และมีเสียงกดชักโครกให้น้ําไหล จนคนที่เข้าห้องน้ําห้องข้างตะโกนถามด้วยความเป็นห่วง แต่พอรีบเปิดประตูมาดู ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ําข้างๆนั้นเลย
  • ศาลพระพรหมที่ม.อุบลศักดิ์สิทธิ์มาก ฉะนั้นในช่วงหลังสอบทุกครั้งจะมีดอกไม้ธูปเทียนผลไม้มาถวายท่านเพื่อแก้บนอยู่เสมอ
  • ตรงต้นไม้ใกล้หอหญิงจะมีศาลเจ้าที่ ซึ่งนศ.ปีหนึ่งทุกคนที่จะเข้ามาพักอาศัยจะต้องนําดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้ก่อนเข้าพักอาศัยเสมอ ไม่งั้นมักจะเจอดี
  • ที่ศาลาไม้ที่พักผู้โดยสารรอรถประจําทางหลังเก่า ริมถนนแถวๆ หน้าม.เคยเกิดเหตุทหารพรานซึ่งเป็นเพื่อนกับนศ.ม.อุบลฯ ทําร้ายนศ.รัฐศาสตร์ด้วยอาวุธสงครามจนเสียชีวิตคาที่ 3 ศพ เนื่องจากเหตุเมาสุราทะเลาะวิวาทกัน ตีสองขับรถผ่านไปแถวนั้นช่วงผับเลิกยังวังเวง

ของกิน[แก้ไข ]

  • ลป. ย่อมาจากลาบเป็ด ตรงยูเทรินหน้าโรงเรียนศรีไค
  • ข้าวผัดกุ้ง ร้านไซทอง โครต อร่อย (ว่าแต่มันอยู่ตรงไหนวะ?)
  • ก๋วยจั๊บหน้าม. ถ้าตอนใกล้สอบยิ่งขายดี
  • ม.อุบล มีร้านส้มตําชื่อโหดมาก คือ ส้มตําซาดิส(เผ็ดมากด้วย จะเอาเผ็ดอะไรกันนักหนา)
  • มีร้านข้าวหน้ามอ2ร้านที่แยกกันขาย คือร้านลุงอ้วน กับป้าสุ แกขายดีมากจนต้องแยกกันขายคนละร้าน(แถมอยู่ติดๆกันด้วย)
  • บ้านสวนคือบ้านแห่งปีศาจมาร ของคณะวิศวะ หากเป็นเกียร์12-15 จะรู้จักดี ตกดึกมาหากินโดยการยิงหนูนา(หนูพุก)ซึ่งด้านหลังบ้านสวนจะเป็นวัด

ซึ่งในวัดอุดมไปด้วยของกิน แย้ กะปอม แมงจี่นูน เห็ด หนู อื่นๆ

  • ห้ามจับปลาในมหาลัย แต่ สองสหาย วิดวะ เอามากินเรียบ ไม่รู้พวกที่กินกินลงได้ไง ผมก็กิน
  • ส้มตําซาดิสโคตรเผ็ด ตอนเที่ยงรถจอดหน้าร้านเยอะมาก
  • ก๊วยจั๊บต้มยําร้านน้องพลอยข้างหอใบตรังอร่อยมากถูกด้วย(อันนี้รับรองเพราะคนเขียนไปกินบ่อย)
  • ข้าวปุ้นซาว หน้าหอสันติสุข อร่อย และขายดีที่สุด
  • ก้วยจั๊บจอย อร่อยมาก และย้ายบ่อยมาก (ปัจจุบัน 2561 อยู่ทางเข้าหอบอส)
  • ก๊วยจั๊บหนู อยู่ตรงข้ามร้าน SELEP ขายดีมาก เพราะเปิดดึก นั่งกินดีๆ เห็นหนูวิ่งไล่แมวซะงั้น เเต่คนก็นิยมน่ะ เพราะเปิดดึกมีร้านเดียว
  • ร้าน ข้าวตึกชีวภาพ (จุลชีวะ+สิ่งแวดล้อม)รสชาติ พยัคฆ์ร้าย ยังต้องส่ายหน้า จริงน๊ะ คอนเฟิร์ม
  • ทุกตึกใน มอ. มีร้านลูกชิ้น
  • กินข้าวเอาบรรยากาศ ต้องร้าน ไผ่เขียว
  • ร้านสตางค์ ทําอาหารช้ามาก แต่ก้อคุ้มค่า
  • แนะนํา ต้มยําปลานิล ครัวพนิตา อย่างแซ่บอ่ะ
  • ร้านยกซด ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ อร่อย ยยย มาก
  • ร้านตําถาดข้างสะพานลอย อร่อยมาก ต้องลอง
  • ร้านเห็ดย่างเทริยากิ หมูสะเต๊ะ ข้างสะพานลอย อร่อยสุดๆ แถวมหาลัยมีเจ้าเดียวด้วย ต้องลองๆ

ชุมนุมนักประดิษฐ์[แก้ไข ]

กาลครั้งหนึ่งยังไม่นานเท่าไหร่ มีชุมนุมได้ก่อตั้งขึ้นในรั้วมหา'ลัยแห่งนี้ นั้นคือ "ซุมนุม Robot" และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ซุมนุมนักประดิษฐ์" พวกเขาประดิษฐ์ได้ทุกอย่างจนตัวเองไม่มีอันจะกิน ชุมนุมนักประดิษฐ์

ความจริงของ ว.แพทย์ฯ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ที่ทุกคนอาจไม่รู้?[แก้ไข ]

  • ชื่อเต็ม วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข
  • ชื่อย่อคือ ว.แพทย์ฯ หรือ CMP
  • เป็น " วิทยาลัยเดียว"' ใน ม.อุบลฯ
  • รวมนักศึกษาแพทย์และสาธารณสุข ไว้คณะเดียวกัน (ส่วนมากคนคิดว่ามีแค่แพทย์)
  • ตึกคณะจะคล้ายๆ วัดจีน (เขาว่ากันมา)
  • มีตึกที่สร้างเหมือนกัน คือ ตึกโรงพยาบาลม.อุบลฯ (คล้ายวัดจีน)
  • ที่ตั้งคณะอยู่เส้นรอบนอกของมอ แถวๆป่า แลดูไกลผู้คน
  • นักศึกษาแพทย์และนักศึกษาสาธารณสุข เป็นคณะเดียวกัน ทํากิจกรรมทุกอย่างร่วมกัน เรียนบางวิชาด้วยกัน และแยกกันมากขึ้นเมื่อขึ้นปี2ขึ้นไป
  • นักศึกษาห้ามใส่ทรงเอ **ยกเว้นเวลามีงานประเพณีต่างๆ
  • มีคณะเล็กอีกคณะหนึ่งอาศัยอยู่ ชั้น 1 ข้างห้องน้ําชาย คือ คณะพยาบาลศาสตร์ตัวเอียง
  • นักศึกษาทุกคน ต้องไหว้และทําความเคารพ น้ายาม แม่บ้าน ตลอดจนคนขายของในคณะ (เป็นประเพณี)
  • ห้องน้ําทุกห้อง ทุกชั้น สะอาดมาก (แทบจะนอนได้เลยทีเดียว)
  • แม่บ้านทําความสะอาดห้องทําตลอด ทั้งวัน - -
  • ห้องน้ําต้องมีทิชชู มีเจลล้างมือหอมๆ (ทุกวัน)
  • พื้นของคณะ จะถูกล้างทําความสะอาด ทุกชั้น ประมาณอาทิตย์ละครั้ง (เหมือนมหกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์) น้ําหยดย้อย โดยมีแม่บ้านล้าง
  • สิ่งที่นักศึกษาทุกคนต้องเคารพ คือ อาจารย์ใหญ่ (ที่ทกคนต้องได้เรียน)
  • นักศึกษาทกคนควรจะเข้าร่วม งานทําบญอาจารย์ใหญ่ (จัดหลังจบภาคการศึกษา)
  • น้องใหม่ ต้องมีการซ้อมแสตนเชียร์ และเชียร์หลีดเดอร์ ซึ่งหนักหน่วงมาก ก่อนถึงกีฬาเฟรชชี่ทุกปี
  • การเข้าเชียร์ทุกปีของคณะ จะมีการว๊ากน้องหนักมาก แต่ทุกอย่างคือสร้างความอดทน ระเบียบวินัย ความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นก่อนจะเรียนและไปดูแลคนอื่น

แต่มีการเปลี่ยนแปลงการรับน้องในปี 2557 การว๊ากก็หมดไป

  • สแตนเชียร์และเชียร์หลีดเดอร์ ว.แพทย์ฯ ต้องติด 1 ใน 3 ของการแข่งขันกีฬาเฟรชชี่
  • เชียร์หลีเดอร์ผู้ชาย ส่วนมากหุ่นไม่ค่อยดี เลือกไม่ได้เพราะผู้ชายคณะมีน้อย
  • นักศึกษาแพทย์ชายทุกรุ่น ส่วนมากจะอินดี้ (ไม่เหมือนแพทย์ม.อื่น)
  • สาขาสาธารณสุข จะแบ่งออกเป็น ชุมชน กับ สิ่งแวดล้อม
  • สาธารณสุขชุมชน จะออกชุมชนบ่อย เดินกันจนรองเท้าขาดเลยทีเดียว
  • สาธารณสุขสิ่งแวดล้อม จะมีช๊อปสาขา คล้ายวิศวะมาก (อย่าทักผิด)
  • มีสโลแกนของผู้หญิงสาธารณสุข คือ สวย ถึก และ บึกบึน (ผู้ชายมีน้อยผู้หญิงจึงต้องทําทุกอย่างเป็น)
  • ผู้หญิงส่วนมาก จะไม่ค่อยมีแฟน เพราะไม่ค่อยมีคณะอื่นกล้าจีบ ในคณะเองก็ไม่มีผู้ชาย
  • ไม่ค่อยมีนักศึกษาคณะอื่นกล้าเข้ามา ว.แพทย์ฯ หรือไม่มีเลย (ช่วงหลังๆเริ่มมีเพราะมีการเปิดสอนวิชาเลือก)
  • นักศึกษาสาธารณสุขชุมชน จะโดนอาจารย์ตรวจ เล็บ ตรวจผม เครื่องแต่งกายประจํา (ต้องเรียบร้อย)
  • นักศึกษาสาธารณสุขสิ่งแวดล้อม ส่วนมากจะอยู่กันแบบเล็กน้อย อาจารย์ดูแลเป็นอย่างดี
  • นักศึกษาแพทย์ฯ จะชอบใส่เสื่อแลป เดินออกมาข้างนอก หรือหน้ามอเสมอ
  • พี่ๆรุ่นที่ผ่านมา มักจะเข้ามาดูน้องเวลาทํากิจกรรมเสมอ
  • ว.แพทย์ฯ อยู่กันแบบ พี่-น้อง (รู้จักกันหมด)
  • คนแปลกหน้าเดินเข้ามาคณะ ทุกคนจะมอง และจะรู้ว่าไม่ใช่คนในคณะ (เพราะคนมีน้อย รู้จักกันหมด)
  • เข้ามาปี 1 พี่จะให้ท่องชื่อเพื่อนในรุ่นทุกคน (ควรจําได้ทุกคน)
  • ว.แพทย์ฯ ไม่มีดอกไม้ประจําคณะ (คณะเดียวในมอ)
  • เดินเข้ามาด้านหน้า ต้องทําความเคารพ พระบรมฉายาลักษณ์ซึ่งเป็นคําสอนพระบิดาแห่งวงการแพทย์ไทย
  • นักศึกษาทุกคนต้องท่องคําสอนของพระบิดาแห่งวงการแพทย์ไทย ได้
  • ว.แพทย์ฯ ไม่มีร้านข้าว มีร้านขายของเล็กๆร้านเดียว (ไม่มาก็ไม่ได้กิน)
  • ห้องที่ใหญ่ที่สุด คือห้องที่นักศึกษาเรียกว่า ห้องเบาะแดง (แต่ไม่พอจํานวนนักศึกษาทั้งหมด)
  • การเรียนของนักศึกษาสาธารณสุข จะมีการเช็คชื่อ (สายได้15นาที)
  • วันดีคืนดีนักศึกษาสาธารณสุขจะโดน อาจารย์ว๊าก (เพราะท่านหวังดี)
  • วิชาในคณะไม่ค่อยมีการเปิดซัมเมอร์ (ติด F รอเรียนพร้อมรุ่นน้องอย่างเดียว)
  • ว่ากันว่าการทําวิจัยของนักศึกษาสาธารณสุข โหดมาก ตั้งทํา 2 เล่ม คือปี3และ4
  • นักศึกษาแพทย์จะอยู่คณะถึงแค่ปี 3
  • นักศึกษาสาธารณสุขจะมีการฝึกงาน 2 รอบ (ต่างจากคณะอื่น)
  • นักศึกษาแพทย์ครองชั้น 2 นักศึกษาสาธารณสุขครองชั้น 1 (ห้องเรียนประจํา)
  • กิจกรรมส่วนมาก จะเป็นนักศึกษาสาธารณสุขทํา (นักศึกษาแพทย์เรียนหนัก)
  • มีกฎ ห้ามนักศึกษาใช้ลิฟต์ (นอกจากแอบใช้ วันดีคืนดีเปิดไปเจอคณบดีหรืออาจารย์อยู่ในลิฟต์) ><
  • นักศึกษาจะมีป้ายชื่อติดชุดนักศึกษาสีทอง
  • ตุ้งติ้ง หัวเข็มกลัด ตลอดจนเสื่อโค้ชของคณะได้ยากมาก (ต้องรับน้องและทํากิจกรรมผ่าน)
  • เชียร์หลีดเดอร์ ว.แพทย์ฯ เป๊ะมาก (ซ้อมแบบโหดร้าย)
  • สันมนาการว.แพทย์ฯ เหมือนเก็บกด จะชอบกรี๊ด ทุกรุ่น
  • มีความเชื่อ ห้ามตบยุงคณะ
  • ค่ําแล้วจะไม่ค่อยมีคนกล้าอยู่คณะ
  • นักศึกษาสาธารณสุขช่วงปี3เทอมแรกๆ จะได้นอนเฝ้าคณะเกือบทุกวัน (ทําวิจัยกลุ่ม)
  • นักศึกษาผู้หญิง ว.แพทย์ฯ ดูง่ายๆไม่ค่อยแต่งตัว แต่งหน้า (ต่างจากคณะอื่น)
  • นักศึกษาแพทย์ผู้ชายปี 1 มักใส่รองเท้าแตะไปเรียน เวลาเรียนนั่งเล่น เวลาอาจารย์ถาม แม่งตอบได้หมด
  • สิ่งที่นักศึกษาสาธารณสุขกลัว คือ การออก Commed ปี4เป็นเวลา10กว่าวัน (บางปีต้องอยู่หมู่บ้านในป่า)
  • ที่จดรถยนต์ไม่พอ (รถอาจารย์และรถนักศึกษาเยอะ)
  • นักศึกษาสาธารณสุขปี 2 ขึ้นไปถ้าเรียนวิชาสาขาต่ํากว่า C ต้องเรียนใหม่ (รอพร้อมน้องกว่าจะเปิด)
  • พอปี 2 เทอม 2 จะหมดเรียนวิชานอกคณะ ไม่ได้ออกไปไหน (เหมือนโดนกักขัง)
  • สาวว.แพทย์ฯ จะชอบหนุ่มเภสัช วิศวะ และเกษตร (แต่เขาไม่ชอบเรา) ><
  • หนุ่ม ว.แพทย์ฯ มักชอบสาวพยาบาล
  • ห้องสโมสรนักศึกษาของคณะ มักมีทุกอย่าง (อยากได้อะไรหาเอาในนั้น)
  • เฟรชชี่ของคณะที่ส่งเข้าประกวดเฟรชชี่มอ มีการคัดเลือกผสมกันระหว่าง สาธารณสุข กับแพทย์
  • มีเรื่องแปลกใจ และเจอเกือบทุกปีของน้องปี1คือ บางครั้งมีคนถามว่าอยู่คณะไหน ถ้าตอบว.แพทย์ฯ เขาก็ไม่คุยด้วย (กลัวหรือยังไงไม่เข้าใจ)
  • หลายคนคิดว่านักศึกษาว.แพทย์ฯ หยิ่ง กินยากอยู่ยาก จริงๆไม่ใช่เลย (อยู่ได้หมดกินได้หมด โคตรติดดิน) **ส่วนมากนะ แต่อาจมีแค่ส่วนน้อย
รับข้อมูลจาก "https://th.uncyclopedia.info/index.php?title=ไร้วิทยาลัย:มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี&oldid=285791"