ไร้วิทยาลัย:มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

จากไร้วิทยาลัย — ส่วนหนึ่งของโครงการไร้สาระนุกรมเสรี แหล่งรวบรวมเรื่องราวตลกขบขันและบิดเบือนข้อเท็จจริง
(เปลี่ยนทางมาจาก มหาวิทยาลัยมหาสารคาม)
ไปยังการนําทาง ไปยังการค้นหา

ยินดีต้อนรับสู่ไร้วิทยาลัยภาษาไทย
แหล่งรวมเรื่องขําขันไร้สาระเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาที่ทุกคนร่วมเขียนได้
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 เวลา 05:12 น. ตามเวลาสากลเชิงพิกัด (ช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง)
เว็บย่อ: http://th.uncyclopedia.info/wiki/Un-niversity

บทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ ไร้วิทยาลัย , แหล่งรวบรวมเรื่องน่ารู้ เรื่องลึกลับ เรื่องไร้สาระ ของสถานศึกษาในประเทศเทย!

เรื่องน่ารู้ประจํามหาวิทยาลัย[แก้ไข ]

ความรู้ทั่วไป[แก้ไข ]

  • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นโรงเรียนสาธิตแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่ได้สังกัดคณะศึกษาศาสตร์ แต่มีฐานะเป็นหน่วยงานหนึ่งขึ้นตรงกับสํานักงานอธิการบดี
  • มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีศูนย์กลางการบริหารงานตั้งอยู่ที่ ตําบลขามเรียง อําเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม มีพื้นที่ประมาณ 1,300 ไร่ ที่ตั้งเดิม ซึ่งตั้งอยู่ที่ 269 ถนนนครสวรรค์ ตําบลตลาด อําเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม บนพื้นที่ 197 ไร่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีกําเนิดมาจากวิทยาลัยวิชาการศึกษามหาสารคาม ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2511 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะขยายการศึกษาชั้นสูงไปสู่ภูมิภาค ต่อมาได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒมหาสารคาม เมื่อปีพุทธศักราช 2517 และได้แยกตัวเป็นมหาวิทยาลัยเอกเทศภายใต้ชื่อ "มหาวิทยาลัยมหาสารคาม" เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2537 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติ ของมหาวิทยาลัย ซึ่งได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 111 ตอนที่ 54 ก นับเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งที่ 22 ของ ประเทศไทย
  • สัญลักษณ์ประจํามหาวิทยาลัย "ตราโรจนากร" หมายถึง สัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรือง
  • สีประจํามหาวิทยาลัย คือ "สีเหลือง-เทา" หมายถึง การมีปัญญาและความคิดที่ดีงาม อันนําไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
  • ต้นไม้ประจํามหาวิทยาลัย คือ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย[แก้ไข ]

  • นิสิต มมส. ที่พักอยู่ หอใน หรืออาศัยภายในมหาวิทยาลัยมหาสารคามมีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะทางมหาวิทยาลัยได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกด้านที่เป็นถนนเข้าสู่มหาวิทยาลัย และมียามนั่งหลับประจํา 24 ชม.
  • ปี 2552 ได้มีการปรับเปลี่ยนหลายๆ ด้านทั้งการรับนิสิต การลงทะเบียน และปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม บางคนก็นึกว่าเป็นมหาวิทยาลัยดูไบเพราะเต็มไปด้วยต้นอินทผลัมเลยทีเดียว(สวยไม่สวย..ก็ต้องมาดูเองนะ) จนมีบางคนเรียกเขตม.ใหม่ผิดว่าเขตพื้นที่ปาล์มเรียง ทั้งๆที่จริงชื่อขามเรียง
  • ตึกคณะในมหาลัยที่ดูสวยและดูไฮโซ เห็นจะหนีไม่พ้นตึกคณะวิทยาการสารสนเทศ การออกแบบตัวตึกดูทันสมัย แล้วยังมีเทคโนโลยีด้าน IT ที่เพียบพร้อม มีลิฟต์แก้ว!!หนึ่งเดียวในมหาลัย แต่..เนื่องจากลิฟต์มันเป็นกระจกบังแสงแดดไม่ได้ ก็กลายเป็นร้อนซะ
  • กําลังมีการก่อสร้างศูนย์บริการทางการแพทย์(โรงพยาบาลคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม) ที่ม.เก่า โดย ใช้พื้นที่สนามฟุตบอลเดิมข้างๆ โรงเรียนสาธิตมมส.(ฝ่ายประถม)>> ปัจจุบันสร้างเสร็จแล้ว เปิดให้บริการในปี 2557 ได้รับพระราชทานชื่อ "โรงพยาบาลสุทธาเวช" และมีแผนจะขยายอาณาเขตสร้างตึกผู้ป่วยในกินที่สาธิตเก่า
  • สืบเนื่องจากเปิดโรงพยาบาล ทําให้ถนนผ่านหน้าม.เก่า (หน้าคณะศึกษาศาสตร์กับศูนย์ศิลปวัฒนธรรมอีสาน) รถติดเพราะติดไฟแดงตลาดห้าแยกกับคนจอดรถหน้ารพ.(ปี 2566) อนาคตคาดว่าคงติดถึงสามแยกกาฬสินธุ์
  • ปี 2553 นี้ มีโครงการก่อสร้างและปรับปรุงสนามกีฬาให้ได้มาตรฐานระดับสากล
  • มีการรับนิสิตจํานวนน้อยลงมาก
  • เพิ่งเปิดคณะสัตวแพทยศาสตร์ เป็นรุ่นที่ 2 ปีการศึกษา 2553 นี้แต่ยังไม่ผ่านการรับรอง // ล่าสุดหลักสูตรปี 2561 ผ่านการรับรองแล้ว ระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2561-2565)
  • รพ.สัตว์เล็ก คณะสัตวแพทย์ ยังเปิดให้บริการเฉพาะในเวลา ไม่มีนอกเวลาราชการเนื่องจากขาดแคลนอาจารย์
  • ลิฟต์อาคาร RN เป็นที่นิยมใช้กันมาก ถึงขนาดลงทุนเสียเวลาคอยนาน และต้องต่อแถวกันยาวววววว(ออกนอกประตูห้องโถง)เพื่อที่จะรอขึ้นลิฟต์ไปเรียนในช่วงเวลา 8.00 น.(จันทร์-ศุกร์) (ก็ตึกสูงซะขนาดนั้น แต่ดันมีลิฟต์ไม่กี่ตัว)
  • ตลาดน้อย คือแหล่งรวมนิสิตในตอนเย็น เพราะจะไปกินข้าวกันที่ตลาดน้อย (ไปตลาดน้อยไม่เคยไม่เจอคนรู้จัก) และตอนนี้ตลาดน้อยก็ย้ายที่ไปอยู่หลังหอกันแล้ว ร้านค้าเยอะขึ้นมาก
  • ที่ตลาดน้อย จะมีร้านขายน้ําพริกกะปิ ที่แกจะชอบร้องว่า "น้ําพริกกะปิอร้อย....อร่อย จ้า" ดังลั่นตลาด (อย่าถามอะไรแกมาก ไม่งั้นถ้าป้าแกอารมณ์ไม่ดี ป้าแกจะเหน็บเข้าให้) แต่เดี๋ยวนี้ป้าแกไม่ค่อยร้องเรียกลูกค้าแล้วนะ
  • และที่นี่ จะมีร้านขายไส้กรอกอีสาน ที่แกจะชอบร้องว่า "ไส้กรอก ชิมฟรีครับบ! อร่อยกว่าเมื่อวาน" อร่อยทุกวันแหละ!
  • และที่นี้ จะมีสารพัดส้มตําที่หลายคนอาจจะยังไม่คุ้ยเคยชื่อ แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดจะเป็น ตําป่า มาอยู่ ม.มหาสารคาม ถ้าไม่สักมากินสักจาน เชยมากๆ
  • ต่อเนื่องจากข้อข้างบน มีบางคนพยายามเปลี่ยนชื่อ ตําป่า เป็น ตําอุทยานแห่งชาติ เพราะเครื่องที่ใส่เยอะซะเหลือเกิน....
  • ที่ข้างๆศูนย์หนังสือมีลานวัฒนธรรมที่เรียกว่า "เล้าไก่" ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตแจ๊ส จากศิลปากร, CU Band, หมอลําก็จัดที่นี่ทั้งนั้น
  • ขอเตือนเฟรชชี่ทุกคน กรุณาซื้อชุดนิสิตที่เป็น โอโม่ เท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้น เสื้อสีขาวของคุณจะกลายเป็นสีน้ําตาลในระยะเวลา ไม่ถึง 2 เดือน
  • หอพักใน มมส. ตั้งชื่อตามอําเภอในจังหวัดมหาสารคาม
  • หอกันทรวิชัย ซึ่งปัจจุบันเป็นหอหญิง เมื่อก่อนเป็นหอชาย ทุกวันนี้มีหลักฐานคือ โถส้วมผู้ชายในห้องน้ํารวม (เปลี่ยนในปีการศึกษา 2546 เพราะตอนผมไปจองหอพัก ผมจองหอกันทรฯ แต่ตอนย้ายเข้า โดนจับยัดเข้าหอยางสีสุราช)
  • คอนเสิร์ตที่ได้รับความนิยมมากจากนิสิตมมส. จะเป็นวงหมอลํา
  • เดือนมหาวิทยาลัยชนะใจคนดูและคณะกรรมการด้วยการร้องเพลงหมอลํา
  • ที่ มมส.มีวัดป่าที่ตั้งอยู่ภายในเขตมหาวิทยาลัย คือ "วัดป่ากู่แก้ว"
  • สมัยก่อนคณะเภสัชฯ ใช้ตึกวิทยบริการ B ซึ่งเป็นตึกเดียวกับคณะวิทยาการสารสนเทศเป็นที่เรียน
  • คณะเภสัชฯ มมส.เป็นเภสัชฯ 6 ปี แห่งที่ 2 ของประเทศต่อจาก มน.
  • สถาปัตย์กับศิลปากรรมเคยใช้ตึกเดียวกัน แต่ตอนนีสถาปัตย์มีตึกใหม่แล้ว
  • มมส. มีพื้นที่ตั้งอยู่ 2 แห่งคือ ม.เก่า กับ ม.ใหม่ (ห่างกันประมาณ 8กม.)
  • เป็นที่เดียวที่มีคําว่า "มหา" สองคําในชื่อ (มหาวิทยาลัยมหาสารคาม)
  • ขนาดมี ม.เก่า กับ ม.ใหม่ ก็ยังโดนถนนหลวงตัดผ่านทั้งสองที่เลย (ถนนคนละเส้นกันนะ)
  • ที่นี่ใช้คําว่า นิสิต เพราะเคยเป็น มศว(มหาสารคาม) มาก่อน
  • ห้างสรรพสินค้าที่เดียวในจังหวัดมหาสารคามคือเสริมไทย ใครเดินเสริมไทยครั้งแรกแล้วไม่งง มันเป็นอัจฉริยะ
  • ต่อเนื่องจากข้างบน ตอนนี้มี big c แล้ว คนทั่วไปอาจเข้าใจว่ามันคือห้างฯ ที่จริงเป็นดีพาร์ทเมนต์สโตร์ แค่ข้ามสะพานชีก็ถึงแล้ว
  • ต่อเนื่องจากข้างบนอีก ปัจจุบันห้างฯเสริมไทย ขยายกิจการออกมาอีกหนึ่งที่ ชื่อ เสริมไทยคอมเพลกซ์ มีทั้งร้านค้าและสินค้าแบรนด์ดัง โรงภาพยนต์ SF และ Tesco Lotus สถานที่ตั้งอยู่แถวๆราชภัฎมหาสารคาม เปิดบริการวันที่ 10 ธันวาคม 2555
  • ตึกแต่ละตึกสร้างห่างกันมากๆ ประมาณตึกละ 500-800เมตร (พื้นที่มันเยอะนักหรือไงว่ะ) //เว้อไปประมาณ 50 เมตร
  • ทุกคนสงสัยว่าตึกทุกตึกที่ ม.ใหม่ ทําไมต้องสร้างเหมือนโดนัท (มีรูตรงกลางตึกทุกตึกเลย) (เพื่อระบายอากาศ ลดการใช้ไฟฟ้า เพราะถ้าเปิดประตูหน้าต่าง อากาศจะถ่ายเทมาก และตรงกลางเป็นลานไว้จัดกิจกรรมไงครับ)
  • วันที่รถติดที่สุดในรอบปี คือวันรับปริญญา
  • วันรับปริญญาเช่นกัน ที่มหาวิทยาลัยจะสวยที่สุดในรอบปี (สะอาดที่สุดด้วย ไม่รู้ว่าฝุ่นมันหายไปไหนหมด)
  • ก่อนพิธีรับปริญญาเดือนหนึ่ง จะเริ่มเห็นความแตกต่าง เพราะจะมีการปลูกผักชีให้นิสิตได้ถ่ายรูปเล่นกันก่อน
  • หลังรับปริญญาไม่เกิน 1 สัปดาห์ (ผักชี)ต้นไม้-ดอกไม้ที่ตกแต่งในวันรับปริญญา ถ้าไม่หายไปหมด ก็จะเหี่ยวตายหมด
  • ตึกคณะพยาบาลที่นี่ มีสนามเด็กเล่น (เพราะว่ามีศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็กอยู่)
  • ลิฟท์ที่ตึกคณะศึกษาศาสตร์ขึ้นได้ครั้งละ 4คน ถ้าตัวเล็กๆ ได้5คน ถ้ามากกว่านั้นเสียงเตือนจะดัง แต่ในลิฟท์เขียนติดไว้ว่ารับน้ําหนักได้ 400 กก.
  • จํานวนนิสิตปริญญาโทคณะศึกษาศาสตร์ มากกว่า นิสิตป.โทคณะอื่นๆทั้งมหาวิทยาลัยรวมกัน (เพราะฉะนั้นวันรับปริญญา คุณจะเห็นครุยสีส้มเยอะที่สุด)
  • แต่ถ้านับรวมอายุของนิสิตป.โทศึกษาศาสตร์ จะมีอายุมากกว่านิสิตทั้งมหาวิยาลัยรวมกัน
  • นิสิตคณะอื่นบ่นกันว่าศึกษาศาสตร์อาจารย์เยอะมาก เดินกันขวักไขว่ ไหว้กันให้เมื่อย ความจริงแล้วที่พวกเขาไหว้เกินครึ่งเป็นพี่ ป.โท
  • พี่ป.โทคณะศึกษาศาสตร์จะเรียก ป.ตรีทุกคนว่าน้อง แม้ว่าอายุท่านจะคราวพ่อก็ตาม
  • เรามีเอกภาษาเขมรเปิดที่เดียวในประเทศไทย(รึเปล่า) ศิลปากร มศว ก็มีครับ
  • ที่เด็ดกว่านั้น รุ่นแรกของเอกเขมร มีนิสิตคนเดียว (คนเดียวจริงๆ เค้าจะได้เรียนตอนไหนก็ได้ที่อาจารย์ว่างจะสอน แถมได้ตามอาจารย์ไปเขมรบ่อยมากๆ)
  • เด็กภาคอื่นๆ หาได้ยากมากที่นี่ (ส่วนใหญ่มีแต่เด็กภาคอีสานแหละ) แต่เดี๋ยวนี้มีนิสิตนานาชาติเยอะมากทั้ง จีน เวียดนาม กัมพูชา ลาว
  • เรามีเวทีละครกลางแจ้ง ที่เรียกว่า เล้าไก่... ไม่ใช่คอกไก่นะเฟ้ย... เค้าเรียกลานแสดงกลางแจ้ง
  • เมื่อได้ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีคณะเริ่มแรก 4 คณะ คือ คณะศึกษาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะมนุษศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะเทคโนโลยี
  • คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์และสัตวศาสตร์ เดิมคือ สาขาวิชาเทคโนโลยีเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม และสาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ ซึ่งสังกัด คณะเทคโนโลยี
  • สํานักวิทยบริการ แอร์หนาวมากๆ เวลาไปอ่านหนังสือ หากไม่ใส่เสื้อกันหนาว ขอบอกว่าอยู่ยาก บรื๋อ..หนาว
  • ผลไม้ที่นิยมกันมากที่สุดคือแตงโม(รึเปล่า) ไม่รู้จิ แล้วแต่คนชอบ
  • กระเทยที่นี่สวยไม่แพ้ผู้หญิง (ภูมิใจดีมั้ยเนี่ย)
  • คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรมมีโรงแรมเป็นของตัวเองด้วย (ใหญ่ดีแหะ) แต่ตอนนี้มันยังไม่เสร็จเลย สงสัยจะให้เป็นโบราณสถานประจํามหาวิทยาลัย //อยู่ในช่วงตกแต่งภายในและภูมิทัศน์ เพราะจะเปิดเป็นโรงแรมจริงๆเลย >> โรงแรมเปิดให้บริการแล้ว (ปี 2563)
  • จังหวัดมหาสารคามมีโรงเรียนเยอะมากๆใครเรียนคณะศึกษาศาสตร์ที่นี่โอกาสได้งานทําสูงนะ (จ.มหาสารคามเลยได้อีกชื่อหนึ่งว่า ตักศิลานคร ไงครับ แปลว่าดินแดนแห่งการศึกษา)
  • คณะศึกษาศาสตร์ให้นิสิตทําวิจัยตั้งแต่อยู่ ป.ตรี(สาสุข ก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้ปีสี่ทุกคนกําลังหัวหมุน) (คณะวิทยาศาสต์ก็มีปัญหาพิเศษครับ)(ส่วนวิทยาลัยการเมืองการปกครอง สําหรับสาขาทางรัฐศาสตร์ก็จะต้องทํา "special topic")
  • รู้รึเปล่าว่า รปภ.ที่นี่ฝึกโดยตํารวจ จาก สภ.กันทรวิชัย
  • ที่นี่มีสถานีตํารวจสาขามหาวิทยาลัยมหาสารคามด้วยนะอยู่ในตัวมหาลัยเลย (หลังรร.สาธิตมมส.ฝ่ายมัธยม) (เค้าเรียกว่าสัมปทานจับหมวกกันน็อค แต่ตอนโดนขโมยของไปแจ้งความ ดันบอกว่าร้อยเวรไม่อยู่ ... สงสัยไปจับหมวก)
  • ในตอนเย็นหลังเลิกเรียนที่สนามหญ้าอาคารพละจะมีการประกวดสุนัข(หมา)กันเกือบทุกวัน และมีการตีแบตหรือแม้กระทั่งกอล์ฟ
  • สาขาวิชาศาสนาและปรัชญา คณะมนุษย์ฯมีสมาชิกน้อยที่สุดใน ม. รวมอาจารย์กับนิสิต(ที่จบไปแล้ว)ยังมีไม่ถึง30คน (อาจารย์บางคนก็ยังไม่รู้ว่ามีสาขานี้
  • สาขาสัตวแพทย์ เป็นสาขาที่มีคนสมัครและมีอัตราการแข่งขันสอบเข้ารอบโควต้าสูงที่สุดในมหาลัย
  • ห้องอ่านหนังสือ24ชม.เป็นแหล่งมั่วสุม(ทางการเรียน)ของคุณหมอทั้งหลาย ทั้งหมอคน หมอหมา หมอยา พบได้ตอนเวลาโดยเฉพาะช่วงสอบ และมีการจองโต๊ะแทบทุกโตะ ทั้งๆที่มีกระดาษเขียนไว้บอกว่าห้ามจอง
  • มมส.ไม่มีคณะทันตแพทยศาสตร์ ใครอยากเป็นหมอฟันต้องไปเรียนมข.
  • ถ้าขับรถยนต์มาทําธุระที่รพ.แล้วจะจอดที่เนินหน้าตึกแพทย์ กรุณามาแต่เช้า หลัง 7 โมงครึ่งที่จอดเต็ม ให้ไปจอดลานดินหลังตึกคณะแพทย์ หรือริมถนนข้างๆแทน
  • หอพักเก่าตรงข้ามโรงเรียนสาธิตประถมช่วงโควิด 19 ระบาดเอามาทําเป็นรพ.สนามรับคนไข้ติดเชื้อ
  • นิสิตมมส.ขับมอเตอร์ไซค์ไวมาก เกิดอุบัติเหตุประจําตอนดึกหลังร้านเหล้าปิด
  • มีร้านกาแฟซ่อนตัวอยู่ข้างสํานักอธิการบดี ไม่อร่อย
  • นิสิตแพทย์ปี 4-6 ต้องแยกไปฝึกที่รพ.กาฬสินธุ์กับรพ.ร้อยเอ็ด ส่วนรพ.มหาลัยยังรับนิสิตตัวเองขึ้นฝึกงานไม่ได้ แต่นิสิตเภสัชกับนิสิตพยาบาลมาวนได้ งง
  • ที่ตั้งรพ.คณะแพทย์ปัจจุบัน เดิมเป็นสนามฟุตบอลเก่า ก่อนหน้านั้นเคยมีแผนพัฒนาเมืองจะสร้างเป็นสนามบิน ส่วนตํานานเล่าขานของผู้เฒ่าผู้แก่ชุมชนแถวนั้นบอกว่าสมัยก่อนเป็นลานประหารนักโทษ O_o

เชื่อหรือไม่?[แก้ไข ]

  • ปี 2552 ได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในมหาวิทยาลัย ม.ใหม่ และโรงเรียนสาธิตทั้งสาธิตประถมที่ ม.เก่า และ สาธิตมัธยมที่ ม.ใหม่ หากใครนั่งรถผ่านอาจนึกว่าเป็นมหาวิทยาลัยดูไบ อิอิอิ
  • รั้วมหาวิทยาลัยสร้างเสร็จเรียบร้อย ครอบคลุมถึงเขตวัดประจํามหาวิทยาลัย วัดป่ากู่แก้ว
  • ระบบการลงทะเบียนเรียน(อันที่โดนวิจารณ์ว่าเป็นปัญหา) คือ "จองวิชาก่อน แล้วค่อยจ่ายตังค์" แล้ว "ใครจองแล้ว ก็ต้องจ่ายอย่างด่วน" ม่ายยังงั้นไม่มีที่นั่ง ขอบอก!( ตั้งแต่เทอม2/2552 เป็นแบบลงแล้วได้ที่นั่งเรียนเลย...ไม่มีจองแล้วเด้อ)
  • หอเชียงยืน ได้รับการขนานนามว่า "หอพักสตรีเชียงยืน" ทั้งๆที่เป็นหอชาย (มีคนเล่าว่าตอนเข้ามาใหม่ๆ ไปเคาะห้องเพื่อขนของเข้าหอ ปรากฎว่าคนที่เปิดประตูออกมา เป็นกระเทยที่แปลงเพศแล้ว มันรีบลงไปเปลี่ยนห้องทันที)
  • คํากลอนประจําหอ "เชียงยืนหมื่นกระเทย(หอชาย) สุภาพบุรุษกุดรัง(หอหญิง) หอสตรียางสีสุราช(หอชาย) หอพยัคภูมิกลุ่มเกย์(หอชาย)" ใครเป็นคนคิดวะเนี่ย - -"
  • เคยมีอยู่วันนึง เผอิญไฟดับทุกหอ มีเสียงกรี๊ดดังลั่นจาก "หอสตรีเชียงยืน"
  • วงแคน เป็นวงดนตรีพื้นบ้านที่เล่นได้มันสุดๆ เลยพระเจ้า (เห็นด้วย)
  • ที่ มข. เห็นว่ามีหนังเกาหลี 3 เรื่อง 20 แต่ที่ มมส.หนังเกือบชนโรง 3 เรื่อง 20 (เฟิร์มมาก เพราะกลับบ้านไปดูเพื่อนสนิทมายังไม่ทันออกจากโรงดี กลับมา 3 เรื่อง 20 ซะแล้ว) หน้าหนาวมีทุกอาทิตย์เลย
  • เพิ่งจะรู้ว่ามีเอก การจองตั๋วเครื่องบิน ในคณะการโรงแรมและการท่องเที่ยว ไม่รู้ที่อื่นมีรึเปล่า // มีแต่วิชาจองตั๋วที่ต้องเรียนหละนะ
  • เคยถูกชาวต่างชาติเค้าใจผิดว่าคือ Michigan State University (เพราะตัวย่อภาษาอังกฤษใช้ MSU เหมือนกัน)
  • ถนนที่บริเวณชุมชนท่าขอนยาง มีริมขอบทางเดินเท้าข้างถนน หากจะเอาพื้นที่ของสองข้างมารวมกัน มันก็ยังมีพื้นที่มากกว่าส่วนที่รถใช้วิ่งเสียอีก // เดี๋ยวนี้ที่รถวิ่งมากกว่าทางเท้า+ที่จอดรถ
  • เป็นมหาวิทยาลัยที่มีฝุ่นเยอะที่สุดในโลก เฉพาะม.ใหม่นะ (มันก่อสร้างกันตลอดศก ตอนนี้กําลังทําถนนด้วย)
  • สืบเนื่องจากข้อข้างบน ถ้าขี่มอร์ไซต์ไม่ใส่หมวกกันน๊อคหัวคุณจะแดงโดยไม่ต้องย้อม (เต็มไปด้วยฝุ่น(เอ่อ เเต่ก็ยังไม่ใส่กันนะ)
  • สืบเนื่องจากข้อข้างบนเหมือนกัน ถ้าขี่มอร์ไซต์ไม่ใส่เสื้อแจ๊กเก็ต เสื้อนิสิตคุณจะเปลี่ยนเป็นสีส้มอิฐ
  • ครูในภาคอีสาน 90% จบจากที่นี่ (ตั้งแต่เป็น มศว)
  • ทางเดินหลังตึก RN ไปจนถึงหอสมุด มีคนเดินวันละประมาณ 2-3คน (เพราะมันไม่มีร่มเลย ร้อนมาก คนเลยไม่เดิน)
  • ทางเดินเดียวกับข้างบนกว้างมากขนาดรถยนต์ขับผ่านได้สบายๆ (มันจะทําไว้กว้างอะไรนักหนาก็ไม่รู้)
  • ทางเดินระหว่างตึกทุกตึกกลายเป็นที่สําหรับรถจักรยานยนต์วิ่งและจอด ปัจจุบันปี 2554 มีการปรับปรุงใหม่แล้ว โดยการสร้างปูนกั้นไว้ไม่ให้รถวิ่งได้
  • ปัจจุบันจักรยานยนต์คันไหนไม่สวมหมวกกันน๊อค(แม้กระทั่งคนซ้อน และประชาชนที่ไม่ใช่นิสิต) จะไม่สามารถเข้า ม. ได้ เพราะยามปิดถนนดัก ถ้าเจอยามจะไล่กลับ หากบังเอิญเจอกองกิจฯ จะโดนยึดบัตรนิสิตหรือบัตรสําคัญ
  • เมื่อหลายปีก่อนเคยมีน้ําท่วมใหญ่ นิสิตต้องนั่งรถมาแล้วต่อเรือไปเรียน (ประมาณ 5-6ปีที่แล้ว)
  • นิสิตที่นี่ใส่เสื้อกันหนาวกันทั้งปี (ใส่กันแดดน่ะ แดดมันร้อนมาก ไม่ใช่ใส่เพราะอากาศหนาว)
  • ลานจอดรถจักรยานยนต์หน้าตึก RN มีรถให้เห็นทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ทุกสี (อยากเห็น อยากรู้จักรุ่นไหนไปดูเลย)
  • จํานวนรถจักรยานยนต์ที่จอดหน้า RN มีจํานวนมากกว่ารถจากทุกร้านทั่วมหาสารคามรวมกัน
  • สะพานตรงตึกวิทย์ มันชันมาก ถ้าขี่มอร์ไชต์มา3คนต้องลงก่อนคนนึง ความจริงลงสองคนเลยยิ่งดี แต่ถ้าเป็นจักรยานลงจูงโลด
  • ใครอยากเล่นเสียว ก็ต้องไปนั่งรถมอร์ไซต์ขี่ลงสะพานตรงหน้าตึกวิทย์ ทุกคนจึงเรียกสะพานนี้ว่า "สะพานเล่นเสียว"
  • สืบเนื่องจากข้อข้างบน สะพานนี้มีชื่อเป็นภาษาอีสานว่า "เนิน...หงาย"
  • คลองที่ขนานหอพัก เค้าว่ากันว่าเป็นคลองที่ส่งน้ําไปทําน้ําประปาสําหรับหอใน (แต่มันสกปรกมาก ดํามากๆ แถมขยะยังเยอะ)
  • เด็กที่มาเรียนมีที่นี่หากไม่ใช่คนอิสานแต่เมื่อจบไป จะสามารถพูดภาอีสานได้อย่างดี(เว่าอิสานได้บ่?)
  • เป็นมหาวิทยาลัยที่มีกลิ่นอายของวัฒนธรรมอีสานมากๆ โดยเฉพาะภาษาพูดนิสิตที่นี่จะไม่ดัดกลางใส่กันแต่เว้าอีสาน เว้าภูไท กัน
  • ที่นี่หมอลํา ฮิต พอๆกับนักร้องชื่อดัง
  • เป็นมหาวิทยาลัยที่ตึกเรียนมีหลังคาสีส้ม (ม.ใหม่ ทุกตึก)
  • อายุเฉลี่ยของอาจารย์ในโรงเรียนสาธิตมมส(มัธยม)ไม่เกิน 26 ปี (อาจจะน้อยที่สุดในประเทศไทย)
  • อธิการบดีคนใหม่ปี 2552 น่ารักมากๆๆ ตอบคําถามดี แนะนําแนวทางในการดําเนินชีวิตภายในรั้ว มมส. และท่านมุ่งมั่นที่จะพัฒนา มมส. หลังจากนั้นไม่กี่ปี ท่านก็มีข่าวไม่ค่อยดีออกสื่อ
  • มหาวิทยาลัยนี้อาจารย์กับเจ้าหน้าที่ไม่มีลายนิ้วมือ เพราะต้องรูดนิ้วเข้ารูดออกวันละหลายรอบ
  • สาขาที่จบยากที่สุดและเรียนมากๆคือสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เข้ามาเยอะตอนปี1ประมาณ200กว่าคน จบตอนปี4ไม่ถึง50คนซะเด้วยซ้ํา
  • เด็กจีนกับเวียดนามกําลังจะครองมหาวิทยาลัย(เยอะเหลือเกิน) ตามห้องสมุดเดินไปมีแต่เด็กจีน...เอิ้กๆ
  • อาคารพละศึกษาที่ใช้รับปริญญาไม่มีแอร์! มีแค่พัดลมไอน้ํานั่งกันเหงื่อตก...
  • สนามหญ้ารอบๆอาคารพละศึกษาสามารถเนรมิตเป็นสนามกีฬาหลากหลายชนิด...แบดมินตัน...กอล์ฟ...แอร์โรบิค,,,คุ้มจริงๆ
  • ที่คณะพยาบาลมีฟิตเน็ตกับซาวน่าด้วยแต่เสียเงินแต่อาคารพละศึกษาเล่นฟรีแต่ไม่มีซาวน่า
  • สะพานใกล้ๆตลาดน้อยมักจะมีชมรมต่างๆมาขอบริจาคเงินเสมอ (ส่วนมากจะไม่ค่อยได้นะ)
  • พื้นที่โล่งๆในม.ใหม่ส่วนมากในตอนเย็นใช่เป็นที่แตะฟุตบอล
  • อาจารย์ภาคภาษาไทยปากจัดหลายคน เคยโดนไล่ให้ไปกินหญ้า เพราะไม่ตั้งใจฟังการสาธิตอ่านทํานองเสนาะ
  • อาจารย์ มมส. ติด hi5 เล่นกันทั้งมอ ทั้งอาจารย์ผู้ใหญ่อาจารยเด็กๆ ปัจจุบันมาเล่น Facebook แทน
  • สืบเนื่องจากข้างบน ล่าสุดนิสิตไหว้ครูกันทาง hi5
  • ตอนนี้เปลี่ยนเป็นติดเฟซบุ๊คแล้ว
  • ยามใน ม.ใหม่(บางคน) พกมีดสะปาต้าด้วยนะ
  • นักฟุตบอลจะสูดดมเอาฝุ่นเข้าปอดแทนที่จะเป็นการออกกําลังกายในช่วงฤดูร้อน เพราะสนามไม่มีหญ้าและมีแต่ฝุ่นเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าเตะฝุ่นหรือเตะบอลกันแน่ (เห็นใจคนเตะบอล และผู้คนข้างเคียง) ข่าวดี!!! ต้นปี 2553 นี้จะมีการสร้างสเตเดียมระดับสากล กําหนดการแล้วเสร็จปี 2555 เพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาระดับชาติ และสากลในอนาคต... รุ่นน้องๆ ได้ใช้แน่ๆ อิอิ
  • เด็กจีน หรือ เด็กเกาหลี "ผู้หญิง" ปั่นจักรยานไม่เคยอายใคร !!! รักนวล สงวนตัว
  • ไม่มีเด็ก มมส คนไหนไม่รู้จัก อาลีบาบาร์ เพราะร้านนี้เต็มทุกวัน แม้กระทั่งวันก่อนสอบ วันสอบ และวันหลังสอบ เจ้าของร้านเป็นอดีตนักร้อง RS ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นและโรงพิมพ์ซะแล้ว
  • อีกร้าน คือร้านกินดื่ม อยู่ข้างๆกันกับร้านข้างบน ร้านนี้เป็นเหมือนร้านของอาจารย์และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย ชอบมานั่งกัน เจ้าของร้านจบปริญญาเอกด้านเทคโนโลยีอาหาร ปัจจุบันร้านกินดื่มเปลี่ยนเจ้าของและเปลี่ยนชื่อไปแล้ว โดยเจ้าของร้านกินดื่มเปลี่ยนไปทําร้านกาแฟดอยช้าง ฝั่งตรงข้ามบิ๊กซี
  • มหาวิทยาลัยนี้มีตลาดนัด เรียกว่าคลองถมให้เดินกันทุกวัน จันทร์ถึงอาทิตย์
  • มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีการชื่องานลอยกระทงแบบยาวที่สุดในประเทศไทย
  • วันลอยกระทงเป็นหยุดราชการ
  • มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีชื่อการประกวดนางนพมาศ 3 ชื่อ คือ นารีศรีโรจนากร ธิดาสร้อยดอกหมาก และธิดาจําปาศรี
  • งานลอดซุ้มประเพณีและราตรีนิสิตใหม่ นิสิตใหม่ต้องเข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่ ตี 5 ถึง 6 ทุ่ม ยาวนานมาก
  • ราตรีนิสิตใหม่ (ประกวดดาวเดือนจะเริ่มตั้งแต่บ่ายโมงถึงเกือบเที่ยงคืน)
  • ปัจจุบันทางเข้ามหาลัยอาจจะกลายเป็นคลองได้ภายในพริบตา เมื่อฝนตกเพียง 10 นาที
  • พอรพ.คณะแพทย์เปิดให้บริการ มีเสียงบ่นจากรพ.ข้างเคียงว่าเสียรายได้ไปเยอะ ถูกแย่งลูกค้าโดยเฉพาะคนไข้เบิกได้
  • นศ.ราชภัฏชอบมาใช้บริการรพ.มหาลัยเพราะใกล้ สะดวก ส่วนนิสิตมมส.ชอบมาขอใบรับรองแพทย์ไปยื่นอาจารย์เพราะขาดเรียน ขาดสอบ จะคึกคักเป็นพิเศษช่วงมิดเทอมกับไฟนอล
  • โดยเฉพาะคณะบัญชี อาจารย์ประจํา sec ท่านหนึ่งสั่งว่า ไม่มีใบ = เช็คขาด
  • เคยมีนิสิตสัตวแพทย์ผ่าซากสัตว์แล้วลืมเก็บ ช่วงปิดเทอมกลิ่นเหม็นคลุ้งข้างตึก โดนพี่รปภ.สาบเรียบร้อย
  • หมอพยาบาลลาออกจากรพ.มหาลัยเยอะทุกปี เพราะข้อมูลปกปิด

ธรรมเนียมประเพณี[แก้ไข ]

เหอะๆ

  • พรรคไหนที่จะก้าวเข้ามาเป็นองค์การนิสิต พรรคไหนมีคุณภาพไม่คุณภาพ จะมีแม่ค้ําตั้งศาลเตี้ยวิเคราะห์ ประเมิน และแจกดาว (โดยวัดจาก 4 งาน คือ งานสงกรานต์ งานไหว้ครู งานลอยกระทง และงานกีฬาราชพฤกษ์เกมส์(กีฬาภายใน)
  • องค์การนิสิต ไม่เคยปริปากบอกใครให้ทราบว่า "แม่ค้ํา" คือใคร เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ มนุษย์ กันแน่
  • กิจกรรมลอดซุ้มประเพณีของปีหนึ่ง...พี่staffจะตีปี๊บปลุกเด็กหอในตอนประมาณตี5เสมอ...ซึ่งปลุกเป็นระยะเวลายาวนาน...ไม่ตื่นให้มันรู้ไปสิ!
  • เด็กหอในชอบนั่งคุยโทรศัพท์ที่บันไดหนีไฟ...ชัวร์คอนเฟริ์ม
  • วัฒนธรรมโทรศัพท์ข้ามหอในระหว่างหญิงชายเป็นที่อินเทรนด์...จะมีสัญญานบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นห้องใดโดยการ กดสวิซไปหลังห้อง 3 ที พรึ๊บพับ...พรึ๊บพับ...พรึ๊บพับ...เป็นที่รู้กัน
  • เค้าว่ากันว่าสระน้ําหน้าตึกวิทย์ เรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า สระมรกต เพราะน้ํามีสีเขียว
  • คําขวัญของวิทยาลัยการเมืองการปกครอง...ผู้หญิงวิด'ลัย สวย ถึก และบึกบึน(อันนี้เป็นความจริง..เพราะเวลามีงานทีไรผู้หญิงจะเป็นคนไปตัดไม้ทุกที...ส่วนผู้ชาย..จับผ้า ตกแต่งสถานที่..)
  • คณะการท่องเที่ยวฯ กระเทยเยอะมาก..สวยๆทั้งนั้น..ควรจะดีใจไม๊เนี่ย(สวยจริงๆ)
  • เด็กปีหนึ่งทุกคนจะต้องจําให้ขึ้นใจในคําขวัญ มมส ความว่า "ลูกพระธาตุนาดูน ดอกคูนผลิช่อ มอน้ําชี ศรีโรจนากร"
  • มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีการฟ้อนหรือการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองอีสานประจํามหาวิทยาลัย นั่นคือ การแสดงชุด "ฟ้อนมหาวิทยาลัยมหาสารคาม" ประดิษฐ์การแสดงโดย วิชาเอกนาฏ(ยะ)ศิลป์รุ่น 6 (น่าจะใช่)

ความเชื่อ[แก้ไข ]

  • ข้อมูลปกปิด
  • ใครที่ไม่ตั้งใจเรียน วิชา math ไม่ว่าจะ math อะไรส่วนมากมักจะติด F
  • ถ้าใครติดแล้วจะมีโอกาส อีก 50 % ที่จะติดอีก
  • ศาลพระกระดิ่ง ม.เก่า ข้างตึกแพทย์ ไปขอให้สอบผ่านได้ กลางคืนเปลี่ยว วังเวงน่ากลัว

เรื่องลึกลับ[แก้ไข ]

  • ซอยหนองไผ่

ซอยหนองไผ่เดิมทีเป็นทางเกวียนเล็กๆ ใช้สําหรับลําเลียงศพเพื่อนําไปฝังที่กลางป่าช้า ซึ่งปัจจุบันป่าช้าได้ถูกถางออกปรับเปลี่ยนเป็นแปลงปลูกหม่อนข้าง คอนโดอาจารย์ ตามคติความเชื่อของคนภาคอีสาน เด็กที่ยังอายุไม่ถึง 12 ปี จะถูกนําไปฝังซึ่งที่ฝังปัจจุบันก็คือป่าหม่อนข้างคอนโดอาจารย์ ส่วนศพที่ต้องการไป เผา ก็จะนําไปเผาที่เชิงตะกอนชายป่าช้า ซึ่งเป็นที่ตั้งของ อบต.ขามเรียง ในปัจจุบัน ซอยหนองไผ่ อยู่บริเวณข้างร้านซ้อมมอเตอร์ไซค์โพธิ์ฯ จากปากซอยจนไปถึงหอหลังแรกของซอยมีระยะทางประมาณเกือบ 200 เมตร จากทางเข้าด้านซ้ายมือจะเป็นหนองน้ํา ส่วนด้านขวามือจะเป็นป่าละเมาะ เรื่องที่จะเตือนต่อไปนี้ จะเป็นเรื่องของ 200 เมตร ที่จะชี้ชะตาคุณ ว่า ถ้าคุณไม่ปฏิบัติตามคําเตือนคุณจะพบกับอะไรบ้าง หมายเหตุ เกิดจากเรื่องจริง ที่ผู้รวบรวมได้พบกับตัวเอง และบางอย่างมีผู้อื่นเล่าให้ฟัง โปรดปฏิบัติตามคําแนะนําอย่างเคร่งครัด หรือคุณอยากลองของก็เรื่องของคุณ........................................................

เขาว่ากันว่า......นาฬิกาตีบอกตี3 เรื่องที่ 1

เนื่องจากซอยหนองไผ่ทางเข้าเป็นทางสามแพร่ง ทางเข้าซอยเป็นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ถ้าคุณหันกลับไปข้างหลังก็จะกลายเป็นทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งทางศาสตร์ฮวงจุ้ยแล้วเป็นทิศของการดึงดูดวิญญาณผู้ตายไปยังนรกภูมิ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับนิสิตผู้หนึ่ง ซึ่งมาสังสรรค์กับเพื่อนที่หอในซอยหนองไผ่ เมื่อเหล้าหมดนิสิตผู้นี้ได้อาสาออกไปซื้อเหล้า ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาเกือบตี3 เมื่อซื้อเหล้าเรียบร้อยแล้วนิสิตผู้นี้ได้ขี่มอเตอไซค์กลับเข้ามาในซอยหนองไผ่ ปรากฏว่า นาฬิกาในโรงเรียนท่าขอนยางซึ่งอยู่ติดกับหนองไผ่ตีดังบอกเวลาตี3 พอดี จากนั้นมีลมปะทะจากด้านหลังพัดใส่นิสิตคนดังกล่าว ทําให้นิสิตคนนี้ตกใจหันกลับไปมองด้านหลัง ปรากฏว่าว่านิสิตผู้นี้พบกับโลกอีกมิติหนึ่ง นั้นก็คือนรกภูมิ เขาเห็นวิญญาณพยายามดึงรั้งตัวเขาไว้ เหมือนกับวิญญาณพยายามหาที่ยึดเกาะไม่ให้ถูกนรกดูดกลืนเข้าไป เบียร์ที่ซื้อไว้ตกแตกกระจายอยู่ข้างทาง จนกระทั้งนาฬิกาตีบอกเวลาเงียบลง ทุกอย่างจึงกลับเป็นเหมือนเดิมเขากลัวมาก จึงรีบกลับไปหาเพื่อนที่หอ แล้วเล่าให้เพื่อนฟัง พวกเพื่อนๆ ก็นึกว่าเขาเมาแล้วคิดไปเอง แต่สิ่งที่เป็นหลักฐานยืนยันก็คือ รอยกรีดเบาะรถที่คล้ายรอยเล็บที่มีคนมาขูดเต็มเบาะรถของเขา บทสรุป รุ่งเช้าเขารีบนํารถไปเปลี่ยนเบาะที่ร้านโพธิฯ หน้าปากซอยหนองไผ่ เบาะรถที่โดนเล็บของวิญญาณกรีดเป็นรอย สามารถสังเกตดูได้ภายในร้านจะมีเบาะรถอยู่ 4-5 เบาะ ที่ถูกปิดด้วยเทปกาว ทําให้รู้ว่าไม่ใช่มีคนพึ่งเคยเจอ แต่มีคนเคยเจอเหตุการณีนี้มาแล้วหลายราย ก่อนร้านโพธิ์จะปิดร้านตอนเย็น จะสังเกตเห็นเจ้าของร้านเอาข้าวใส่จานแล้วนํามาไว้ที่เสาไฟฟ้าข้างร้าน แล้วเจ้าของร้านจะเคาะจานใส่ข้าวดังๆ มีคนบอกว่าเจ้าของร้านเปิดร้านบริเวณนี้เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องทํามาค้าขายดี เนื่องจากเป็นบริเวณทางสามแพร่ง มีวิญญาณเร่ร่อนชุกชุม วิญญาณเหล่านี้ต้องคอยเกาะรถที่สัญจรไปมาเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกดูดลงนรก เป็นผลให้รถมอเตอร์ไซค์ที่มาในย่านนี้มีเหตุต้องเสียบ่อยๆจากการกระทําของวิญญาณ หรือไม่งั้นเจ้าของร้านอาจเลี้ยงผีไว้พังรถ ห้ามเข้ามาในซอยหนองไผ่ในตอนใกล้จะตีสาม ไม่งั้นคุณได้เสียเงินเปลี่ยนเบาะรถใหม่แน่ๆ

เขาว่ากันว่า......อย่าผิวปากตอนกลางคืน เรื่องที่ 2

เรื่องนี้เกิดขึ้น ตอน ตี 2 มีนิสิตชายคนหนึ่งกําลังขี่รถเข้ามาในซอยหนองไผ่เพื่อนํางานมาให้เพื่อน ด้วยความเงียบและมืดของซอย ทําให้เขาผิวปากแก้กลัว แต่หารู้ไม่ว่า การผิวปากเป็นการส่งสัญญาณให้ผีและวิญญาณปรากฏตัวให้เห็นได้อย่างง่ายดาย เมื่อเขาขี่รถเกือบจะถึงหอหลังแรกของซอยอยู่แล้ว กลับต้องเจอกับใคร หรือสิ่งใดไม่รู้ซ้อนท้ายแล้วปิดตาเขาไว้ ทําให้รถเสียหลักล้ม เขาล้มลงไปบนพื้น โชคดีที่เหมือนมีแสงไฟรถตามมาข้างหลัง แต่แสงนั้นกลับเป็นดวงไฟขนาดเท่าลูกมะพร้าวบินผ่านเขาไป เขากลัวสุดขีดรีบวิ่งโดยที่ไม่สนใจรถที่ล้มอยู่ รีบวิ่งไปหาแสงสว่างที่ 3 แยก หอหลังแรก แต่หารู้ไม่ว่าแยกอีกแยกภายในซอยหนองไผ่นี้ก็เป็นทางสามแพร่งเหมือนกัน ซึ่งเป็นทางขึ้นของพวกพรายน้ําหรือพวกทางผ่านของภูมิเจ้าที่ เขาพบกับผีพรายขึ้นจากหนองไผ่ เป็นคนตัวสีเขียวผมยาวโบกมือแล้วชี้ทางให้เขาวิ่งไปทางร้านอาหารภายในซอย แต่ดูเหมือนว่าดวงไฟที่เขาเจอเมื่อกี้ก็ตามเขามาด้วย เขารีบวิ่งจนไปเจอฝูงหมาบริเวณร้านอาหาร หมาเห่าใส่เขา ทําให้เขาได้สติแล้วสวดมนต์ อิติปิโส จากนั้นดวงไฟได้ลอยหายไปในป่าไผ่ข้างหนอง บทสรุป ด้วยเหตุนี้ซอยหนองไผ่จึงได้ติดไฟตลอดทั้งซอย เพราะมีคนร้องเรียนว่าเจอเหตุการณ์ที่เหนือธรรมชาติ ถ้าคุณสังเกตดีๆ จะเห็น รอยไหม้ทั่วบริเวณป่าไผ่ แต่เป็นรอยไหม้เป็นหย่อมๆ แล้วใครจะเข้าไปจุดเล่นในป่าไผ่ทึบที่มีหนามหล่ะ แน่นอน เวลาผิวปากต้องเลือกสถานที่ด้วย อันนี้ก็แล้วแต่คุณ

เขาว่ากันว่า......โคมลอยทวนลม เรื่องที่ 3

เมื่อใกล้ออกพรรษา หนุ่มสาวชาวมอ นิยมซื้อโคมสําเร็จรูปมาลอยเล่น ถ้าเรามองดูโคมส่องประกายแสงบนท้องฟ้าก็ดูสวยดี แต่ถ้าหากลอยอยู่เหนือบริเวณซอยหนองไผ่ล่ะ มันจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องต่อไปนี้มีพยานรู้เห็น ถึง 5 คน คือกลุ่มนักศึกษาที่กลับมาจากดูหนัง เวลาประมาณ เกือบตี 2 ทั้งกลุ่มมี ชาย 3 หญิง 2 ขี่รถมา 3 คัน พวกเขาเห็นโคม ลอยอยู่บนฟ้าส่งแสงกระพริบในตอนที่ลมแรง เมื่อโคมลอยผ่านหัวของกลุ่มพวกเขากลับมีสิ่งหนึ่งตกลงมา พวกเขาตกใจนึกว่าเป็นสะเก็ดของลุกไฟที่ใช้ใส่โคม จึงหยุดรถแล้วดูว่ามีใครเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ปรากฏว่า สิ่งที่นึกว่าเป็นสะเก็ดไฟกลับมีกลิ่นคล้ายมูลสุนัข เมื่อพวกเขามองกลับไปยังโคม โคมที่นึกไว้ในตอนแรก แต่เมื่อมองดีๆแล้วกลับเป็นหัวคน ที่ท่อนล่างมีไส้ เห็นได้อย่างชัดเจนบินผ่านไป

เขาว่ากันว่า...... เชือกที่ไม่อยากเจอ เรื่องที่ 4

เอาล่ะครับเข้ามาในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผมมีส่วนรู้เห็นแต่ก็ไม่ได้เจอกับตัว คงเคยได้ยินว่าหอแรกที่อยู่ในซอยหนองไผ่มีคนผูกคอตายนะครับ ผมเองก็อยู่หอนี้เช่นเดียวกัน แต่เรื่องนี้คนที่เจอเป็นเพื่อนผมเอง หลังจากคนที่ตาย ตายได้เกือบเดือน สิ่งที่เป็นเรื่องน่าสงสัยคือ เชือกที่ใช้ผูกคอนั้นหายไปไหน..........จนกระทั่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เพื่อนผมกลับมาจากห้องซ้อมดนตรี ตอนตี 3 เขาสังเกตเห็นเชือกเส้นหนึ่งผูกโยงกับเสาไฟฟ้า เชือกมัดเป็นบ่วงไว้ เขาก็ไม่ได้คิดอะไร วันต่อมาเวลาเดียวกัน เขาก็สังเกตว่าไม่มีเชือกเหมือนเมื่อวาน แล้วผ่านไป11วัน เชือกเส้นนั้นก็ได้ปรากฏให้เขาเห็นอีก เขาสังเกตุว่า ก่อนวันพระ 1 วันเชือกเส้นนั้นจะออกมาให้เห็น เพื่อนผมก็ไม่กล้าออกมาจากหอในวันก่อนที่จะถึงวันพระอีกเลย

บทสรุป เชือกเส้นนี้หลังจากเกิดเหตุ คนที่มาเคลียพื้นที่ ก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าว่าเชือกนั้นหายไปไหนผมเองถึงแม้ว่าจะรู้วันที่เชือกจะปรากฏให้เห็นผมเองก็ไม่ไม่กล้ามองดูเช่นเดียวกัน จะมีเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งข้างหอผมที่ไม่ได้ติดหลอดไฟ เสาต้นนั้นแหละครับ ผมก็ไม่รู้ว่าเชือกเส้นนั้นมันตามหาเจ้าของหรือเปล่า หรือว่ามันจะหาคนรายต่อ

ของกิน[แก้ไข ]

  • ลูกชิ้น ส้มตํา หลัง ม.เก่า อร่อยที่สุด
  • เกือบทุกคนที่อยู่หอ ม.ใหม่ จะรู้จัก ตาหมี่กะทิ และจะต้องเคยกิน เพราะแกจะขี่จักรยานไปขายทุกหอ แล้วก็จะร้องว่า "หมี่กะทิคร้าบ หมี่กะทิ หมี่กะทิคร้าบ" (แต่ว่าตอนนี้แกโดนรถชนตายแล้วนะ ตอนนี้ใครได้ยินแปลว่า...)
  • ส้มตํา ลาบ ก้อย อาหารอีสาน อร่อยและถูกที่สุด อยู่ที่ร้านป้าตรงหมู่บ้านขามเรียงขนานนามกันว่า "ร้านไฮโซ" มีบางคนเรียกว่า ลาบ 120 ด้วย
  • ส้มตําร้านตาเสริฐ แต่มีเจ้าของชื่อยายติ่ง สองคนนี้เป็นสามีภรรยากัน แต่ทําการแบ่งสินสมรสล่วงหน้า (ตั้งแต่ไปกินไม่เคยเจอตาเสริฐเลย)
  • ไก่ย่างวิเชียรบุรี มีสาขาทุกๆ 50 เมตร และแน่นอน ไก่มักจะสีแดงผิดปกติ
  • จากปากทางบ้านท่าขอนยางมายังมหาวิทยาลัย ระยะทางไม่กี่กิโลเมตร มีเซเว่น 5 สาขา แต่ละสาขาคนดันเข้าเต็มอีก [ณ ปี 2554 มี 9 สาขาแล้ว และในมหาวิทยาลัย ยอมให้มีเซเว่นสาขาแรกใน ม. แล้ว เยส!]
  • ร้านผัดไทย 99 คือร้านผัดไทยที่มีชื่อเสียงดังที่สุด (เพราะลูกเจ้าของร้านมันมาเปิดร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ข้างๆ กะทะผัดไทย)
  • ร้านขายเหล้ามีมากกว่าร้านขายนม แต่ลูกค้าส่วนมากมานั่งดูนม ระหว่างกินเหล้า
  • Café Amazon รพ.คณะแพทย์ ให้คนในรพ.ซื้อให้จะได้ส่วนลด 5%
  • ถ้าอยู่ม.เก่า แนะนํากินร้านข้างนอกมากกว่าโรงสัตวแพทย์กับโรงอาหารรพ. แพงหน่อยแต่ถูกปาก (เดี๋ยวนี้มี food delivery สะดวกขึ้นเยอะ)

บทความที่เกี่ยวข้อง[แก้ไข ]

เครดิต[แก้ไข ]

เรื่องลับๆของมหาวิทยาลัย

  • รวบรวมจากเรื่องเล่าขานทั้งนิสิตและอาจารย์ในมอ มีจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง หรือไม่จริงทั้งหมดเลย
  • สิ่งเหนือธรรมชาติ มักปรากฏยามค่ําคืนแถววงเวียนหอนาฬิกา บ้างก็ว่าเป็นแสงสว่างวาบกลางแก่งเลิงจาน ฉะนั้นปิดบ้านให้ดี...



สถาบันการ(削除) (削除ここまで)ศึกษาในประเทศไทยและประเทศเทย แก้
มหาวิทยาลัย

กาฬสินธุ์ | กรุงเทพ | เกริก | เกษตรศาสตร์ | เกษมบัณฑิต | ขอนแก่น | คริสเตียน | จุฬาลงกรณ์ | เจ้าพระยา | ชินวัตร | เชียงใหม่ | เซนต์จอห์น | ทักษิณ | เทคโนโลยีปทุมวัน | พระจอมเกล้าลาดกระบัง | พระจอมเกล้าธนบุรี | พระจอมเกล้าพระนครเหนือ | เทคโนโลยีมหานคร | เทคโนโลยีสุรนารี | ธรรมศาสตร์ | ธุรกิจบัณฑิตย์ | นครพนม | นราธิวาสราชนครินทร์ | นวมินทราธิราช | นเรศวร | แสตมฟอร์ด | บูรพา | ปทุมธานี | พายัพ | ภาคกลาง | ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย | มหามกุฏราชวิทยาลัย | มหาสารคาม | มหิดล | แม่โจ้ | แม่ฟ้าหลวง | รังสิต | รัตนบัณฑิต | รามคําแหง | วงษ์ชวลิตกุล | วลัยลักษณ์ | เวบสเตอร์ | เวสเทิร์น | ศรีนครินทรวิโรฒ | ศรีปทุม | ศิลปากร | สงขลานครินทร์ | สยาม | สวนดุสิต | สุโขทัยธรรมาธิราช | หอการค้าไทย | หัวเฉียว | หาดใหญ่ | อัสสัมชัญ (เอแบค) | อีสเทิร์นเอเชีย | อุบลราชธานี | เอเชีย | เอเชียอาคเนย์ | กรุงเทพธนบุรี | เที่ยงคืน |

โรงเรียน

ป้องกันราชอาณาจักร | เสนาธิการทหาร | เสนาธิการทหารบก | เสนาธิการทหารเรือ | เสนาธิการทหารอากาศ | นายร้อยพระจุลจอมเกล้า | นายร้อยตํารวจ | นายเรือ | นายเรืออากาศ | โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ พะเยา | โรงเรียนเซนต์คาเบรียล | โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย | สาธิตเกษตร | สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน | โรงเรียนนายสิบทหารบก | โรงเรียนจ่าทหารเรือ | โรงเรียนจ่าอากาศ | โรงเรียนช่างฝีมือทหาร | โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน | โรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม | โรงเรียนเตรียมทหาร | โรงเรียนเกรียนอุดมศึกษา | โรงเรียนรักษาดินแดน | โรงเรียนประตูชัย | โรงเรียนมหิดลเวทยานุสรณ์ | โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย | โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย |

รับข้อมูลจาก "https://th.uncyclopedia.info/index.php?title=ไร้วิทยาลัย:มหาวิทยาลัยมหาสารคาม&oldid=319095"