ไร้วิทยาลัย:มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

จากไร้วิทยาลัย — ส่วนหนึ่งของโครงการไร้สาระนุกรมเสรี แหล่งรวบรวมเรื่องราวตลกขบขันและบิดเบือนข้อเท็จจริง
(เปลี่ยนทางมาจาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์)
ไปยังการนําทาง ไปยังการค้นหา

ยินดีต้อนรับสู่ไร้วิทยาลัยภาษาไทย
แหล่งรวมเรื่องขําขันไร้สาระเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาที่ทุกคนร่วมเขียนได้
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 เวลา 05:19 น. ตามเวลาสากลเชิงพิกัด (ช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง)
เว็บย่อ: http://th.uncyclopedia.info/wiki/Un-niversity

บทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ ไร้วิทยาลัย , แหล่งรวบรวมเรื่องน่ารู้ เรื่องลึกลับ เรื่องไร้สาระ ของสถานศึกษาในประเทศเทย!

ข้อมูลทั่วไป[แก้ไข ]

  • เด็กมออื่นชอบถามเด็กมอ ว่าทําไม ชื่อย่อมหาลัยถึงเป็น "มอ" ทั้งที่ชื่อ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพราะ มหาลัยใช้นามย่อของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร มาตั้ง
  • "สงขลานครินทร์"เป็นพระยศของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกส่วน"มหิดล"เป็นพระนามของพระองค์ท่าน จึงย่อ ตัว อ ในพระนามท่านมานั่นเอง
  • ชื่อภาษาอังกฤษคือ Prince of Songkla University แปลว่า "มหาวิทยาลัย เจ้าชายแห่งสงขลา" เท่ห์มั่ก>,<
  • สมัยก่อนนักศึกษารุ่นแรกๆจะเรียนที่มหาวิทยาลัยมหิดล
  • วันคล้ายทิวงคตของพระองค์ท่านคือวัน24 กันยายนของทุกปีเป็น"วันมหิดล"นักศึกษาทั้ง 2 มหาวิทยาลัยและบุคคลกรทางการแพทย์ถือเป็นวันสําคัญ
  • ผู้เป็นแกนนําเรียกร้องรัฐบาล พ.อ.ถนัด คอมันตร์ ให้ีมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยแห่งแรกในภาคใต้ เป็นหมอ อดีตผู้อํานวยการโรงพยาบาลปัตตานี ชื่อ นายแพทย์วิทยา ยุวชิต และท่านยังเป็นประธานจัดสร้างพระบรมราชานุเสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หน้าตึกอธิการบดี วิทยาเขตปัตตานี
  • นักศึกษารุ่นบุกเบิกของทั้ง2มหาลัยบางท่านสนิทกันแต่น่าแปลกที่ไม่มีกีฬาประเพณี(หรืออาจจะเคยมี)
  • พ.อ.ถนัด คอมันตร์เป็นประธานคณะกรรมการฯ คณะกรรมการฯ เริ่มดําเนินการให้มีการก่อสร้างมหาวิทยาลัยและเป็นอธิการบดีคนแรก
  • มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีชื่อย่อว่า ม.อ. และม.อ. เป็นมหาวิทยาลัยแรกที่ใช้คําว่า"วิทยาเขต"
  • สีประจํามหาวิทยาลัยคือ "สีบลู" ดอกไม้ประจํามหาวิทยาลัยคือ "ดอกศรีตรัง"
  • เดิม ม.อ.ก่อตั้งครั้งแรกที่ปัตตานี แต่ไอทะเลทําให้เครื่องมือวิทยาศาสตร์เสียหายจึงขยายวิทยาเขตไปที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
  • วิชา Foundation English เป็นวิชาที่มีคนดรอปมากที่สุด
  • งานรับปริญญา จะผลัดกันจัดที่ ปัตตานีกับหาดใหญ่ (แต่ตอนนี้จัดที่หาดใหญ่ที่เดียวแล้วเพราะปัญหาทางด้านชายแดนภาคใต้)
  • เพลงประจํามหาวิทยาลัยแต่งทํานองโดย ครูเอื้อ สุนทรสนาน แห่งวงสุนทราภรณ์
  • เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยคือ www.psu.ac.th แต่เว็บไซต์ที่มีคนเข้าชมมากที่สุดคือ www.rak-mor-or.com
  • นักศึกษาที่นี่ไปแข่งกีฬาในต่างประเทศมากกว่าในประเทศซะอีก(มาเลย์,อินโด,สิงค์โปร์)
  • และน่าจะมากกว่านักกีฬาทีมชาติบางชนิดที่ไปเก็บตัวที่ต่างประเทศ
  • คณะวิศวกรรมศาสตร์ก่อตั้งเป็นคณะแรกใน ม.อ.

ข้อมูลแบ่งตามวิทยาเขต[แก้ไข ]

หาดใหญ่[แก้ไข ]

  • โรงพยาบาลสงขลานครินทร์เป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Hospital Accreditation (HA)
  • 99.99% ของคนส่วนใหญ่คิดว่า จุฬา เป็นที่แรกที่ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย แต่คน 0.01% ที่รู้ว่าม.อ.เป็นที่แรก ก็คือเด็กม.อ.เอง และ 0.0001% รู้ว่าอินเทอร์เน็ตครั้งแรกในไทยเกิดที่คณะวิทยาศาสตร์
  • มอ.มีโรงพยาบาลทันตกรรมเป็นแห่งแรกในประเทศไทย
  • คุณหญิงหลง อรรถกระวีสุนทร เป็นคนมอบที่ดินให้ ม.อ. 400กว่าไร่!!
  • ตึกฟักทอง เป็นสัญลักษณ์คณะวิดยา มีทั้งหมด 25 กลีบ บันไดทางเดินไปยังตึกฟัก(ทอง)ก็มี 25 ขั้น
  • ถ้าใครวิ่งรอบอ่างติดต่อกัน 5 รอบโดยไม่หยุดจะขอพรอะไรก็ได้ (บ้ารึเปล่า)>>>>>>>(จริงเหรอตอนผมปีสามวิ่งวันละ5รอบทุกวันเลย)
  • ถ้าใครไปวิ่งรอบอ่างแล้วมองอ่างเป็นรูปหัวใจแสดงว่าคนนั้นกําลังมีความรัก
  • ผู้ชายที่วิ่งรอบอ่างส่วนใหญ่จะมีเจตนาแอบแฝง คือ เหล่สาว >>>>>>> สาวก้อไปเหล่หนุ่มเหมือนกัน
  • หลัง ม.อ.จะมีภูเขาล้อมรอบ บรรยากาศดีมักๆๆ เย็นๆจะโรแมนติกมาก^^
  • ที่โรงยิมตอนเย็นทุกวันจะมีการเต้นแอโรบิค แต่ที่คณะวิศวะจะมีคนเต้นเยอะกว่า เรียงตามอายุ และเพศ คนอายุเยอะจะอยู่ด้านหน้า อายุน้อยและกระเทยจะอยู่ด้านหลัง
  • โรงช้างคือโรงอาหารที่เด็กม.อ.จะไปทานข้าวกัน แต่ก่อนเป็นเพิงบรรยากาศอบอุ่นเหมือนร้านอาโกในเรื่อง "มหาลัยเหมืองแร่" มีร้านขอายของชําหลายร้านเหมือนในกิมหยง แต่เดี๋ยวนี้ทุบแล้วสร้างใหม่กลายเป็นโรงอาหารประถม
  • เค้าว่ากันว่าโรงช้างคือโรงอาหาร วจก.
  • ในโรงช้างจะมีทีวีอยู่ 3 เครื่อง แต่เด่วนี้มีสี่เครื่องแล้ว
  • ในเวลาตอนเที่ยงโรงช้างคนจะเยอะมากๆๆๆ แต่สถานที่ที่น่าไปทานข้าวเที่ยงมากที่สุดคือ โรงอาหารคณะทันตะ <<< เดี๋ยวนี้ ไม่อร่อยแล้ว
  • ตึกฟักทองเป็นที่อ่านหนังสือของเด็ก ม.อ.ใกล้ช่วงสอบ
  • ช่วงสอบเซเว่นจะขายดีมากที่สุด
  • เมื่อก่อนร้านสะดวกซื้อจะมี่โรงช้างที่เดียว คนยืนเข้าแถววนจนจะรอบร้าน แต่ตอนนี้มีกระจายตามหอแล้ว <<< แต่ก็ยังขายดีที่สุดอยู่
  • มาม่า ฯลฯ จะขายดีในช่วงสอบ
  • ก่อนเข้าห้องสมุดทุกครั้งต้องแสดงบัตรนักศึกษา (เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นยิงบาร์โค้ดแล้ว)
  • หลังเวลาเที่ยงคืนก่อนเข้าหอพักต้องแสดงบัตร>>>>>>(2553 ต้องแสดงทุกครั้งไม่ว่าเวลาไหน)
  • หอพักหญิงจะปิดเวลาตี1 (ปิดช้าที่สุดในสยามประเทศ) ส่วนหอชายเหมือนเซเว่น>>>>>>(2553 เปิดตลอดแล้วครับ แต่หลังตี 1 ต้องเซ็นชื่อเพื่อบันทึกไว้ครับ)
  • ช่วงเสาร์-อาทิตย์หลายคนมักจะดูบอลที่โรงช้างและใต้หอ โดยเฉพาะวันแดงเดือด ทั้งแฟนผีแฟนหงส์จะเยอะสุดๆ
  • เมื่อน้องปี 1 เข้ามาเรียนจะมีชมรมและกิจกรรมต่างๆให้เข้าร่วมกัน
  • เซเว่นใน ม.อ. มีอยู่ 4 ที่ (ที่จริงมี5แห่งอีกที่หนึ่งเป็นเซเวนลับจะรู้กันไม่มากเพราะอยู่ที่หลังวิดวะเค้าจะนิยมเรียกกันว่าเซเวนวิดวะจะเจอสิงอมควันมากในที่นั้น) << แน่รึว่าคือ 7 บรรยากาศแบบน่ากลัว 555
  • คาเฟตเปลี่ยนเป็นคณะแพทย์แผนไทยกับเนิร์สเซอร์รี่แล้วจ้า(ได้ข่าวว่าจะสร้างตึกคณะใหม่เเล้ว ที่วาริช คณะทรัพย์ มีโรงพยาบาลเเพทย์เเผนไทยย้ายไปที่นั่นด้วย)
  • ทุกๆ วันใต้ตึก วจก.จะมีคนไปเล่นเน็ตกันมาก มีบางคนเรียกว่าลานโน๊ตบุ๊ค เยอะมากจริงๆ
  • เวลา 7.50 นาทีเป็นเวลาที่พลุกพล่านมากที่สุด
  • เด็ก ม.อ. บางคนเป็นผู้มีความสามารถพิเศษ แม้จะตื่น 7.50 น. ก็ยังไปเรียนคาบ 8.00 น.ทัน
  • รถตุ๊กๆและรถสวัสดิการเป็นรถที่จะพาเด็กม.อ.ไปเรียนกัน เด่วนี้มีรถไบโอดีเซลแล้ว จะวิงเป็นเวลา เรียกสั้นๆว่า "รถไบโอ">>>>>2554 มีรถเฉื่อยแล้ววว << 2555 บ้างก็เรียกรถขาว หรือ รถไฟฟ้า
  • เด็กปี 1 ห้ามใช้รถแต่ก็มีคนแอบเอามาใช้อยู่ดี << แถมยังได้แปะสติ๊กเกอร์อีกด้วย
  • ไปรษณีย์ ม.อ.จะอยู่หลังตึกอธิการบดี
  • ทุกเย็นวันศุกร์มหาลัยจะเงียบเพราะเด็กจะกลับบ้านกัน
  • ป้ายทะเบียนรถใน ม.อ. สข เป็นป้ายทะเบียนพบมากที่สุด และจะขึ้นต้นด้วย ค.ควายเป็นหลัก เช่น คบฉ คบพ คคคคค..
  • วันแรกของการเรียนเด็กส่วนมากจะหาห้องไม่เจอ
  • เมื่อเข้ามาปี 1ใหม่ๆ เด็กแพดจะใส่ไทค์สีเขียวพยาบาล สีส้ม วจก. สีเฉดม่วง วิดวะ สีเลือดหมู วิดยาสีเหลือง
  • วจก. เป็นชื่อย่อของคณะวิทยาการจัดการ คณะนี้ว่ากันว่าสาวสวยที่สุด
    • บ้างก็ว่า วจก. ย่อมาจาก วิดวะจัดการ
  • เมื่อขึ้นปี 2 เด็กพยาบาล แพทย์ จะย้ายไปอยู่หอเฉพาะ
  • ตอนเย็นใต้ตึกพยาบาลจะมีคนมารําไทเก็ก
  • ช่วงเที่ยงคืนเป็นต้นไปหลังสอบจะมีคนวิ่งแก้บน แล้วก็เช็ดลานพระบิดา
  • สนามฟุตบอลม.อ.มีอยู่ 2 สนาม คือ
    • สนามบน เป็นชื่อเรียกของสนามที่อยู่ต่างระดับกันอยู่ข้างบน ชื่ออย่างเป็นทางการคือ บนแทรฟฟอร์ด ไว้แข่งรักบี้ เป็นส่วนใหญ่ และเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ส่งผู้ป่วยจากชายแดนใต้มาที่โรงพยาบาลอีกด้วย
    • สนามล่าง เป็นชื่อเรียกของสนามที่อยู่ระดับต่ํากว่า ชื่ออย่างเป็นทางการคือ เซนต์เจมส์ล่าง เป็นที่แข่งฟุตบอล
  • ว่ากันว่าเวลาดูรักบี้ต้องดู ทรัพย์ วิศวะ แข่ง เพราะหาเรื่องตีกันตลอด
  • วงเวียนในม.อ.มีอยู 6 ที่
  • คณะ อก.เป็นคณะที่อยู่ไกลที่สุด ถัดมาก็เป็นคณะทรัพย์
  • หลายคนมากที่ไม่เคยไปคณะ อก.
  • หลังสอบที่ทะเบียนกลางเป็นที่นักศึกษาฮิตที่จะไปมาก โดยเฉพาะช่อง 5
  • สมัยที่ยังไม่มีระบบลงทะเบียนออนไลน์ มีคนไปรอลงทะเบียนตั้งแต่เที่ยงคืน
  • วันสุดท้ายของการดรอปรายวิชาหน้าทะเบียนกลางจะมีคนต่อแถวยาวมากๆๆ
  • ครั้งแรกที่ดรอปคนส่วนมากอายที่จะไปดรอปไม่กล้าไปทะเบียนกลางไม่กล้าบอกเพื่อนว่าดรอปพออยู่นานๆไป การดรอปเป็นเรื่องปกติ
  • คนขับจักรยานยนต์ส่วนมากมีหมวกกันน็อคไว้กันยาม
  • รถจักรยานยนต์ทุกคันต้องเปิดเบาะให้ยามดูก่อนเข้ามหาลัยฯ เด่วนี้มีตรวจใบขับขี่แล้ว <--ปจุบันให้เปิดเบาะเหมือนเดิม(มีกล้องแล้ว)
  • พยาบาลเป็นคณะมีผู้หญิงมากที่สุด น่ารักด้วย (ความคิดส่วนตัว) ผู้ชายน้อยสุด ซึ่งเท่าทีมีก็ไม่ใช่ชายแท้
  • หอ3-4 เป็นหอเดียวที่อยู่ด้วยกัน และเป็นหอที่มีเรื่องเล่ามากที่สุด มีนักศึกษาเคยเสียชีวิตคาห้องมาแล้ว แต่ห้องไหนไม่รู้ใบให้ อยู่ปีก X>>>>>>> x 313
  • ถ้าจะจีบสาวพยาบาลให้จีบตั้งแต่ปี 1 พอปี 2 จะไม่เจอหน้าแล้ว
  • ตอนเปิดเทอมใหม่จะมีของขายที่ใต้ตึกกิจ เรียกว่าขายของน้องใหม่ และจะเป็นของที่แพงที่สุดเพราะเด็กใหม่จะยังงงงง และไม่รู้ว่ามันแพง คนขายเป็นบรรดารุ่นพี่ ที่รับของมาจากร้านในตลาด และเอาเฉพาะของถูกๆ มาเพิ่มกําไรขาย
  • พอสิ้นเทอมแรกจะมีเพื่อนที่ต้องจากเราไปก่อนเวลาอันสมควร
  • ม.อ. จะมีโลตัสอยู่หน้ามหาลัย
  • รถ 2 แถวหน้าม.อ.ราคา 15 บาท>>>> 10 บาทพอครับ(2554)
  • ประตู 108 และประตู 109 เป็นประตูอยู่ทางทิศตะวันออก
  • ประตู 108 ได้ชื่อจากจํานวนห้องของแฟลตที่ใกล้ประตู ส่วนประตู 109 ประตูใหม่หลังคณะทรัพย์ถัดจาก 108 เลยได้ชื่อว่า 109 (ลุงเจ้าของตลาดเลยรวยเพราะค่าเช่าจากตลาดสดกลายเป็นขายข้าวตอนค่ํา-เอ่อ ไม่รู้ตอนนี้ยังมีอยู่ป่าว)
  • ประตูทางทิศตะวันออกชื่อประตูศรีทรัพย์
  • มีตลาดศรีตรังอยู่ข้างประตู 108 เด็กมอ.ชอบมานั่งกินข้าว ดูบอลกันเยอะมากก แต่เสาร์ อาทิตย์ คนจะน้อย เพราะเด็กกลับบ้านกัน>>>>109 ครับ ไม่ใช่ 108
  • ประตูหลักๆ มีทางออกอยู่ 4 ที่ เปิดใช้แค่ 3 ที่
  • ตลาดนัดเกษตร เปิดขายของทางคณะทรัพย์
  • ในมหาลัยมีปั้มน้ํามันอยู่ 2 ที่ คือปั้มบางจาก อยู่ใกล้ประตูหน้า ม.อ. และก็คณะวิดวะ (ไบโอดีเซล<<< ดูยั่งก่ะโรงเผาถ่าน เถื่อนมว้าก)
  • ช่วงเดือนสิงหาคม จะมีงานเกษตรภาคใต้ มีของขายเยอะมากๆๆ แถมคนเยอะโคตรๆ
  • ยามชอบแอบหลับช่วงตี 3 กว่าๆๆ
  • เปิดเรียนวันแรกๆๆทุกคนจะตื่นเช้า หลังจากนั้นจะขี้เกียจตื่นไปเรียน
  • คณะ วจก. เป็นคณะที่อยู่ใกล้หอในมากที่สุด
  • ส่วนมากสาว วจก. จะเป็นสาวมั่นมากๆๆๆๆน่ารักด้วย <<< ขาวด้วย สั้นด้วย บางด้วย
  • บางคนบอกว่า มอ. ย่อมาจาก มาอ้วน แต่ก็อ้วนจริงๆๆอิอิอิ
  • ว่ากันว่า ใครเดินผ่าน love path ระหว่างวจก. กับศูนย์คอมฯ จะมีคู่ <<< ว่าแล้วทําไม! ป้ากวาดถนนแถวนั่นฮอตจัง มีรปภมาจีบตลอด สวดยอด ต้องไปลองมั่งแล้ว
    • กระผมก็เดินผ่านทุกวัน ทําไมยังไม่มีคู่อ่ะ (หรือเดินมากไป?)
  • มอ. หาดใหญ่ อยู่หน้าเขา ส่วนมอ. ปัตตานีติดทะเล(โคลน)
  • ทุกปีในช่วงวันรับปริญญาใครที่รูมเมทหรือเป็นเด็กวจก.ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
  • ร้านน้ําชาสุดฮิตที่ "ม.สงขลานครินทร์" ชื่อ "สวนลุงเจิม" แต่บางตําราบอกว่าผิดครับ ต้องเป็นร้านชาโต้งและโกอ้วน ฮิตกว่าเยอะ และที่สําคัญ........... ร้านลุงเจิมไม่ได้อยู่ที่ "ม.สงขลานครินทร์"!!! >>>> ผิดทั้งนั้นแหละ อย่าใช้ความรู้สึกตัวเองตัดสินคนอื่น
  • เมื่อก่อนรับปริญญาที่โรงยิม ห้องทองจันทร์ ตอนนี้ไปที่ศูนย์ประชุมนานาชาติแล้ว (ตั้งแต่ปี 51)
  • ที่หอสมุดคุณหญิงหลง อรรถกระวีสุนทร (ชื่อห้องสมุดที่นี่)มีคนมาหางานทําวิจัยโคตรเยอะ!
  • ถ้ามามอ.แล้วไม่เข้าโรงช้างถือว่ามาไม่ถึง
  • ที่นี่ สุขภาพเกรดของนักศึกษาเป็นสิ่งที่น่าห่วงกว่าสุขภาพกาย >>> ที่อื่นเค้าก็เป็นกันครับ
  • ช่วงสองอาทิตย์ก่อนสอบ หอสมุดจะปิดเที่ยงคืนและมีบริการเสริมที่นั่ง ซึ่งถ้าไปช้า ท่านจะอด
  • หอสามสี่ผีเยอะสุด >>> เคยเจอเหรอ >>>>>>> เจอมาแล้ว ปีก x ชั้นสอง ตรงชั้นพักบันได x 416 ประตูเปิดปิดเองได้โดยที่ห้องนั้นไม่มีคนอยู่
  • ดึกๆเลยเที่ยงคืน ใต้ตึกกิจจะมีแต่คนแปลกๆ (ลองสังเกตดู)
  • เด็ก มอ ชอบเล่น DotA โดนเฉพาะใต้หอ 11 (Want ไหม สาดดดดดดดดดด)
  • คาเฟตไม่มีแล้ว ปรับปรุงเป็นอาคารพยาบาลและแพทย์แผนไทยไปแล้ว
  • ร้านหน่อนั้ง เป็นร้านการ์ตูนที่เด็กมอ อ่านเยอะที่สุด
  • ตึกฟักทองมาจากตึกจานบินของมหิดล
  • พนักงานหอพัก 10 11 ร้ายเหลือ บริการไม่ดี << ว่า 10-11 ร้ายแล้ว เจอ 8-9 จะสยองคับ
  • หอใหม่ 8 9 10 11 เป็นหอพักที่สูงมากๆ เพราะมีถึง 15 ชั้น
  • แต่คู่แข่งใหม่ นั่นคือ บินหลา 4 หอพักแพทย์ที่สูง 15 ชั้นเหมือนกัน >>> บินหลา4 16ชั้นจ๊ะ แต่เหมือนจะแพ้LRCอยู่ดี(2555)
  • มอ. ไม่มีหอพักสําหรับนักศึกษาทันตะ << ที่นี่มีแต่หอพยาบาล หอแพทย์ นอกนั้น เปนหอรวมๆ
  • นิติกับเสดสาดกําลังจะมีที่ตั้งคณะเป็นของตัวเองแล้ว (ใกล้กับสินสาด)>>> มีแล้ว 2554
  • หอ 11 ใครที่อยู่ห้องมุมฝั่งเยื้องหอ 6 จะได้เห็นอ่างน้ํา และสนามซอฟท์บอลด้วย บรรยากาศส่วนตัวสุดๆ
  • หอสมุดจะย้ายไปตึก LRC (ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ไม่ใช่ inductor resistor capacitor นะ) แล้ว ส่วนหอสมุดเก่าเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์
  • Big Four ของ มอ. หาดใหญ่ คือ วิศวะ วิดยา วจก. และทรัพย์
  • เด็กเเพทย์เเผนไทยใส่เสื้อกาวน์ตั้งเเต่ปี 2
  • ทุกปีในช่วงกลางเดือนสิงหา ช่วงกลางวันวิดยาจะคึกคัก (เพราะมีงานสัปดาห์วิทย์ฯ) แต่ช่วงกลางคืนทรัพย์ฯ จะคึกคักเช่นกัน(เพราะมีงานเกษตรฯ)
  • มอ.หาดใหญ่ เป็นมหาลัยแรกในประเทศที่มีโลตัสอยู่หน้ามอ
  • ถ้ามา มอ.หาดใหญ่แล้วได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ ไม่ต้องตกใจ เพราะมอ.เราอยู่ห่างจากค่ายทหารไม่ถึง 1 กิโลเมตร
  • ที่นี่เราเรียกคณะเกษตรว่า คณะทรัพยากรธรรมชาติ
  • รักบี้คณะวจก. กับ ทรัพฯ เป็นคู่กัดกันทุกปี
  • หอ 5 มอ. หาดใหญ่เป็นหอชายมาก่อน(เป็นหอหญิงที่มีโถเยี่ยว)(สมัยที่ผมไปนั่งอ่านหนังสือ มีชายกับ ญ เข้าไปห้องน้ําพร้อมกันกลับออกมาโดยมีเหงื่อเต็มตัว อิจฉามันหว่ะ!!!)
  • หอ 12-13 มอ. หาดใหญ่เคยเป็นหอชาย
  • ที่มอ.ไม่มีใครติด F กัน เพราะให้กันแต่ A B+ B C+ C D+ D และ E
  • ในงานรับปริญญาเมื่อก่อนจะตั้งแถวเดินจากตึกฟักทอง แต่ช่วงปีหลังๆ จะเดินจากตึกคณะพยาบาล เพราะใกล้กว่า >>>>ตอนนี้ไปตั้งที่ศูนย์ประชุมเลย 2554
  • ห้องทองจันทร์เคยเป็นห้องประชุมไฮโซสุด (ตอนนี้มีศูนย์ประชุมใหม่แล้วจ้ะ)
  • บูมทันตะจะเหมาะสําหรับฝึกกําลังขาเป็นอย่างมาก
  • การจัดอันดับล่าสุด อก. มอ. เป็นคณะที่ดีที่สุดในประเทศสําหรับสาขา FOOD SCI แต่ติดปัญหาตรงที่ไม่มีเด็กภาคกลางอยากมาเรียนเพราะกลัวกัน
  • คณะที่สาวๆน่ารักที่สุดได้แก่คณะวจก. รองลงมาได้แก่ ศิลปศาสตร์ และทันตะ >>แพทย์ก็เยอะนะ
  • แต่ก่อนเคยมีคณะละครเวทีหลายชมรม แต่ปัจจุบันไม่มีให้เห็นแล้ว
  • สมัยน้ําท่วมหาดใหญ่ ต้องมีการประกาศให้นักศึกษาพร้อมอพยพออกจากหอตลอดเวลา เพราะต้องเร่งระบายน้ําออกจากอ่างที่มีปริมาณเกินมาตรฐาน
  • สมัยเรียน น้ําประปาในหอเหม็น เนื่องจากมีคนตายอยู่ตรงท่อน้ําล้นที่อ่างแต่ไม่มีใครรู้เรื่อง (แมร่งเรื่องจริงป่าววะ? บรื๋อออ..!!)จริง---ศพถูกฆ่ามาซุกไว้หลายวัน(แสดงว่ารุ่นใกล้ๆๆกัน)<---ไม่จริงหลอก / ช่ายเรายังทันเลย เพื่อนๆที่กินน้ําประปา ไปก่อนหน้าจะรู้ข่าว พอข่าวสะพัดก็ พากันอ้วกย้อนหลังได้อีก เรื่องจริงครับ >>>>>>> ไม่จริงนะจ้า เพราะช่วงน้ําในอ่างแห้ง น้ําจะเหม็นทุกปี แล้วก้อลือกันว่าคนตายทุกปี แต่จริงๆแล้วเพราะน้ํามันมีตะกอนเยอะมากกว่า
  • คณะเภสัชเป็น1ในไม่กี่คณะที่มีสนามบอลส่วนตัว
  • สนามบอลเภสัชเรียกว่าบ่อกุ้ง(เวลาฝนตกมันมีน้ําขัง)
  • หอพยาบาลเป็นแหล่งที่อยู่ของเด็กเภสัชหญิง(ใกล้คณะมาาาาาก) >>>>>>> จะอยู่ตรงหอหนึ่งที่เป็นหอเก่า ไม่มีลิฟท์ ราคาแพงกว่าเท่าตัว ต้องจับสลากแย่งชิงกัน ส่วนเด็กพยาบาลอยู่ตึกใหม่ มีลิฟท์ ห้องทีวี ห้องยา ห้องอาบน้ําข้างล่าง บลาๆๆ ราคาถูกว่าครึ่งนึง
  • "ป้าเยา" ผูกขาดอาหารเที่ยงกับคณะเภสัช รสชาติห่วยแตก แถมยังแพงโคตรๆ
  • เด็กเภสัชที่เรียนที่คณะ ก็เลยต้องไป โรงอาหารคณะทรัพฯ (ใกล้คณะเช่นกัน) << อร่อยกว่ามากด้วย
  • มอ.เป็นเหมือนเมืองเมืองหนึ่ง(มีที่อยู่ สถานรับเลี้ยงเด็ก รร.มัธยม มหาลัย เซเว่น ตลาด โลตัส รพ. ที่ออกกําลังกาย สถานีวิทยุ ฯลฯ) >>>>>>> ขาดโรงหนังก้อครบแล้วไม่ต้องออกไปไหน
  • คณะเภสัชเป็นคณะที่มีผู้สอบใบประกอบวิชาชีพผ่านรอบแรกสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ
  • เล่นตะกร้อได้ที่หลังหอ 2 โซน F
  • หอ 2 โซน F มีต้นมะม่วง
  • มีคนเคยตกตึกหอ 2 แต่ไม่ตาย กลับมานั่งก๊งได้ต่อ >>>>>>> ขาหักเฉยๆ
  • การโดนไล่ออกจากหอพักเป็นเรื่องปกติ
  • คณะทรัพย์เปนคณะเดียวที่ผู้หญิงมีฉายาว่า สวย ถึก และบึกบึน >>>>>>> สาวสวยๆก้อมีนะจ้า>>>>>คนที่บอกว่ามีผู้หญิงสวย ถึก และบึกบึน อันนี้ตั้งใจให้ฉายาพี่วาริช รุ่น 24 (พี่ต้อง) หรือปล่าจ้า เพราะเมื่อก่อนพี่เค้าก็ได้รับฉายานั้นเหมือนกัน
  • คณะทรัพย์จะไดเแชมป์เฟรชชี่รักบี้ ปีเว้นปี (ไม่เชื่อก้อลองไปดูประวัติ)
  • แต่ก่อนเค้าเล่าว่าเวลาขี่มอไซต์ผ่านคณะทรัพย์แถวไร่ข้าวโพดช่วงหัวค่ํา อย่าอ้าปาก ---แมลงเยอะมันจะเข้าปากเอานะ
  • หน้าพระบิดาเมื่อเมาแล้วห้ามขับรถผ่าน เพราะเดี๋ยวจะเรียนไม่จบ
  • ว่ากันว่าใครโดนดอกศรีตังตกใส่หัวจะเรียนไม่จบ >>>>>>> ไม่จริงจ้า โดนมาแล้ว จบมาแล้ว
  • หลัง ม.อ.จะมีภูเขาล้อมรอบ บรรยากาศดีมักๆๆ
  • เดี๋ยวนี้ ทุกวันอังคารจะมีถนนคนเดินด้วยนะ <<< ตรงไหนอ่ะO_o? <-- โรงช้างไง - -
  • Big Four ของ มอ. หาดใหญ่ คือ วิศวะ วิดยา วจก. และทรัพย์
  • มกราคม 2555 ม.อ. จะเป็นเจ้าภาพกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 39
  • ในปีการศึกษา 2556 ม.อ. จะมีคณะสายวิทยาศาสตร์สุขภาพมากที่สุดในประเทศไทย (แพทย์ ทันตะ เภสัช พยาบาล แพทย์แผนไทย เทคนิคการแพทย์ และสัตวแพทย์)<<<มหิดลมีครบก่อนเราหลายปีแล้วครับ


คณะวิศวกรรมศาสตร์[แก้ไข ]

  • สาวๆคณะวิทยาการจัดการ(วจก)กับคณะศิลปศาสาตร์(สินสาด) เป็นคณะที่มีสาวสวยเยอะสุด แถมชอบแต่งชุดนศ. ตามสมัยนิยม(พ.ศ.2555) " บางรัดสั้นฟิต "
  • โรงอาหารคณะวจกกับสินสาด มักจะมีเด็กวิดว่ะ ไปนั่ง เนื่องด้วยข้อข้างบน
  • เนื่องด้วยข้างบนอีก สาวสวยทุกคณะจึงเสร็จผู้ชายวิดว่ะหมด กวาดเรียบ!!
  • วิศวะเหมืองแร่ เป็นสาขาที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่มีแค่ 3 สถาบันในประเทศไทย มี มอ จุฬา มช
  • วิดว่ะคือคณะที่ใหญ่ที่สุด ใน มอ แต่คนจบ กลับน้อยในแต่ล่ะปี
  • ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลมีวิชา Automotive Control Systems เป็นวิชาที่เรียนจบยากสุดๆๆๆๆๆๆหนัด
  • วิศวะ ภาคเครื่องจะแต่งกายถูกระเบียบที่สุด และมีความสามัคคีมากๆๆ(เมื่อเสื้อชอปจะเป็นแบบใส่ไว้ในกางเกง แต่ไม่มีใครใส่ไว้ในกางเกงยกเว้นเวลาเจอ อ.)
  • บูมวิดวะกับวิดยาเป็นบูมคู่ขนาน (ขึ้นต้นคล้ายกัน จังหวะคล้ายกัน อยากรู้เป็นยังไงต้องไปฟังเอาเอง)
  • วิศวะที่นี่ ได้ชื่อว่าเรียนโหดที่สุดในประเทศ (จริงๆ ขอเข้ามา confirm,จบจากนี่ได้ใบ กว.เลยไม่ต้องไปสอบ <------ ไอ้นี่เคยไปเรียนที่อื่นมาเหรอ)
  • วิชา Electric Circuit เป็นวิชาที่เด็กติด E มากที่สุด (ภาคไฟฯไชโย) >>> ฟิสิกส์ติด Eกันมากกว่าอีก
  • วิดยาผู้หญิงมักเป็นแฟนกับเด็กวิดวะ ส่วนผู้ชายมักเป็นแฟนกับพยาบาล >>> มั่วๆๆๆ เอาเพื่อนตัวเองมาตัดสินหรือปล่าว
  • วิดวะส่วนใหญ่เป็นแฟนกับเด็กวจก. >> วิศวะได้กับทุกคณะเลยนะ <<< อ่ะ แน่นอน ถึก ดํา ถ่อย เถื่อน แถมจนอีกต่างหาก สเปคสาวๆ
  • เด็กวิดว่ะบอกว่า วจก. ย่อมาจาก วิดวะจัดการ เรียบ!!
  • ตึกหุ่นยนต์คือตึกเรียนของภาควิศวกรรมคอมพิวเตอร์ โดยมีหัวหุ่นเป็นห้องประชุม
  • ส่วนตึก A คือตึกแรกของคณะวิศวกรรมศาสตร์
  • ผู้ชายวิศวะทุกคนรู้ว่าห้อง CH311 อยู่ตรงไหน และต้องจําใจเข้าไปเมื่อยามวิกฤต
    • มันคือห้องแห่งความลับ ถ้าต้องเข้าไปแล้ว ไม่ควรไปเล่าให้คนอื่นฟัง
    • แต่รู้สึกว่าตอนนี้เจ้าของห้องหายสาบสูญไปซะแล้ว
  • ตึกคณะวิศวะกรรมศาสตร์เป็นตึก 2 แห่งในประเทศไทย
  • ตึกคณะวิดวะ มี ตึก A ซึ่งเรียนแล้วไม่ค่อยได้ A
  • ตึกหุ่นยนต์ เป็นตึกที่สร้างเลียนแบบหุ่นยนต์(ต้องมองจาก Top View นะจ๊ะ)
  • พยาบาลส่วนใหญ่เป็นแฟนเด็กวิดวะ>>>>เด็กวิดวะเข้าข้างตัวเองรึปล่าววว
  • วิดวะเป็นคณะที่มีผู้ชายมากที่สุด
  • คณะวิศวะเข้าง่ายแต่จบก่อนหลักสูตรง่ายกว่า
  • ใต้ตึกวิศวคอมมีป้ายสีน้ําเงินแปะที่เสาเขียนว่า "ห้ามรํามวยจีน"
  • เรียนวิศวะฯจบสี่ปี ที่นี่เรียก lnw
  • ใต้ตึกหุ่นยนตร์มีการติดป้ายชัดเจน "ห้ามรํามวยจีน" (ซึ่งแฝงความนัยบางอย่าง)
  • ถ้าใครอยากได้เกียรซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวิศวะซึ่งจะได้ตอนรับน้องจบของ์ทุกรุ่น แนะนําให้ไปงมเอาที่อ่าง(ใครงมก้อบ้าแล้วน้ํามันลึก)>>>>(อ่างเคยขุดลอกครั้งหนึ่งเมื่อปี2543 แสดงว่าไม่ได้มีทุกรุ่น)
  • คณะที่มีหนุ่ม(หล่อ)เยอะที่สุดได้แก่คณะวิศวะ รองลงมาเป็นคณะ วจก. ส่วนคณะที่หนุ่มหน้าตาสวยที่สุดได้แก่คณะพยาบาล >>>> ไม่เยอะสุดได้ไงผู้ชายเยอะสุด


คณะวิทยาศาสตร์[แก้ไข ]

  • ตึกฟักทอง เป็นสัญลักษณ์คณะวิดยา มีทั้งหมด 25 กลีบ บันไดทางเดินไปยังตึกฟัก(ทอง)ก็มี 25 ขั้น
  • ป้ายคณะวิดยาใหม่ มีไดโนเสาร์ถึง 3 ตัว เป็นเพื่อน อยู่ตรงข้างๆทันตะ (ตอนนี้ทาสีใหม่แล้วนะ)
  • ใต้ตึกฟักทองจะมีตู้ปลามีปลาอยู่ 2 ตัว คือพะยูน กะ ปลาวาฬ <-- ตอนนี้ย้ายไปที่พิพิธภัณฑ์แล้วครับ
  • ตึกฟักทองมีทั้งหมด อยู่ 5 ห้อง ทุกห้องจะขึ้นต้นด้วยด้วย L ห้อง L 3 เป็นห้องเดียวที่มีผ้าม่านเป็นสีดํา และห้อง L 1 เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด
  • ห้อง L1 เคยเป็นโรงหนัง (เถื่อนจากสันติสุข) ทุกเย็นวันเสาร์
  • ตึก NML เป็นตึกของคณะวิทย์ที่มีเด็กคณะอื่นมาเรียนมาก กว่าเด็กในคณะ(ตึกฟัก และ วท ด้วย)
  • เพราะตึก NMLชั้น2ขิ้นไป เป็นตึกที่มีอาจารย์ใหญ่ดังนั้นเด็กทางสายสุขภาพจะมาเรียนlabมีเฉพาะเด็กบางภาคเท่านั้นที่เรียน(ไบโอ,ไมโคร) >>>ชั้น2ชั้นเดี่ยวพอครับ ชั้นอื่นไม่มีอาจารย์ใหญ่
  • ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นสายสิญจ์พันอยู่รอบตึด NML >> มีหลายตึกครับที่มีสายสิญจ์
  • ในห้อง NML จะมีเก้าอี้เป็นสีส้ม >>>ห้องNML2,3 สีฟ้าครับ NML4 เป็นโต๊ะlecture ธรรมดาครับ
  • NML ย่อมาจาก New Multiple Lab
  • ตรงทางเข้าตึก NMLจะมีป้ายสีแดงเขียนไว้ว่า โปรดระวังศีรษะ <<<< ตอนนี้หน้าทางเข้ามีป้ายติดว่า ห้ามทิ้งซากสัตว์บริเวณนี้
  • หน้าตึกฟักจะมีช้างอยู่ 2 ตัวสังเกตดีๆ และเยื้องๆมี อีก 2 ตัวคือแม่กะลูก และด้านข้าง 1 ตัว
  • ตึกไดโนเสาร์เป็นชื่อเรียกของตึก วท.ที่มีไดโนเสาร์อยู่หน้าตึก << เคยมีคนเข้าใจผิด เรียกมันว่า "แลน" ด้วย
  • คณะวิทย์มอ.มีสนามฟุตบอลอยู่กลางคณะ ที่สําคัญมีต้นไม้ตั้งตระหง่านกลางสนามเรียกว่า "สนามวิดยาดินแดง"(ไม่ได้อยู่ที่ดินแดงแต่สนามถูกใช้จนหญ้าไม่ขึ้นมีแต่ดินแดง
  • หากมีลูกหลานที่ท่านรัก โปรดอย่าส่งมาเรียนวิทยาฯ เพราะแค่ปีหนึ่งก็ปางตายกันเกือบทุกคน แต่หากผ่านปี 1 ไปได้ ก็แทบจะจบ 4 ปีได้ทุกคน (เหลือจบ 4 ปี ประมาณครึ่งต่อครึ่ง) และวิดยามีเปอร์เซนต์การซิ่ว เปอร์ น้อยกว่าวิดวะอีกนะ >>>>>> ไม่จริง ไม่ปางตายซะหน่อย ผมว่าปี 2 เรียนยากที่สุด
  • ถึงยังไงตอนนี้ก้อยังมีคนเรียน ป.ตรีวิดยาเป็นปีที่แปด ซึ่งหาได้ยากมากๆ >>> พี่เค้ามีปัญหาสุขภาพหยุดเรียนไปครับ
  • ตึกฟักทองมาจากตึกจานบินของมหิดล
  • วิดยาเป็นคณะเดียวในมอ. หาดใหญ่ ที่มีพิพิธภัณฑ์ (เปิดวันพุธ-อาทิตย์) แต่จะครึกครื้นเฉพาะสัปดาห์วิทย์กับวันเด็ก
  • วิดยาอีกเช่นกัน เป็นคณะที่มีภาควิชามากที่สุดในมอ.
  • ทุกปีในช่วงกลางเดือนสิงหา ช่วงกลางวันวิดยาจะคึกคัก (เพราะมีงานสัปดาห์วิทย์ฯ) แต่ช่วงกลางคืนทรัพย์ฯ จะคึกคักเช่นกัน(เพราะมีงานเกษตรฯ)
  • ทุกปี จะมีบัณฑิตวิทยาศาสตร์เกียรตินิยม ที่เคยเป็นว้าก อย่างน้อย 1 คน
  • วิดยาเป็นคณะแรกของมหาวิทยาลัยที่มีทีมรักบี้
  • จบวิดยาที่นี่ทํางานได้หลายอย่าง แม้กระทั่งมือกีตาร์ <-- จบฟิสิกส์ ขับ 10 ล้อก็มีนะครับ
  • กลศาสตร์ควอนตัม (วิชาปี 3) ของวิดยาที่นี่ ได้ชื่อว่ายากที่สุดในประเทศ
  • วิดยามีนักกีฬาตัวแทนจังหวัดไปแข่งกีฬาแห่งชาติด้วย (แต่ไม่ค่อยมีใครรู้)
  • ถ้าไปที่วิดยาแล้วฝันถึงอะไรเหลี่ยมๆ ไม่ต้องตกใจ เพราะวิดยามีแต่ "เหลี่ยม" ตึกคณะก้อมีหินขัดสี่เหลี่ยม ลานหินแตกก้อมีลายสามเหลี่ยม
  • เนื่องด้วยเพลงประจําคณะวิดยาต้นฉบับร้องยากมากๆ จึงมีการปรับทํานอง เปลี่ยนคําร้อง จนแทบจําไม่ได้ เพิ่งมีการเผยแพร่เพลงต้นฉบับ เมื่องานเลี้ยงศิษย์เก่า ก.ค. 51 ที่ผ่านมานี้เอง
  • เพราะเพลงประจําคณะวิดยาต้นฉบับร้องออกแนวสุนทราภรณ์
  • วิชาควอนตัมเมคเคนิค เป็นวิชาที่มีเทพ(หรือเมพหว่า)อักษรเป็นคนสอน ซึ่งได้รับพลังมาจากซุปเปอร์ไซย่าระดับ 7 (ที่จริงแกก็ปล่อยพลังทุกวิชาที่สอนนั่นแหละ)
  • พอลิเมอร์เป็นภาควิชาที่มีคนเลือกมากที่สุดในวิทยาศาสตร์ รองลงมาเคมี และคอม แต่พอลิเมอร์มีแต่คนถูกสาบแข็งเป็นหิน >>>มั่วๆ แต่ละปีไม่เหมือนกันครับ
  • 146 คือจํานวนสายตระกูลในคณะ (เยอะที่สุดในประเทศแล้วมั้ง)
  • 50 % ของเด็กคณะวิทย์(กายภาพ)เกลียดวิชาฟิสิกส์ (รวมถึงข้าพเจ้า TT Noob Jiew)เนื่องจากมันยากมาก บางทีอาจารย์สอนแล้วแสงมันเข้าตา(ประมาณว่าผมน้อย)มองไม่ค่อยจะเห็น (เพราะตัดเกรดกับวิศวะหรือเปล่า?และเมื่อก่อน 39-40 ยังตัด ชีว กับแพทย์อีกต่างหาก) >>>>ตอนนี้อาจารย์สาวๆแล้วทั้งนั้น
  • ต่อเนื่องจากเหตุผลข้างบนทําให้มีคนติดอีฟิสิกส์เกือบครึ่งคณะ พวกที่รอดคือพวกที่ดร็อปไว้ และ พวกที่เมพขิงๆ เท่านั้น
  • หน้าฝน ฝนตกหนัก ตึกฟักน้ํานอง น่ากลัวฟักทองจะเน่า เพราะน้ําขัง
  • มะม่วง น้ําปลาหวานที่คณะวิดยาอร่อยมาก เด็กวิดวะ ขอคอนเฟิร์ม ลองไปกินดูแล้วจะติดใจจร้า

ม.อ.ปัตตานี[แก้ไข ]

เรื่องทั่วไป[แก้ไข ]

  • "รูสะมิแล" ชื่อที่ตั้งของ ม.อ. ปัตตานี แปลว่า "ดินแดนแห่งสนเก้าต้น"
  • "อาเนาะรู" เป็นชื่อตําบลใกล้ๆ กัน แปลว่า "ลูกสน"
  • คลอง 200 ปี เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของม.อ.ตานี (สมัยก่อนเป็นตลิ่ง มาเปลี่ยนเป็นคอนกรีตเมื่อประมาณปี 42-43)
  • พระบิดา ม.อ.ปัตตานี ทรงยืน ซึ่งเป็นพระราชานุสาวนีย์พระบิดาแห่งเดียวในโลกที่ทรงยืนแต่ที่ ม.อ.หาดใหญ่ ทรงนั่ง เป็นที่มาของความคิดที่ว่า ม.อ.หาดใหญ่ สบายกว่า ม.อ.ปัตตานี
  • เพลงประจํา ม.วงสุนทราภรณ์แต่งโดยไม่เคยเห็นมหาวิทยาลัย ในเนื้อเพลงบอกว่าม.ติดทะเล สวยงามมาก แต่ที่จริง ม.ปัตตานี มีแต่ทะเลโคลนซึ่งทําให้มหาวิทยาลัยมีพื้นที่เพิ่มขึ้นทุกปี และเป็นสถานที่สําคัญในการรับน้อง
  • เพลงเขตรั้วสีบลู มีท่อนนึงร้องว่า "คอหงส์ เช่นกัน" แต่เด็ก มอ.ปัตตานี จะร้องว่า "คอหงส์ ชั่งมัน"
  • เพลงประจําวิทยาเขตคือ "เพลงทิพย์สถาน" ซึ่งร้องยากที่สุดเพลงหนึ่ง ในการว๊ากเชียร์
  • สัตว์ประจํา ม.อ.ปัตตานีคือ "ปลาตีน" มีเพลงประกอบด้วยชื่อเพลง "หัวใจปลาตีน"
  • ม.อ.ตานี มีสระว่ายน้ําครึ่งสระ ม.อ.หาดใหญ่มีสระว่ายน้ํา สระครึ่ง (เพราะแบ่งจากม.อ.ปัตตานีไป ครึ่งสระ ก่อนที่จะได้งบสร้างสระใหม่ แต่ตอนนี้ไม่รู้มีกี่สระแล้ว)
  • หน้าม.ปัจจุบันนี้อดีตคือสวนมะพร้าวหลังม. หน้าม.ที่แท้จริงคือหลังม.ในปัจจุบัน สังเกตุได้จากถนนกว้างขวาง 4 เลน และมีป้ายบอกทางจากในตัวเมืองให้เข้าทางที่ปัจจุบันเป็นหลังม.
  • ครั้งหนึ่ง ม.อ.ตานี เคยถูกเรียกว่า ม.กล้วยไข่ จากการลงข่าวของหนังสือพิมพ์มติชน เรื่องการรับน้องมหาลัย ซึ่งมีภาพ น.ศ.หญิงกะลังอมกล้วยไข่ที่ตั้งอยู่บนเป้าของบัดดี้ชาย (รับน้องปี 41)
  • เนื่องด้วยเหตุการณ์ข้างบน เราเลยมี "บูมกล้วยไข่" เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งบูม
  • ถนนที่วิ่งตัดผ่าน ม.เส้นนั้น (ก็มีอยู่เส้นเดียวแหล่ะ) เรียกว่า Street of Mor-Or Pattani

กิจกรรมนักศึกษา[แก้ไข ]

* ร้องนับ-รับน้อง

    • น้องปี 1 ที่มอ. ปัตฯ นอกจากจะมีพี่รหัสแล้ว ยังมีพี่มาลัยจากการรับน้องมาลัยในวันแรกที่เข้าสู่รั้วสีบลู
    • ช่วงรับน้องเด็กปี 1 ทุกคนจะต้องถูกถามว่า "พ่อมึงคือใคร ชื่ออะไร" ต้องตอบให้ถูกต้อง "พ่อผมคือพระราชบิดาครับ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหิตลาธิเบต อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก" (มีพระราชประวัติสลักอยู่หลังพระรูปหน้าสนอ.)
    • พี่มาลัยจะเทคแคร์ดูแลน้องมาลัย ดีมากตลอดจนพี่จบ
    • รุ่นเดียวกันเราก็ยังมีเพื่อนบั๊ดดี้ในวันรับน้อง ซึ่งผู้ชาย1คนจะมีบั๊ดดี้ผู้หญิง 2-3คน
    • ช่วงรับน้อง จะมีรุ่นพี่ไปจับปลาในคลอง 200 ปีมาปรุงอาหารให้กินกัน
    • ปี 39 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐลงข่าวหน้า 1 การรับน้อง ม.อ.ตานี ว่า "รุ่นพี่เถื่อน รับน้องโหด" นับว่าเป็นข่าวที่เหมาะสมอย่ายิ่งเพราะพี่ก็เถื่อน น้องก็โหด จับคู่กันได้ลงตัวที่สุด
    • ปี 1 หญิงต้องใส่กระโปรงอัดจีบสีดํา รองเท้าผ้าใบสีขาว ผิดเพื่อนเมื่อไร ฉาวไปทั้งมอ.
    • ช่วงเดือนแรกของน้องใหม่ ผู้ชายจะไปร้องเพลง"ตื่นเถิดควายไทย อย่าหลับไหลลุ่มหลง ชาติจะเรืองดํารง ก็เพราะควายทั้งนั้น..." ที่หอหญิง ในตอนเช้าตรู่ ผู้หญิงจะสาดน้ํา+น้ําปลา+น้ําผงซักฟอก ลงมา ตามแต่จะหาได้
  • นอกจากพี่มาลัย พี่คณะ พี่เอก ก็ยังมีพี่จังหวัด พี่อําเภอ พี่โรงเรียน และพี่อื่นๆอีกมากมาย
  • ที่นี่นอกจากมีพี่รหัส พี่มาลัยแล้ว ยังมี พี่ buddy พี่เอ็นดู พี่สีผิว และพี่อื่น ๆ ตามที่ใครจะนึกได้อีก+พี่ดูเอ็น+พี่สังเวช+พี่สงสาร+พี่หน้าตา....

* ตําแหน่งตาวต่างๆ

    • ที่นี่มีตําแหน่งดาวซกมก ดาวซินโดรม ดาวบ้านๆ...
    • ปี 39 มีดาวเฟรสชี่ ดาวคณะฯ ดาวบ้านๆ ดาวเดิล ดาวเทียม ดาวนกแก้วนกขุนทอง ดาวจอนห์เอฟ ดาวพ่อโขงแม่โขง ดาวบังอรเอาแต่นอน ดาวเท้าไฟ(สมัยยังมีเทคลานกิจฯ) ดาวมอด ดาวกระจาย.....
    • ผู้ที่ได้ดาวมากที่สุดในปี 39 คือ น้องวรรณ เอกจีน ได้ทั้งหมด 4 ดาว เธอสร้างประวัติศาสตร์โดยสามารถคว้าดาวเดิล และดาวบ้านๆ ไปครองได้ในคนเดียวกัน สร้างความประหาดใจให้เพื่อนๆ เป็นอย่างยิ่ง
    • ปี 41 มี "ดาวเก๊ก" ด้วย มด เอกบรรณได้ไป สวยเหมือน เคท วินสเล็ต แต่เพื่อนสนิทกลับงง เพราะตัวจริงเธอทั้งต๊องทั้งฮามาก (น่ารักดี)

* องค์การ...ชมรม..ชมรม..

    • ชื่อเต็มๆ ขององค์การฯ คือ "องค์การบริหาร องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี"
    • ชมรมอาสาพัฒนาชนบท เป็นชมรมที่มีคนยี้ที่สุดใน ม.ตานี แต่มีสมาชิกค่ายมากที่สุดใน ม.ตานีเช่นกัน
    • ป้ายประชาสัมพันธ์โครงการขององค์การนักศึกษา เรียกว่า คัทเอาท์ อยู่หน้าลานประดู่ ปีนกันเกือบทุกสัปดาห์
    • ป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ ม.ตานี ทําเองครับ ไม่มีการการจ้าง ฝีมือล้วนๆ

* งานประจําปีของ ม.ตานี (รวมไปถึงชมรมจัดด้วย) มีอยู่มากมาย

    • งานวัด (วัฒนธรรม)
    • งาน Bye Freshy
    • งาน Bye' nior
    • ประชุมเชียร์ ประชันเชียร์
    • งานสานสัมพันธ์ วรรณกรรม และดนตรีเพื่อชีวิต - โดยชมรมอาสา
    • งานรักษ์ไทย เป็นงานที่จัดมาตั้งแต่ปี 36 จนถึงปัจจุบัน - โดย ชมรมนาฏศิลป์และดนตรีไทย
  • มีประเพณีปั่นจักรยานไปตะโล๊ะกะโปร์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ไบค์ทัวร์ (สมัยนี้คงไม่มีแล้ว)
  • ประเพณีการปั่นจักรยานเป็นคู่ไปหาดตะโล๊ะกะโปเรียกประเพณีไบค์ทัวร์ สาวหรือหนุ่มที่เป็นคู่ปั่นจักรยาน เรียกว่า "คู่ไบค์"
  • ลานแด๊นซ์หลังลานอิฐก็ดิสโก้เธคในสมัยก่อน ต้องคอยระวังเด๊าะแด๊ะมาลวนลาม
  • วันเปิดหอ (ให้นศ.ชายเยี่ยมหอหญิง หญิงเยี่ยมหอชายได้) ถ้านศ.ชายคนใดขึ้นไปนั่งบนเตียงน.ศ.หญิง แสดงว่าเป็นแฟนกัน (ตอนนี้ไม่มีแล้ว)

ความเชื่อ[แก้ไข ]

จริงหรือมั่ว ชัวร์หรือไม่

  • "ไข่ต้ม" เป็นสิ่งที่นักศึกษา "ม.สงขลานครินทร์" นํามาแก้บนกับอนุสาวรีย์พระบิดา ซึ่งความจริงมาจาก ผศ.สมชาย พูลพิพัฒน์ จะทําไข่พะโล้เลี้ยงนักแสดงโขนในการแสดงโขนประจําปี ซึ่งแสดงที่หอประชุม สํานักงานอธิการบดีก่อนการแสดงจะใช้ไข่ต้มสักการะพระราชบิดาเสร็จแล้วจึงเอามาทําไข่พะโล้เลี้ยง
  • เชื่อว่าถ้าเหยียบเส้นที่ถนนตรงซุ้มแดงหน้าตึกสิบเก้า "มอ.ปัตตานี" จะเหมง (ไม่มีแฟน)
  • แต่ถ้าหายเหมงแล้วจะต้มถั่วเขียวเลี้ยงเพื่อน
  • หอ 5 (หญิง) มีน.ศ.ร่ําลือเรื่องเห็นวิญญาณเดินอยู่บนดาดฟ้า
  • โรงเก็บรถใต้ดินหอ 7 ผีดุ
  • มุสลิมที่นี้ใจดีมาก ขนาดไม่ชอบหมา แต่ก็ยังใจดี อนุญาตให้หมาที่น่าสงสารอยู่ด้วยกัน
  • เชื่อว่าถ้าเหยียบเส้นที่ถนนตรงซุ้มแดงหน้าตึกสิบเก้า "มอ.ปัตตานี" จะเหมง (ไม่มีแฟน) รู้สึกว่ามันจะหายไปซัก 2-3 ปีแล้ว
  • ทุกปี จะมีวันหนึ่งที่เชื่อว่า วิญญาณผีญี่ปุ่นจะเดินเตร่ทั่วมอ. ปัตตานี (วันไหนนั้น ว่างๆ จะคํานวณมาบอกอีกที )วิธีป้องกันไม่ให้ผี่ญี่ปุ่นมาเยือน คือ... เก็บสิ่งที่เป็นสีขาว และ สีแดง ให้หมด เพราะเป็นสีธงชาติโกโบริ

คํานิยามต่าง

  • หอวิไลรัตน์เรียกว่า "หอโหด" เพราะติดป้ายคิดค่าปรับตามต้นผลไม้ต่างๆภายในหอ เพื่อไม่ให้เด็กเก็บกิน
  • รถโดยสารจากใน มอ.ไปตัวเมืองเรียกว่ารถ "กะป๊อ" (สมัยสิบปีก่อนเรียกว่า ป๊อก ป๊อก แล้วอ่ะ)
  • เรียกห้องเรียนรวมว่า "ห้อง500" มั่งถ้าจําไม่ผิด (ไม่ผิดหรอก-อดีตประธานหอ3)
  • คําว่า "ดอม" ของชาว อาเนาะรู แปลว่าไปแอบดู??
  • สถานที่ที่ดอมแล้วประสบความสําเร็จที่สุด คือ ต้นมะขามหน้าตึกเรียนของโรงเรียนสาธิต โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 2 ทุ่ม เป็นต้นไป จนประมาณตี 2 แต่ ต้องปีนต้นมะขามขึ้นไปรอก่อนหน้าอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
  • คําว่า "มอด" หมายถึง ไปจิ๊กของกินชาวบ้านชาวช่องเค้า จนในการประกวดดาวมหาลัย ต้องมีตําแหน่งดาวมอด
  • รถตุ๊ก ๆ เด็ก มอ.ตานี เรียก "ป๊อก ป๊อก"
  • "เด๊าะแด๊ะ" คือคําเรียกเด็กวัยรุ่นผู้ชายที่ไม่ใช่เด็กมอ. (ส่วนมากจะหน้าตาน่ากลัวมาก)
  • "เด๊าะดี้" คือคําเรียกเด็กวัยรุ่นผู้หญิงที่ไม่ใช่เด็กมอ. (ไม่จํากัดหน้าตา)
  • "เหมง" คือ ไร้คู่ "ต้มถั่วเขียว" เป็นการแก้เคล็ดเหมง หรือเป็นการประกาศว่า "ตรูมีคู่แล้วโว้ย.."
  • เด็ก มอ.ปัตตานี จะเรียก วิทยาเขตตัวเองว่า "ม.ตานี" แต่ถ้าเด็กวิทยาเขตอื่นจะเรียก "ม.ปัต"
  • ประเพณีการปั่นจักรยานเป็นคู่ไปหาดตะโล๊ะกะโปเรียกประเพณี "ไบค์ทัวร์" สาวหรือหนุ่มที่เป็นคู่ปั่นจักรยาน เรียกว่า "คู่ไบค์"
  • "สัตว์ประหลาด" เป็นชื่อของเมนูอาหารชนิดหนึ่ง ไม่ขายแต่ให้ฟรี มีให้กินเฉพาะที่โต้รุ่งเท่านั้น ร้านเบิ้มนครปฐม เป็นแมนูตีนไก่ ในน้ําซุป ไว้แทะตีนเล่น ไปช้าหมด อดกิน
  • "เข้" คือ ผู้ชายหน้าตาร้ายๆ แต่ทําว่าพี่หล่อ จีบสาวๆไปทั่ว โดยไม่รุตัวว่าเลยว่า... (สมัย ก่อนปี43)
  • "เข้" (นิยามจากชมรมอาสาพัฒนาชนบท) เป็นได้ทั้งหญิงและชาย คารมเป็นต่อ หว่านไปทั่ว เรื่องหล่อ สวยไม่ใช่ประเด็น บางปีมีเข้ (หล่อ สวย) ขั้นเทพ
  • ถามหา "เข้ตัวพ่อ" มีอยู่หลายคน และหลายสมัย เอาสมัยที่จําได้ รหัส 43 ขณะนี้อยู่ภูเก็ต ได้ข่าวว่าเป็นอาจารย์อยู่ที่ ราชภัฏภูเก็ต (อันนี้ต้อยอมรับว่าเค้าหน้าตาดีจริง)
  • คําฮิตประจําม. "กะเบอะ ตะ หล่าว" เด็กเต็บติดกันตุ๊กคนเลย "นิ"
  • "เพ็นกวิน" "นินจา" เป็นนิยามที่ใช้เรียก คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
  • คลอง 200 ปี นิยามของ 200 ปี คือ ความเหม็นเน่าของมันสะสมมาเป็นระยะเวลา 200 ปีแล้ว (เป็นคลองที่รองรับน้ําเสียจากอาคารต่างๆ เพื่อบําบัดต่อไป)
  • มุสลิมะห์จะถูกเรียกโดยรวมว่า "ก๊ะ" ที่มีความหมายว่า พี่สาว ในภาษามลายู เรียกกันทีหันกันพรึบ

ว่าด้วยเรื่องปากท้องของกิน

  • ร้านอาหารที่ลานอิฐสามารถหลับตาชี้นิ้วสั่งอาหารได้เลยเพราะมีเมนูเดิมๆ ถาดอาหารก็วางที่เดิม
  • เมนูประจําเทศกาลรับน้องคือข้าวเกรียบปลาทอด ใครรับหน้าที่นี้ไปก็ยืนทอดกันเมื่อยเลย
  • โรตีกับชาเย็นร้านบังหนูด หน้าวงเวียน ม.อ.ตานี อร่อยที่สุดในโลก (ช่วงปีรหัสสามสิบถึงสี่สิบต้นๆ ต้องที่สะพานแคลิฟอร์เนียเท่านั้น)<--รุ่นพี่รหัส 36 ช่วยยืนยัน
  • ปีเก่าส่งท้ายปีใหม่ จะมีโปรโมชั่นทําโรตีแจกฟรี (บังหน้ามอ.) ใครอยากกินโรตีใส่ไข่ ก็ซื้อไข่ไปให้บัง
  • และในช่วงเดียวกันของปี 49 ร้านกาแฟที่โรงช้างก็เคยมีโปรโมชั่นแถมวิปปิ้งครีมเหมือนกัน
  • หลังหอ 6 มีขนมของว่างของป้าหมูมาขาย
  • ลานอิฐไม่เคยหลับไหล
  • ร้านอาหารในลานอิฐ ชั้นล่างร้านที่2 ลูกสาวสวย
  • บังโซ๊ะ เป็นที่พึ่งของเด็กยามสอบ
  • ร้าน ๙ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เพราะแอร์ไม่เย็น
  • กรือโป๊ะ หรือกะโป๊ะ เป็นของกินคู่กับน้ําชาที่ขึ้นชื่อที่สุด ยุคนึง น.ศ.มอ.ตานีทุกคนต้องไปนั่งกินกรือโปะกับโอดิบที่แคลิฟอร์เนีย(บางคนก็เรียกริเวอร์ไซด์) รู้สึกเอกฝรั่งเศสจะเรียกว่า ลาแซล
  • ข้างร้านหนังสือต้นไผ่ มีร้านอาหารอร่อยแต่ทําช้ามาก จนได้ชื่อว่า "ร้านป้าเฉือย" บางคนก็เรียกร้าน "ลุงเต่า"
  • ที่ลานอิฐมี KFC ที่ย่อมาจาก ก๊ะ ฟราย ชิคเก้น หรือ ข้าวไก่ก๊ะ หรือ อีกชื่อหนึ่ง ไก่ทอดน้องจ๋า ผู้ชายไปซื้อจะให้เยอะมาก แถมลัดคิวให้ด้วย (ตอนนี้ไม่รู้ยังขายอยู่ป่าว)
  • ร้านอาหารพุงกาง ข้าวกับกับข้าวให้อย่างเยอะ กินแล้วคุ้มมาก (เพื่อนกินจนเหลือขนาดขอข้าวน้อยแล้ว)
  • ก๋วยเตี๋ยวแถวโรงพักที่เป็น "ก๋วยเตี๋ยวต้มยํา" ใส่กระดูกหมู ร้านนี้อร่อยจริงๆ ถ้าไปกินบ่อยๆ คนขายจะจําได้เลยว่าจะสั่งอะไร ไม่ใส่อะไร พิเศษอะไร บริการดีมาก (แต่พนักงานน้อยมาก)
  • ตลาดโต้รุ่ง มีร้านขาย "ก๋วยเตี๋ยวจับกัง" อร่อยดีแต่บางครั้งก็รอนาน เจ๊คนที่บริการจะหน้าตานิ่งๆ แต่ยิงมุขที.. บอกได้คําเดียวว่า "โดน"
  • ตลาดโต้รุ่ง ตรงข้ามร้านก๋วยเตี๋ยวจับกัง เป็นร้านขายข้าวราดแกง ข้าวให้เยอะมาก กับข้าวถึงจะเดิม ๆ แต่ก็อร่อยทุกวัน กับข้าว 2 อย่าง 25 บาท (คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม)
  • ร้านติ่มซํา อยู่ใกล้ๆ ตลาดโต้รุ่ง (แต่อยู่ถนนอีกเส้นนึงจําไม่ได้) ร้านนี้จะราดน้ําที่มีไขขาวฝอยๆ อร่อยมากแข่งละ 12 บาท ขายแค่ตอนเช้าเท่านั้น
  • ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูชิ้น (ข้ามสะพานเดโชชิดซ้ายตรงไป 2 แยกเลี้ยวขวาแยกที่ 2 น่าจะเป็นทางนี้แต่ไม่รู้ว่าถนนชื่ออะไรจําไม่ได้) นับชิ้นหมูได้ทีเดียว มีขายทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และหมู หน้าร้านมีขายหมูสะเต๊ะด้วย

ถ้าบอกป้าเค้าว่า เตี๋ยวหมูชาม จะได้ชามใหญ่มา ราคา 30 บาท ถ้าอยากกินชามเล็กต้องบอก ราคา 25 บาท ถ้าไม่บอกจะได้ชามใหญ่เท่านั้น!!!

  • ร้านหมูกระทะ "กระทะทอง" (ใกล้ปั๊มบางจาก) จะมีนักศึกษาไปอุดหนุนอยู่เป็นประจํา.. แต่จะมีอีกร้านที่ได้ยินว่าอร่อยกว่า (แต่ไม่เคยกินเลย)
  • หลังจากที่ Big C มาเปิดที่ปัตตานีก็มักจะมีข่าว "ระเบิด Big C" อยู่เป็นประจํา (ได้ยินว่าจะระเบิดมา 5 ครั้งเห็นจะได้ //46)
  • Big C จะมีร้านสเวนเซ่น นักศึกษาก็มักจะไปเป็นประจําเช่นกัน และชอบเดินเล่นที่ Big C มากกว่าไดอะน่าซะอีก!!
  • ไดอาน่า (ปี 36)มีแต่บันไดเลื่อนขึ้น ไม่มีบันไดลง
  • รอบหนัง 4 ทุ่ม โรงหนังปัตตานีรามา จะฉายหนังโป๊ มีแต่ผู้ชายกับตังเก ไปดูเต็มโรง ตอนนี้กลายเป็น Big C ไปแล้ว
  • ซื้อเสื้อผ้ามือสองไม่ต้องไปถึงปารัต ไปแค่ จะบังติกอ ก็ได้ของดีราคาถูก
  • สถานีรถไฟปัตตานี ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองปัตตานี แต่ไปอยู่ที่ อ.โคกโพธิ์
  • ใครไปต่อรถในเมืองเพื่อไปสถานีรถไฟด้วยตัวคนเดียว แนะนําให้มองหานักเรียนเด็กๆ คุยด้วย จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น เพราะที่คิวรถรอบข้างมีแต่ภาษายาวี บรรยากาศเหมือนอยู่เมืองนอกยังไงยังงั้น (ปัจจุบันคงไม่มีใครไปคนเดียวแว้ว)

เรื่อง หอ หอ...

  • คําขวัญประจําหอหญิง (ผวนกันเอาเองนะ)
    • หอ อี๋ 5
    • หอ 6 สก กะ ปี๋
    • หอ 7 เห็ด ปี๋
    • หอ 8 เต่า
  • แม่บ้านหอ 6,7 ขึ้นชื่อลือชาว่าดุ เฮี๊ยบมาก
  • คู่ใดออกไปอ่านหรือติวหนังสือตามลําพังแถวทะเลโคลน จะถูกฉุด ทําร้าย (ก็ที่มันเปลี่ยวอ่ะ สมัยนั้น)
  • น.ศ.ปีหนึ่งจะมีสอบวิ่งมินิมาราธอนจากวัดช้างไห้ไปน้ําตกทรายขาว วิชาพีอีอะไรนี่แหล่ะ
  • สาวหอ 7 มักจะสวย /ไม่จริงมั๊ง สาวหอ 3 สวยที่สุด
  • มีหอหญิง (หอ 4) แยกอยู่กับกลุ่มหอหญิงทั้งหลาย และอยู่กลุ่มเดียวกับหอชาย
  • สุสานจักรยานอยู่ใต้หอ 6,7
  • เวลาใครจะตามเพื่อนหรือประกาศรับโทรศัพท์ประจําชั้นก็ใช้โฟนที่ห้องคอมมอน ชาวบ้านรู้เรื่องกันไปทั้งหอ ตัวอย่างเช่น "ขออนุญาตใช้โฟนค่ะ น้องวรรณ เอกจีน มีผู้ชายโทรมาหาค่ะ ลงมารับโทรศัพท์ที่ห้องคอมมอนด้วย ขอบคุณค่ะ โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง (พูดเหมือนเดิม)
  • คลองเลียบหอ 6 7 เหม็นเน่าตลอด ฝนตก น้ําท่วมด้วย
  • เวลาตรวจหอ จะมีการโยนตะกร้าใส่เตารีด (หอมีเตาส่วนกลางมาให้ใช้) ลงไปใต้หอ
  • หอ 3 มักถูกโจรปล้น แต่ไม่เคยจับได้ (เพราะยามรอให้โจรหายหย้าไปก่อน แล้วค่อยมา ทั้งๆที่อยู่ใกล้ป้อมยามหลังมอ.มากที่สุด)
  • หอ 3 มีบูมหอคือ"หล่อ ติ้งต๊อง บ๊อง บ้า ฮาขี้แตกขี้แตน หนุ่มหอ 3 เฮ่... (ผู้ที่คิดบูมหอนี่คือ พี่ฉอยฝรั่งเศส)
  • บูมหอ 2 คือ "เลวชาติ อุบาดชั่วรุ่นน้องหอสอง ดีเลิศประเสริฐศรีรุ่นพี่หอสอง"
  • หอศรีตรัง เป็นหอที่สร้างขึ้นจากเนื้อเพลงเพลงหนึ่งของมหาวิทยาลัย คิดสิว่าเพลงอะไรหนอ..... ศรีตรังประดังดวงดอกบาน ผั่บๆๆๆ (เสียงหลังคาโดนลมพัดไหว)
  • เก้าสนคอร์ทเคยเป็นที่พักที่หรูสุดของชาวมอ.ตานี(นานมาแล้ว)
  • คลองข้างหอ 6 และ 7 เคยมีชาวอนุรักษ์พยายามจะนําบัวมาปลูกเพื่อความสวยงามแต่....
  • ใครอยู่ หอ 5 จะมีเรื่องเล่า "ลิฟท์แดง" ใครเข้าไปใช้จะตายอยู่ในลิฟท์

แต่ที่จริงแล้วเค้าไม่ใช้ลิฟท์เพราะว่ากินไฟมากเกินไป (ไฟจะดับทั้งหอ) จึงไม่ให้ใช้ลิฟท์แต่อย่างใด (เห็นว่ายังไม่มีใครตายในนั้นซักคน)

  • หอ 5 ชั้น 4 จะมีอยู่ห้องนึงที่ติดยัน (ยันตัวอักษรจีน) หน้าห้อง ได้ยินมาว่าใครที่อยู่ห้องนี้แล้วไม่ไปเรียน (โดดเรียน) จะมีมือมาคอยกระชาก มาปลุกให้ตื่น..
  • หอเปิดใหม่เดินทางต่อจากหอศรีตรังตรงไปจะเรียกกันว่า "หอสหกรณ์ฯ" ชื่อเต็มจะยาวกว่านี้ (จําไม่ได้) สร้างจากเงินของสหกรณ์ มอ.ปัตฯ สร้างเสร็จประมาณปี 2547
  • หอสหกรณ์ฯ ถ้ามองเข้าด้านหอพัก ปีกซ้ายจะเป็นหอหญิง ปีกขวาจะเป็นหอชาย
  • หอพักหญิงของหอสหกรณ์ฯ ใต้หอจะมีร้านอินเตอร์เน็ตเปิดทุกวัน (ถ้ารู้จักกับเจ้าของร้านบางครั้งเค้าจะฝากปิดไฟ ปิดประตู ปิดเครื่องให้ด้วย เพราะง่วงนอนแล้ว คนในหอไม่ยอมนอนซักที 555)
  • หอพักหญิงของหอสหกรณ์ฯ นี้แต่ละห้องไม่ได้เก็บเสียง เวลาใครอ่านหนังสือหรือทํากิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิ

แล้วถ้าห้องข้างๆ เกิดอารมณ์ดีร้องเพลงเสียงดังขึ้นมา จะเป็นเรื่องกันได้ง่าย (โปรดระวังและเกรงใจกันบ้าง)

กิจกรรมอื่นๆ...

  • หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ นักศึกษาก็ต้องระวังตัวมากขึ้น (ก้มดูใต้ท้องรถแล้วหรือยัง)
  • ยามว่างถ้าไม่เช่าการ์ตูน ก็มักจะเช่าหนังมาดู (มีร้านหนังเปิดใหม่อยู่เยื้องๆ ตรงข้ามกัน) ไม่ก็นั่งกินน้ําชา หรือเล่นเกมที่ร้านเน็ท
  • ที่วิทยาเขตปัตตานี มี 7-11 น้อยมากๆ (บางครั้งก็มีเจ๊งด้วย ใครนัดเจอใครตอน 7-11 เจ๊งมาเจอกันได้ที่นี่)
  • โรงหนัง "พาราไดซ์" ปิดตัวลงตั้งแต่ปี 50 ตอนนี้เป็นบ้านให้นกนางแอ่นแล้ว (ได้ดูเรื่อง ชัตเตอร์ หลอนสะใจมาก เพราะโรงหนังเป็นรูบนเพดาน แต่คนดูเต็มโรงจนต้องหาเก้าอี้เสริม 555)

นินทาอาจารย์/มหาลัยฯ/นินทากันเอง ฯลฯ[แก้ไข ]

งานทะเบียน...ที่ไม่เคยเปลี่ยน

  • ฝ่ายทะเบียนขี้บ่น หน้าบอกบุญไม่รับ และนักศึกษาชอบนินทาลับหลังมากที่สุด
  • ระวัง ใครที่ญาติป่วย มีปัญหากับแฟน เกรดต่ํา บ้านมีปัญหาเรื่องปลวก ห้ามไปติดต่อกับฝ่ายทะเบียนเป็นอันขาด เพราะ
    • ท่านที่ญาติป่วย ฝ่ายทะเบียนจะทําให้ท่านรู้สึกว่า ญาติท่านเสียไปแล้วเมื่อกี้
    • ท่านที่มีปัญหากับแฟน ฝ่ายทะเบียนจะทําให้ท่านรู้สึกว่า แฟนของท่านทิ้งท่านไปมีแฟนใหม่ และแฟนใหม่ของแฟนเก่าท่านมิใช่ใคร เขาก็คือ เพื่อนที่กินข้าวด้วยกันทุกเช้าที่ลานอิฐนั่นเอง รู้สึกแย่มากๆ
    • ท่านมีมีปัญหาเกรดต่ํา ฝ่ายทะเบียนจะทําให้ท่านรู้สึกว่า เทอมหน้าท่านจะไม่มีสิทธิ์ลงทะเบียนได้อีกแล้ว
    • ท่านที่บ้านมีปัญหาเรื่องปลวก ฝ่ายทะเบียนจะทําให้ท่านรู้สึกว่า ปลวกน่ารักกว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนเยอะเลยยยย
  • เมื่อใดที่นกกระสา(ตัวสีขาวๆ อะน่ะ) มาด้อมๆ มองๆ ในคลองสองร้อย เพื่อหาปลากิน แสดงว่า...นกกระสาตัวนั้นบ้าไปแล้ว
  • นศ.ทุกคนจะได้เดินบนสะพาน 200 ปี (เปลี่ยนเป็นสะพานสหัสวรรษประมาณปี 42-43)
  • ตึกส้มเป็นตึกที่สร้างได้แย่มาก(ใครไม่เห็นด้วยโปรดแก้ไข) รองลงมา ตึกคณะมนุษย์ เพราะ บันไดหายตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไป (มันหลบไปอยู่ด้านข้าง)
  • ตึกมนุษย์ฯ จะเป็นรูปเรือ (เหรอ ช่วงปี 40 ต้นๆเค้าเรียกกันว่าตึกสงฆ์อ่ะเพราะเหลืองอร่ามมาก)
  • มอ.ปัตตานี จะมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะอยู่ติดชายฝั่งทะเล(โคลน) อ่าวไทย (แต่ในปัจจุบันจังหวัดปักหมุดเอาไว้แล้ว จึงไม่มีพื้นที่เพิ่ม)
  • ถึงจะเป็นทะเลโคลน ถ้าได้เรียนที่ชั้น 4 ตึก 19 ลองมองออกไปนอกหน้าต่างดิ วันฟ้าใสทะเลจะสีสวยมาก
  • มอ.ปัตตานีมีพี่ ๆ ทหารมาลาดตระเวณเป็นประจํา(และจะมาจีบเด็กมอ.ด้วย)
  • ใบไม้ที่ มอ.ปัตตานีจะเปลี่ยนสีตามฤดูกาล โดยเฉพาะตรงหน้าหอเอฟ ใบไม้ร่วงสวยมาก แล้วก็ต้นทองหลางตรงทางลงตึก 19 ฝั่งหอเอฟ ยังกะเมืองนอก (ไม่รู้สมัยนี้ยังอยู่ป่าว)
  • หน้า JFK ลมแรงมั่กม๊าก วันไหนโชคร้ายหน่อย ลมจะพัดกระโปรงขึ้นมาคลุมหัว
  • เอกภาษาฝรั่งเศส เป็นวิชาเอกที่เด็กเรียนน้อยที่สุด แต่ก็มีอาจารย์ต่างประเทศมาสอนทุกปี ซึ้งจริงๆ
  • เอก math..เป็นเอกที่มีสถิติผู้เรียนสูงสุดในรหัส 39 และ 40 ประมาณปีละ 80-90 คน
  • ดูฝนดาวตกที่เลโคลนเห็นชัดและสวยที่สุด
  • เวลาเรียนของเด็ก ม.ตานี เริ่มเร็วสุด 7 โมงเช้า โดยที่ทุกคนมีกลิ่นตัวเดียวกันหมดทั้งห้อง ยกเว้นจารย์
  • ดึกสุดคือสองทุ่ม โดยที่ตอนนี้ทั้งอาจารย์และนักเรียนอาจจะมีกลิ่นตัวเดียวกันแล้ว
  • เริ่มสอบเช้าที่สุดคือ 6 โมงเช้า และเสร็จดึกที่สุดคือ 5 ทุ่ม (เคยได้ยินว่า วทท อาจารย์ให้เวลาทําข้อสอบทั้งคืนเลย เสร็จก่อนก็กลับก่อน)
  • เอกภาษาอังกฤษมักจะโดนเหมาเรียนวิชาทรานสเลของอาจารย์ชัยเลิศตอนเจ็ดโมงเช้าทุกเทอม (รหัส 41) โดยอาจารย์ให้เหตุผลว่า ไม่ต้องไปแย่งห้องเรียนกับคนอื่นเขา สบายดี เช้าไหนมี นศ ตื่นไม่ทันเยอะ เช้านั้นจะเป็นวันที่เก็บคะแนน ทําผิดคุณจะได้คะแนนติดลบกลับมา ติดลบมาก คือผิดมาก ถ้าได้ +2 จะดีใจเป็นที่ซู้ดด
  • รหัส 41 คณะมนุษย์เป็นที่ล่ําลือในหมู่รุ่นพี่ (และในหมู่อาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์) ว่าเป็นปีที่โชคดีที่สุดเพราะไม่ต้องเรียนวิชาทรานสเลกับอาจารย์ด็อคเตอร์ เพราะอาจารย์ท่านลาพักร้อนหนึ่งปีพอดี คิคิคิ
  • เรียนEnvi.ให้สนุกต้องเรียนกับอาจารย์ปรียา...
  • แสดงว่าไม่เคยเรียน Envi. กับอาจารย์ บุญhelp ละซี่..
  • อาจารย์ มอ.เรามีชื่อภาษาอังกฤษกันเกือบทุกคน (ใครจําได้ช่วยกันต่อหน่อย)
    • อ.บุญช่วย = อ.บุญHelp (เป็นอาจารย์ที่เขียนด่าในเปเปอร์ตอนส่งคืนได้เหมือนอาจารย์มานั่งอบรมอยู่ตรงหน้าจริงๆ พระเจ้า!)
    • อ.มณีรัตน์ = อ.Maneera
    • อ. แววตา = อ. Cindy Crawford
  • รําลึกถึง อ.อารยัน เหล่าสัตย์
    • อ.สอน ศิลปะ คณะศึกษาศาสตร์
    • วิชาที่สอนได้แก่ เซรามิค อินโทรสครับเจอร์ สครับเจอร์เด๊คอร์เรชั่น....
    • เป็นวิชาที่มีนักศึกษาแย่งกันลงทะเบียนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ม.อ.ปัตฯ
    • อ.อารยัน ผู้อารีย์ แจก A ทุกวิชา
  • เรียนกับอาจารย์หม่อมฯ โดยด่ามากที่สุด แต่ไม่โกรธ
  • ใครที่ลงเรียนวิชาปิงปอง อย่านึกว่าจะสบายแค่วิ่งรอบโต๊ะ เพราะอาจารย์จะให้วิ่งเก็บรอบสนามฟุตบอล 100 รอบในหนึ่งเทอมเป็นการเก็บคะแนน ใครอยากลดลงเหลือกึ่งหนึ่งก็ให้ไปสมัครวิ่งมินิฮาฟ มาราธอน 10 กิโลเป็นตัวช่วย (ถ้าปีนั้นมีจัด)
  • ใต้ตึก 19 เคยมีห้องเกาหลี (ฮิตมาก่อนที่ K-Pop จะดัง) ที่ นศ เอาไว้นั่งพักดูทีวี ทําการบ้าน กินขนม และ นอน ระหว่างรอเรียน (ตอนนี้ไม่มีแล้ว)
  • การเดินทางจากปัตตานีไปกัวลาลัมเปอร์ใกล้กว่ามา กทม นศ ชมรมวิเทศสัมพันธ์ (และอื่นๆ) เลยจัดทริปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับประเทศมาเลเซียแทน ม. อื่นในประเทศไทย

ข้อควรระวัง...

  • น.ศ.หญิงที่ปั่นจย.เที่ยวข้างนอกให้ระวังกลุ่มเด๊าะแด๊ะ
  • ขับมอร์เตอร์ไซด์ ต้องระวังแพะ กับเด็กสาธิต จนมีคํากล่าวว่า "ถ้าแพะ กับเด็กสาธิตวิ่งตัดหน้า จะชนใคร" ตอนนี้ไม่มีแล้ว/๕๑
  • ขับมอร์เตอร์ไซด์ ไปหลัง มอ. ต้องระวังวัว จนจะกลายเป็นมาร์เฟียวัว อยู่แล้ว.. (46)
  • อย่าสวมกระโปรงยาวเกินความจําเป็น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้พกกรรไกรไว้กับตัวตลอดเวลา เพราะกระโปรงมักเข้าไปติดในโซ่รถ

ภูเก็ต[แก้ไข ]

  • เมื่อก่อน มอ.ภูเก็ตอยู่ที่สะพานหิน (ที่รู้จักกานในนามว่าตึกที่ซิบ้า เช่ามอ.อยู่)ก่อนที่จะย้ายมาตั้งที่กะทู้
  • คณะอุตสาหกรรมบริการ เมื่อก่อนชื่อ การจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยวครับ (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นการบริการและการท่องเที่ยวแล้ว---จะเปลี่ยนทําไมเนี่ย)
  • ผู้หญิงการโรงแรมจะบึกบึนเป็นพิเศษเพราะส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิงและเพื่อนสาว ต้องทําอะไรด้วยตัวเองตลอด
  • ในอดีต ตึกดนตรีไทยเคยเป็นหอชายล้วนด้วย เรียกว่าเล้าไก่
  • ส่วนหอหญิงทางมหาลัยเช่าตึกเอทั้งตึก ให้ผู้หญิงอยู่
  • คณะอุตสาหกรรมบริการ
  • สาขาวิเทศน์ธุรกิจจีน (สาวสวยเยอะ)เป็นคณะที่เรียน 3 ปี ครึ่ง
  • ช่วงสอบก็ต้อง"ไก่เมา"
  • เรานอนเช้าก็เพราะเรารอไปกิน"ไก่เมา"
  • เมื่อก่อนเป็นไก่ก๊ะ เรียกไก่ก๊ะ เพราะว่าคนขายเป็นก๊ะ(ไม่รู้อันเดียวกับไก่เมารึป่าว)กินเสร็จแล้วต้องไปเหนวรอบเกาะ นั่งเล่นริมทะเล แล้วกลับหอตอนตี 3
  • ไกล้ๆ ไก่ก๊ะจะมีอีกไก่ทอดอีกเจ้า กินเวลาก๊ะไม่มาขาย เลยถูกเรียกว่าไก่แก้ขัด 55
  • คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เดิมคือ โครงการจัดตั้ง คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ตอนนี้แตกแขนงอีกมายมาย จนนับม่ะถูกแล้น
  • อาคารกีฬา วิทยาเขตภูเก็ต มีลักษณะเหมือนยุ้งฉางเก็บข้าว และเมื่อตอนแผ่นดินไหวตอนเกิดซึนามิ

โรงยิมร้าว แก้ไขโดยการทาสีปิดรอยร้าว 5++

  • การโรงแรม มีวิชาสอนเด็กกินเหล้า 55+
  • หอพักมหาลัย ใช้ระบบแสกนลายนิ้วมือเข้าหอ
  • เด็กภาคคอม จะพยายามจีบเด็กภาคอุตสาหกรรมบริการ และเด็กวิเทศ อิอิ
  • น้ําประปาที่ใช้ในมหาลัย มาจากขุมน้ําหน้าหอพักทั้งหมด เกือบทุกเช้า จะมีคนมาโปรยคลอรีนลงในขุมน้ํานั้นด้วย และนักศึกษาที่ไม่ใช้ครีมนวดผมนั้น ทรงผมจะเหมือนใส่เจลล์
  • หน้ามหาลัยมีป้ายห้ามขี่ม้าเข้ามาในมหาลัย
  • จอดรถในที่ห้ามจอด จะถูกล๊อคล้อ ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน และปรับเงินร้อยนึง
  • วิทยาเขตภูเก็ต เป็นวิทยาเขตที่ไม่มีห้องสําหรับสภานักศึกษา และชมรมอีกหลายชมรม (เมื่อก่อน)
  • หอพักวิทยาเขตภูเก็ต มีอินเตอร์เน็ตถึงทุกห้อง
  • ห้องน้ําที่หอพักชายเก่า จะมีห้องที่ล๊อกมาจากด้านใน และชั้นบนจะมีผีดุมากก
  • โรงอาหาร เรียกว่า Canteen
    • Canteen ใหม่ (บ้างก็เรียก Canteen บน) เพิ่งสร้างเสร็จปลายปี 2009 แต่ 95% ของนักศึกษาก็ยังอดทนต่อคิวที่ canteen เก่า
  • มีโรงแรมในมหาลัย ชื่อ PSU Lodge
  • ที่นี่ไม่มีการประชุมเชียร์ แต่มีกิจกรรม สอนน้องร้องเพลง
  • สระอโนดาษ จะมีคนคนนึงไปว่ายน้ํา เค้าคือ อาจารย์แบลร์ และต้อนนี้สระอโนดาษสวยงามแล้วนะแถมยังไปวิ่งรอบๆๆสระได้ด้วย วู๊วว
  • อาจารย์แบลร์ (Blair) ชอบขึ้นไปวิ่งบนภูเขารอบมหาวิทยาลัยด้วย
  • บางครั้ง (สมัยก่อน) ถ้าเห็นอาจารย์แบลร์วิ่งกระโดดข้ามรั้วหลังมหาวิทยาลัยเข้ามาก็ไม่ต้องตกใจไป นั้นเปรียบได้กับการวิ่ง jogging ของเรานั้นเอง
  • เด็กปีหนึ่งคณะอุตสาหกรรมบริการทุกคนต้องเคยได้ยินอาจารย์แบลร์พูดว่า "Open your window directory!!!!"
  • ด้านกีฬา มีสนามเทนนิส 2 คอร์ท สนามแบดมินตัน 2 สนาม สนามฟุตบอล สนามบาสกลางแจ้ง 2 สนาม สนามวอลเล่ย์บอลชายหาด 1 สนาม และสนามบาสในร่ม 1 สนาม
  • รถประจํามหาลัยมีดังนี้
    • รถบัสพัดลม 1 คัน (สภาพพอใช้งานไปวันๆ) เค้าเรียกว่า รถบรรทุกหมู อิอิ
    • รถบัสแอร์ (แต่ร้อนมาก สภาพเหมือนๆกัน ) 1 คัน
    • รถ 6 ล้อ ที่ไร้ระบบกันสะเทือน 1 คัน บ้างก็เรียกรถทัวร์(ฮุก)
  • ในมหาวิทยาลัย ไม่มีถนนลาดยางเลย มีแต่ถนนคอนกรีต

เรื่องทั่วไป[แก้ไข ]

1. ใต้ตึกคณะวิทยาการจัดการ วจก. มีร้านข้าวแกงที่อร่อยมากและเรื่องมากเช่นกัน กับข้าวสั่งได้ไม่เกินสามอย่างเท่านั้น ห้ามขอข้าวเพิ่ม ห้ามเอาจานออกนอกอาคารถ้าเห็นลุงแกเดินไปเก็บทันทีแล้วเอาเงินคืนกลับให้ทันใด คนตัวใหญ่จะได้ข้าวมากกว่าผู้หญิงบอบบาง (2553 ร้านข้าวแกง"ร้านป้า"ไม่มีขายแล้วนะจ๊ะ เพราะหมดสัญญาแล้ว)

2. ทีนี่เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่ง หรืออาจเป็นที่เดียวที่ก่อนเข้ามหาลัยต้องเปิดเบาะ บางครั้งดูถังน้ํามัน และส่องใต้ท้องรถก่อนเข้ามหาลัย ทั้งๆที่คนที่ขับเข้ามาสะพายเป้หรือกระเป๋าใหญ่กว่าถังน้ํามันตั้งเยอะ แต่ไม่เคยตรวจเลย (ก้อเค้าบอกให้ตรวจแค่ถังน้ํามันนี่)

3. เรื่องราวของคุณยายสปีดที่โด่งดังจนไปถึงรายการThe Shock ก็เกิดขึ้นหน้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เอง ณ ถนนระหว่างโลตัสและวัดจีน

4. เมื่อถึงช่วงเวลาที่ลือกันว่าวันนั้นเป็นวัน D Day จะเป็นวันที่เพื่อนร่วมห้องของเด็กคณะ วจก. ที่อาศัยในหอพักมหาลัยเป็นอันหวาดกลัวเป็นอันมาก เพราะมีตํานานเล่าว่าวันนั้นจะมีรุ่นพี่ของทางคณะนั้นที่ได้เสียชีวิตไปแล้วจะมาทําการบูมให้แก่รุ่นน้อง ซึ่งรุ่นน้องคณะนี้จะไม่ได้รับรู้หรือสัมผัสได้ถึงประสบการณ์อันอบอุ่นนี้ แต่เพื่อนร่วมห้องต่างคณะจะได้รับรู้และเห็นเหตุการณ์โดยตลอด

มีวิธีแก้เคล็ดดังนี้

- เขียนป้ายไว้ที่หน้าห้องและหน้าต่างประมาณว่า ห้องพักนี้ไม่มีเด็ก วจก.

- เอาไทด์คณะ และของใช้ที่บ่งบอกความเป็นวจก.ไปซ่อนซะ

5. สีประจําคณะของ วจก. คือ เฉดม่วง แต่วจก.ใช้สีบานเย็นมาโดยตลอด จนกลายเป็นสีที่ติดตาและเข้าใจผิดของหลาย ๆ รุ่น หลาย ๆ คณะ...ดังนั้นทางคณะจึงเปลี่ยนมาใช้สีเฉดม่วงในปีการศึกษา 2551 นี่เอง (เปลี่ยนทั้งธง ไทด์คณะ แถบสีชุดครุย ฯลฯ)


เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย[แก้ไข ]

จากเด็ก neer 39 มันมีเพลงประจําวิดวะด้วยนะ (เอามาจาก มข. มาแก้ไขนิดนึง) เครดิดนี้ยกให้พี่ป้อม มอ.หาดใหญ่นะ(เฮดว๊ากปี 49) ไปเจรจาจนได้มา อิอิ

ชื่อเพลงวิดวะหน้าหม้อ

เปอร์ช่างพ่อมึงดิ กูจะเรียน 6 ปีใครจะทําไมกู ซิ่วช่างแม่งปะไร ทายแล้วเอ็นใหม่แม่กูส่งเรียน รีบจบ กันไปทําไม เรียนไปซิ่วไปความรู้แน่ดี แมทแคลกูไม่เอามันแล้ว กูจะไปต่อแถว ออก้า* ฟิสิกมึงก็ท่องกันไป กูไม่สนใจกูจะไปหลังมอ แซวดะแม่งทุกคณะ วิดยา ทันตะ มาเก็ต หน้าหอ ศึกษา พยาบาล มนุษย์ แซวให้สุดๆแล้วค่อยกลับหอ ฟังแล้วจําไว้ไอ้เหี้ย ฟังแล้วจําไว้ไอ้เหี้ย พวกกู เอ็นจิเนีย หน้าหม้อ...

  • ออก้าคือผับผับหนึ่งในหาดใหญ่เคยบูมในหมู่เด็ก มอ. แต่ตอนนี้ไปบูมที่มังกี้แล้ว อ้อ ยังมีเครซี่ด๊อกอีกที่ และSa-bye Bar ด้วย

จริงๆ ยังมีอีก 1 เพลง ถือกันได้ว่าเป็นเพลงลับ มีเฉพาะคณะวิศวกรรมศาสตร์ มอ.หาดใหญ่ เท่านั้น (มันเป็นเพลงที่ลับและเก่ามากจนรุ่นน้องวิศวะ มอ. รุ่นหลังๆ ก็อาจจะไม่เคยได้ยิน) ชื่อเพลงว่า "เคีย อินทานวย"ซึ่งเป็นเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชื่อของแต่ละสาขาวิชาภายในคณะคณะวิศวกรรมศาสตร์ มอ.หาดใหญ่ แต่มีเนื้อหาเพลงที่ค่อนข้างจะลามก จึงไม่สามารถเขียนให้อ่านได้หมด อีกทั้งเป็นความเชื่อว่ากันว่าเป็นเพลงที่รุ่นพี่ได้แช่งไว้ว่าไม่ให้จด แต่ให้จํา ไม่งั้นจะเรียนไม่จบ หรือโดนรีไทร์ จึงทําให้เพลงนี้ไม่ได้รับการสืบทอดอย่างต่อเนื่อง(ผู้เขียนเรียนจบแล้วไม่มีปัญหา อิอิ) ตัวอย่างเพลง เคีย อินทานวย "โยธา _วยคอนกรีต _วยยาวปรี๊ด หนักครึ่งกิโล _วยใหญ่และ_วยโต _วยเทอร์โบ _วยเครื่องกล....." ที่เหลือก็คงต้องไปถามหารุ่นพี่วิศวะ มอ.หาดใหญ่ กันในวงเหล้าเองน่ะครับ (เมาแล้วหรืออยู่ในประชุมเชียร์ถึงจะร้องให้ฟัง) เสริมอีกเล็กน้อย หากเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มอ.หาดใหญ่ เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ต้องยังจําคอนเซปพร้อมท่าเต้น 4 ท.วิศวะ ได้ คือ "ทุ่มเท ทิ่มแทง ทําแท้ง ทอดทิ้ง....แต่ส่วนใหญ่จะถูกทอดทิ้ง" อีกทั้งในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มอ.หาดใหญ่ ยังมีความมันอีกมากต้องมาลองอยู่เอง เช่น แต่ละกรุ๊ปคณะวิศวกรรมศาสตร์ มอ.หาดใหญ่ จะมีฉายาของแต่ละกรุ๊ปเรียนต่างๆ กันไป เช่น กรุ๊ป D Dragon, H Hitler, L Alcohal, M Marbolo เป็นต้น

ของกิน[แก้ไข ]

  • ของกินที่ม.อ.เยอะมากๆๆ..อร่อยด้วย หมี่ไก่ หมี่เอ็น ราดหน้าร้านน้องยิ้ม ร้านยํายํา ไอติมกระทิซอยตรงข้ามฉื่อฉาง
  • ข้าวหมกไก่หน้าทางเข้าโรงช้าง กล่อง 20 อร่อยสุดๆ และคนขายเกือบทั้งหมดจะมาจากภาคอิสาน
  • ถ้าเกษตร สเต็กพี่โหน่งคือสปอนเซอร์หลัก ม.อ. ก้อมีร้านกรหมี่ไก่เป็นสปอนเซอร์หลักเหมือนกัน แค่ขอมา พี่นิกรจัดให้
  • ข้าวหมกไ่ก่ที่ตลาดสดตอนตี 1 ของอาบังอร่อยกว่า แต่มีเสียงเลื่องลือว่าอาบัง (ร้านอ้วนๆ) เป็นเกย์ เวลาเพื่อนหล่อๆไปซื้อมักจะให้เยอะเป็นพิเศษ ด้วยคําพูดหวานหวานว่า "เอ้า บังแถมให้"

บทความที่เกี่ยวข้อง[แก้ไข ]


สถาบันการ(削除) (削除ここまで)ศึกษาในประเทศไทยและประเทศเทย แก้
มหาวิทยาลัย

กาฬสินธุ์ | กรุงเทพ | เกริก | เกษตรศาสตร์ | เกษมบัณฑิต | ขอนแก่น | คริสเตียน | จุฬาลงกรณ์ | เจ้าพระยา | ชินวัตร | เชียงใหม่ | เซนต์จอห์น | ทักษิณ | เทคโนโลยีปทุมวัน | พระจอมเกล้าลาดกระบัง | พระจอมเกล้าธนบุรี | พระจอมเกล้าพระนครเหนือ | เทคโนโลยีมหานคร | เทคโนโลยีสุรนารี | ธรรมศาสตร์ | ธุรกิจบัณฑิตย์ | นครพนม | นราธิวาสราชนครินทร์ | นวมินทราธิราช | นเรศวร | แสตมฟอร์ด | บูรพา | ปทุมธานี | พายัพ | ภาคกลาง | ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย | มหามกุฏราชวิทยาลัย | มหาสารคาม | มหิดล | แม่โจ้ | แม่ฟ้าหลวง | รังสิต | รัตนบัณฑิต | รามคําแหง | วงษ์ชวลิตกุล | วลัยลักษณ์ | เวบสเตอร์ | เวสเทิร์น | ศรีนครินทรวิโรฒ | ศรีปทุม | ศิลปากร | สงขลานครินทร์ | สยาม | สวนดุสิต | สุโขทัยธรรมาธิราช | หอการค้าไทย | หัวเฉียว | หาดใหญ่ | อัสสัมชัญ (เอแบค) | อีสเทิร์นเอเชีย | อุบลราชธานี | เอเชีย | เอเชียอาคเนย์ | กรุงเทพธนบุรี | เที่ยงคืน |

โรงเรียน

ป้องกันราชอาณาจักร | เสนาธิการทหาร | เสนาธิการทหารบก | เสนาธิการทหารเรือ | เสนาธิการทหารอากาศ | นายร้อยพระจุลจอมเกล้า | นายร้อยตํารวจ | นายเรือ | นายเรืออากาศ | โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ พะเยา | โรงเรียนเซนต์คาเบรียล | โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย | สาธิตเกษตร | สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน | โรงเรียนนายสิบทหารบก | โรงเรียนจ่าทหารเรือ | โรงเรียนจ่าอากาศ | โรงเรียนช่างฝีมือทหาร | โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน | โรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม | โรงเรียนเตรียมทหาร | โรงเรียนเกรียนอุดมศึกษา | โรงเรียนรักษาดินแดน | โรงเรียนประตูชัย | โรงเรียนมหิดลเวทยานุสรณ์ | โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย | โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย |

เพิ่มเติม: วิทยาเขตสุราษฎ์ธานี (เท่าที่นึกได้)

  • วิทยาเขตสุราษฎ์ธานีตั้งที่เขาท่าเพชร เด็กปีหนึ่งช่วงรับน้อง
 ต้องเดินขึ้นเขาท่าเพชรกันทุกคน
  • ป้ายหน้ามหาวิทยาลัยตรงร้านอี้เหมือนป้ายปั้มน้ํามัน
  • ร้านกั๋วยเตี๋ยวซ้อยสายลมตอนเที่ยงเด็กมอ.เยอะมากๆ
  • ทางขึ้นหอพักมีโรงอาหารที่เป็นจานบินถือเป็นอนุสรณ์
 ของดร.อัจฉริยะ ที่แต่งตัวเรียบร้อยมาก ว่ากันว่าบินไป
 ดูแบบจากเมืองนอก ปรากฏว่าสร้างเสร็จด้านบนเป็นที่
 หมานอน
  • เป็นวิทยาเขตที่ผู้คนในเมืองสุราดมักไม่ค่อยรู้จักกัน
 เมื่อถามถึงมอ.ผู้คนมักจะบอกว่าอยู่หาดใหญ่
  • ร้านน้ําชาแถวหน้ามอ.ยามค่ําคืนช่วยสร้างสีสันได้เป็นอย่างดี
  • สมัยปี 46 หอพักชายมีหอเดียว คือ หอสอง แต่ก่อนนั้น
 เป็นหอหญิงมาก่อน เพราะมีป้ายบอกว่าอย่าทิ้งผ้าอนามัย
 ลงโถส้วม ส่วนหอ 3 เป็นหอพักชายมาก่อน
 เพราะมีโถฉี่ผู้ชาย
  • มอ.มีซอยเข้ามาจากถนนใหญ่ (เส้นสุราด-นาสาร)
 เขามีชื่อว่า "ซอยพิเศษ" เพราะแต่ก่อนในซอยนี้
 ไม่มีผู้คนพักอาศัยอยู่เลย
  • มอ. สุราด อยู่ใกล้กับราดพัดสุราด แต่คนส่วนใหญ่รู้จัก
 แต่ราชพัดส่วนมอ.นั้นลืมไปเลย
  • สมัยปี 46-50 ตรงหน้าปากซอยพิเศษติดกับโรงเรียนนิคม
 มีตลาดเปิดท้ายทุกวันเสาร์ ตอนเย็นเด็กมอ.ไปหาของกิน
 กันเต็มตลาด
  • ที่หน้าปากซอยพิเศษมีร้านขายของชํา (ร้านคุณแม่ขา)
 ลูกสาวเจ้าของร้านน่ารักมั๊กมาก ข้างร้านขายของชํา
 มีร้านอาหารไฮโซที่ขายตอนกลางคืนซึ่งมีคนทํากับข้าว 
 เสิร์ฟ และคิดตังค์ ล้างจาน อยู่คนเดียวแกเป็นเจ้ตุ๊ดที่อึดมากๆ
  • ตรงหน้ามหาวิทยาลัย (ป้อมยาม)มีร้านอาหารสมัยปี 46
 ที่คนมากินกันเป็นประจําคือ ร้านหอส้ม ต่อมาแม่ครัว
 จากร้านหอส้ม (น้าติ่ม) มาเปิดกิจการเป็นของตนเอง 
 เปิดแข่งกับหอส้มฟากตรงข้ามเลย หล้งหอส้มสมัยก่อน
 เป็นร้านเกมดําเนินกิจการโดย "พี่ออป" ลูกเจ้าของหอส้ม
  • หากเข้าไปในมอ.สุราดช่วงปี 46-50 ทางไปหอพัก
 จะมีตึกร้างที่สร้างไม่เสร็จเพราะมีปัญหาพวกเราเรียกขาน
 กันว่า "ตึกตําลึง" เพราะสร้างไว้ให้ผักตําลึงขึ้น
 ขณะนี้ตึกตําลึงมีการปรับปรุงเป็นตึกเรียนที่หรูหราไปแล้ว
  • น้องปี1ที่มาใหม่นอกจากจะมีพี่น้องสายรหัสแล้ว
 จะมีสาย "เชล" พี่เชล น้องเชล รุ่นพี่เอาสร้อยข้อมือ
 ที่มีหอยไปผูกให้เพื่อเป็นพี่เชล น้องเชลกัน เวลาว่างๆ 
 รวมสายเชลกันนี้ได้1คันรถกระบะเลย ยกโขยงกันไปกิน
 หมูกระทะ
  • ย่ําเย็นเด็กมอ.มักไปเดินหาของทานกันที่ตลาดนัดศาลเจ้า
 ในเมืองสุราด และไปซื้อของกันที่ห้างสหไท หรือขากลับแวะ
 ไปช้อปปิ้งที่โลตัส
  • สมันปี 46-48 หากหิวๆ ตอนสักตี2 ต้องไปนี่เลยร้านยาย
 ข้าวแกงไข่เจียว เดี๋ยวนี้ยายยังอยู่หรือเปล่าไม่ทราบ
 กันกันตอนดึกๆ ที่ด้านหน้านิคม
  • ที่โรงอาหารร้านประจําที่มักไปอุดหนุนเสมอคือ ข้าวแกงป้าริน
รับข้อมูลจาก "https://th.uncyclopedia.info/index.php?title=ไร้วิทยาลัย:มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์&oldid=270445"