The Demopædia Encyclopedia on Population is under heavy modernization and maintenance. Outputs could look bizarre, sorry for the temporary inconvenience
พจนานุกรมประชากรศาสตร์พหุภาษา ฉบับปรับให้เป็นเอกภาพ ปรับปรุงครั้งที่สอง ภาษาไทย
35
พจนานุกรมประชากรศาสตร์พหุภาพ ฉบับปรับให้เป็นเอกภาพ ปรับปรุงครั้งที่สอง ยังอยู่่ระหว่างการดําเนินงาน หากต้องการเสนอข้อคิดเห็นใดๆ กรุณาใช้พื้นที่อภิปราย
ไปยัง: คํานําสู่ดีโมพีเดีย | คําแนะนําการใช้ | ดาวน์โหลด
บทที่: อารัมภบท | 1. แนวคิดทั่วไป | 2. การจัดการและการประมวลผลสถิติประชากร | 3. การกระจายตัวและการจําแนกของประชากร | 4. ภาวะการตายและการเจ็บป่วย | 5. ภาวะสมรส | 6. ภาวะเจริญพันธุ์ | 7. การเพิ่มประชากรและการทดแทน | 8. การเคลื่อนย้ายเชิงพื้นที่ | 9. มุมมองด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชากรศาสตร์
หน้าที่: 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 20 | 21 | 22 | 23 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 40 | 41 | 42 | 43 | 50 | 51 | 52 | 60 | 61 | 62 | 63 | 70 | 71 | 72 | 73 | 80 | 81 | 90 | 91 | 92 | 93
350
โดยทั่วไปมีการแสดงความแตกต่างระหว่าง ประชากรกําลังแรงงาน1 หรือ ประชากรทํางานในเชิงเศรษฐกิจ1 กับ ประชากรว่างงาน2 หรือ ประชากรที่ไม่ได้ทํางานในเชิงเศรษฐกิจ2 กล่าวโดยทั่วไป ประชากรกําลังทํางานประกอบด้วยบุคคลที่ประกอบ กิจกรรมที่มีผลประโยชน์3 กิจกรรมที่มีผลประโยชน์หรือ กิจกรรมเชิงเศรษฐกิจ3คือกิจกรรมซึ่งก่อให้เกิดผลผลิตเป็นรายได้ คนทํางานในครอบครัวที่ไม่ได้รับค่าจ้าง (353-5) ปรกติรวมอยู่ในประชากรทํางานในเชิงเศรษฐกิจ คนทํางานบ้าน4 หรือ แม่บ้าน4ที่ทํางานบ้านที่ไม่ได้รับค่าจ้าง นักเรียนนักศึกษา คนงานที่เกษียณแล้ว ฯลฯ ปรกติจะไม่ถูกรวมไว้ในประชากรกลุ่มนี้ บางครั้งสมาชิกของประชากรที่ไม่ได้ทํางานเชิงเศรษฐกิจหมายถึง ผู้พึ่งพิง5 (358-1) ในความหมายที่ว่าพวกเขาดํารงชีพอยู่ได้โดยอาศัยผลผลิตของประชากรกําลังทํางาน (อย่างไรก็ตาม ดูความหมายที่ต่างกันของศัพท์คํานี้ที่กล่าวไว้ในย่อหน้า 358) อัตราส่วนของประชากรกําลังทํางานต่อประชากรทั้งหมด ที่โดยปรกติคํานวณเฉพาะกลุ่มเพศ-อายุ หรือกลุ่มเฉพาะอื่นๆ เรียกว่าเป็น อัตราส่วนกิจกรรม6 หรือ อัตราส่วนการมีส่วนร่วมในแรงงาน6
- 1. ศัพท์คําว่าประชากรประกอบอาชีพที่มีผลประโยชน์ คนงานที่มีผลประโยชน์ แรงงาน ใช้ในความหมายเดียวกันกับประชากรกําลังแรงงาน และประชากรทํางานในเชิงเศรษฐกิจ
สําหรับการวัดทางสถิติของประชากรกําลังแรงงาน อาจใช้แนวคิดเรื่องคนงานที่มีผลประโยชน์หรือแรงงานได้ ตามแนวความคิดเรื่องแรงงาน ประชากรกําลังแรงงานจะนิยามว่าเป็นกลุ่มของบุคคลซึ่งกําลังทํางานในอาชีพที่มีผลประโยชน์ หรือต้องการ หรือกําลังหางานเช่นนั้นทําในช่วงระหว่างระยะเวลาที่ระบุไว้ก่อนการสํารวจ
351
คนงาน1ซึ่งประกอบขึ้นเป็นประชากรกําลังทํางานสามารถจําแนกออกเป็นกลุ่ม มีงานทํา2 หรือ ว่างงาน3 ภายใต้แนวความคิดเรื่องแรงงาน (350-1 *) ปรกติบุคคลที่ กําลังหางาน4หรือถูกปลดออกจากงานชั่วคราวในช่วงเวลาที่ระบุไว้เท่านั้นที่จะนับว่าเป็นคนว่างงาน มีความสําคัญอย่างยิ่งที่จะต้องแยกแยะระหว่างบุคคลผู้ซึ่งไม่เคยมีงานทํากับ บุคคลที่กําลังมองหางานแรกของตน11 หรือ ผู้หางานแรก11 ประชากรมีงานทํา5ประกอบด้วยคนที่ปัจจุบันกําลังทํางานเพื่อค่าจ้างหรือผลกําไร ในกลุ่มประชากรทํางานเชิงเศรษฐกิจ จะมีคนงานจํานวนมากที่อาจถูกบังคับโดยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศหรือของช่วงเวลานั้นให้ต้องทํางานน้อยลงกว่าที่พวกเขามีความสามารถและเต็มใจที่จะทําได้ กรณีเช่นนี้ใช้ศัพท์คําว่า การทํางานต่ําระดับ6หรือ การว่างงานบางส่วน6 คนงานทางเลือกสุดท้าย7ที่เข้าร่วมในกิจกรรมทางเศษฐกิจเพียงบางครั้งบางคราวมักจะไม่จัดอยู่ในแรงงานภายใต้แนวความคิดเรื่องคนงานที่เกิดผลประโยชน์ (350-1 *) อัตราส่วนการทํางานต่อประชากร8เป็นสัดส่วนของบุคคลในวัยทํางาน (ปรกติอายุ 15 ถึง 64 ปี) ที่ทํางาน บุคคลที่ไม่ทํางาน9เป็นบุคคลที่ไม่ได้ประกอบกิจกรรมวิชาชีพใดๆ สําเร็จหรือกําลังมองหาการจ้างงาน การไม่ทํางานแฝง10หรือ การสํารองแรงงาน10 รวมถึงบุคคลผู้ซึ่งแม้ว่าไม่ลงทะเบียนเป็นผู้ว่างงานอย่างเป็นทางการ แต่กําลังหางานส่วนตัวทํา เช่นเดียวกับผู้ที่ไม่ได้หางานทําแต่มีงานเสนอมายังเขาเหล่านั้นและเขาเหล่านั้นสามารถทําได้
- 2. การมีงานทํา (employment) หมายถึงสถานการณ์ที่บุคคลหนึ่งประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สถานภาพการทํางานหมายถึงการแบ่งประเภทบุคคลออกเป็นมีงานทําหรือว่างงาน
- 6. บางครั้งหมายถึงการใช้ประโยชน์ต่ําระดับของแรงงาน การทํางานต่ําระดับและการใช้ประโยชน์ต่ําระดับบางครั้งหมายถึงสถานการณ์ที่บุคคลทํางานต่ํากว่าระดับของคุณสมบัติที่เขามี
352
การจําแนกอาชีพ1ของประชากรกําลังทํางาน (350-1) แสดงสมาชิกที่จัดรวมเป็นกลุ่มโดย อาชีพ2 ความคล้ายกันของงานที่ทําโดยคนงาน รวมทั้งความคล้ายกันของทักษะความชํานาญและการฝึกอบรมที่จําเป็นสําหรับงานนั้นเป็นเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดกลุ่มอาชีพต่างๆ ให้เป็น กลุ่มอาชีพ3 หรือ ชั้นทางอาชีพ3
- 1. เพื่อวัตถุประสงค์ของการเปรียบเทียบ องค์การแรงงานระหว่างประเทศได้จัดเตรียม International Standard Classification of Occupations ไว้ให้
353
ปรกติ ประชากรกําลังทํางาน (350-1) จะจําแนกประเภทออกตาม สถานภาพงาน1 ในการจําแนกประเภทอย่างนี้ นายจ้าง2จะแตกต่างจาก ลูกจ้าง3ในด้านหนึ่ง และแตกต่างจาก คนทํางานของตนเอง4 หรือ คนทํางานอิสระ4ในอีกด้านหนึ่ง คนทํางานอิสระไม่ใช้แรงงานที่ทํางานเพื่อค่าจ้าง หากแต่อาจได้รับการช่วยทํางานจาก คนทํางานในครอบครัว5 หรือ ผู้ช่วยในครอบครัว5โดยไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง ปรกติแรงงานในครอบครัวเหล่านี้จะแยกออกเป็นกลุ่มต่างหาก ส่วนผสมของการจําแนกประเภทตามสถานภาพงานและอาชีพอาจใช้เพื่อสร้าง ประเภทสถานภาพทางสังคม6
- 1. การแบ่งประเภทโดยสถานะ (เป็นนายจ้าง ลูกจ้าง ฯลฯ) มีชื่อเรียกด้วยศัพท์หลายคําในสํามะโนของประเทศต่างๆ เช่น "สถานภาพอุตสาหกรรม" "สภาพในการทํางาน" "ตําแหน่งในอุตสาหกรรม" "ชั้นของคนงาน" ฯลฯ
- 2. ผู้จัดการ บางครั้งนับรวมกับนายจ้าง ทั้งๆ ที่ผู้จัดการก็เป็นลูกจ้างเหมือนกัน
354
กลุ่มย่อยของแรงงานประเภทลูกจ้าง (353-3) บางครั้งแยกออกให้แตกต่างกัน หนึ่งในกลุ่มย่อยเหล่านั้นคือ คนงานบ้าน1ที่ทํางานในบ้านของตนเอง บางครั้งทํางานให้กับนายจ้างหลายคน ในกลุ่มลูกจ้าง บางครั้งแยกความแตกต่างระหว่าง คนงานด้วยมือ2 และ คนงานไม่ได้ด้วยมือ3 หรือ คนงานเสมียนและสํานักงาน3 คนงานด้วยมืออาจแบ่งย่อยออกไปอีกตาม ทักษะ4ของคนงานเป็น คนงานฝีมือ5 คนงานกึ่งฝีมือ6 และ คนงานไร้ฝีมือ7 ผู้ฝึกงาน8บางครั้งจัดอยู่ในประเภทย่อยของลูกจ้าง
- 2. อีกแบบหนึ่งของการแบ่งประเภทลูกจ้างคือการแยกความแตกต่างระหว่างคนทํางานเพื่อค่าจ้าง ผู้ได้รับค่าจ้างเป็นรายวันหรือรายอาทิตย์ กับลูกจ้างเงินเดือน ผู้ได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือนหรือช่วงเวลานานกว่านั้น สถิติของสหรัฐอเมริกาแยกประเภทอาชีพกว้างๆ ออกเป็น 4 ประเภท (1) คนงานคอปกขาว (2) คนงานคอปกน้ําเงิน ซึ่งรวมช่างฝีมือ ผู้ปฏิบัติการ และคนงานนอกฟาร์ม (3) คนทํางานบริการ และ (4) คนงานในฟาร์ม (cf. 356)
- 7. แรงงาน หมายถึงคนงานไร้ฝีมือ ซึ่งทํางานโดยใช้แรงงานหนักมาก
355
ในกลุ่มลูกจ้าง (353-3) มักจะแยกความแตกต่างระหว่าง คนงานฝ่ายจัดการ1ผู้ตัดสินใจด้านนโยบาย คนงานฝ่ายบริหาร2ผู้นํานโยบายมาสู่การปฏิบัติ และ ผู้คุมงาน3 หรือ โฟร์แมน3ผู้ปฏิบัติงานโดยตรง เจ้าหน้าที่ (357-5) แบ่งออกเป็น บริการระดับล่างหรืออย่างง่าย4 ซึ่งโดยส่วนใหญ่สําหรับตําแหน่งงานรับใช้ (เช่น ผู้ช่วยผู้บริหาร ผู้ช่วยทางเทคนิค) บริการระดับกลาง5 ซึ่งโดยส่วนใหญ่สําหรับตําแหน่งที่เทียบเท่าว่าผ่านการฝึกงานมาแล้ว (เช่น บรรณาธิการ เลขานุการผู้บริหาร) บริการระดับบน6 ซึ่งโดยส่วนใหญ่สําหรับตําแหน่งที่จบปริญญาตรีหรือเทียบเท่า (ผู้บริหารงานหรือช่างเทคนิค) และ บริการขั้นสูง7 ซึ่งจํากัดเฉพาะผู้ที่จบปริญญาโทหรือเทียบเท่า
- 1. ในสหรัฐอเมริกา คําว่า executive หมายถึงสมาชิกของคนงานฝ่ายจัดการ
356
ใช้การจัดประเภทพิเศษในสาขาการเกษตร ชาวนา1 หรือ คนทํานา1 คือคนที่ทํางานในนาเพื่อผลกําไร ในกลุ่มชาวนา เราแยกระหว่าง เจ้าของที่นา2ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน และ ผู้เช่านา3ผู้เช่าที่ดินจากเจ้าของที่ดินนั้น และ เกษตรกรผู้แบ่งผลผลิต3ผู้ให้ส่วนหนึ่งของผลผลิตทางการเกษตรเพื่อตอบแทนการใช้ที่ดินและปศุสัตว์ แรงงานทางการเกษตร4คือบุคคลที่กําลังทํางานที่ชาวนาเป็นผู้จ้าง
- 2. ผู้จัดการฟาร์ม ผู้ได้รับเงินเดือน โดยทั่วไปจัดอยู่ในประเภทชาวนา
- 3. ในสก๊อตแลนด์ ชาวนาขนาดเล็กบางครั้งเรียกว่า crofter ชาวนาที่มีฟาร์มขนาดเล็กเรียกว่าผู้ถือครองรายย่อย
- 4. แรงงานการเกษตรแบ่งเป็นประเภททั่วไป 3 ประเภท แรงงานการเกษตรเต็มเวลา แรงงานรายวัน และแรงงานการเกษตรตามฤดูกาล ประเภทสุดท้ายนี้มักเป็นแรงงานผู้ย้ายถิ่น
357
ประชากรกําลังทํางานอาจจําแนกประเภทตาม อุตสาหกรรม1 หรือ สาขาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ1 การจําแนกประเภทอย่างนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของ ธุรกิจ2 หรือ องค์กร2ซึ่งบุคคลทํางานอยู่ ความสําคัญจะอยู่ที่การแบ่งประชากรออกเป็น คนงานทางการเกษตร3 และ คนงานไม่ใช่ทางการเกษตร4 บางครั้ง ลูกจ้างรัฐบาล5และ บุคคลากรทางการทหาร6 หรือ สมาชิกของกองทัพ6 โดยทั่วไปจะแสดงแยกต่างหาก แต่ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจมีกฎนับให้อยู่ในประชากรเชิงอุตสาหกรรมที่เหลือ โดยทั่วไป อุตสาหกรรมจําแนกออกเป้น 3 ภาค ภาคปฐมภูมิ7 (เกษตรกรรม ล่าสัตว์ ประมง และทําเหมืองแร่) ภาคทุติยภูมิ8 (หัตถกรรม ก่อสร้าง และบริการ) และ ภาคตติยภูมิ9 (การพาณิชย์ การคลัง อุตสาหกรรมการขนส่ง และอุตสาหกรรมการบริการ) ในประเทศกําลังพัฒนา ภาคอุตสาหกรรมดั้งเดิม10มักใส่ไว้ในรายการแยกต่างหาก และอยู่ตรงข้ามกับภาคสมัยใหม่ของเศรษฐกิจ
- 1. เพื่อวัตถุประสงค์ในการเปรียบเทียบระหว่างประเทศ สหประชาชาติได้จัดพิมพ์การจําแนกประเภทอุตสาหกรรมมาตรฐานสากลของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมด (International Standard Industrial Classification of All Economic Activities)
- 5. ข้าราชการพลเรือนเป็นลูกจ้าง (353-3) ของรัฐบาล ข้าราชการ (official) เป็นลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ แต่ศัพท์คํานี้บางครั้งใช้สําหรับลูกจ้างเงินเดือนของบริษัทใหญ่ มักแสดงความแตกต่างระหว่างลูกจ้างรัฐบาลกับลูกจ้างเอกชน
358
ประชากรที่ไม่ทํางานเชิงเศรษฐกิจอาจแบ่งออกเป็น ผู้พึ่งพิง1 (350-5) และ บุคคลที่พึ่งตนเอง2 ผู้พึ่งพิงต้องอาศัยการสนับสนุนช่วยเหลือจาก ผู้หาเงิน3 หรือ ผู้หาเลี้ยงครอบครัว3 ตัวอย่างเช่นในกรณีของแม่บ้าน (350-4) และ เด็กๆ ที่ต้องพึ่งพิง4 บุคคลที่พึ่งตนเองมีวิธีการเพียงพอที่จะหาเลี้ยงชีพของตนได้ เขาอาจเป็น ผู้ให้เช่า5 หรือ บุคคลผู้มีวิธีการอิสระ5 ผู้เกษียณหรือ ผู้ได้รับบํานาญ6 ประเภทพิเศษของผู้พึ่งพิงได้แก่ บุคคลที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ7 หรือ ผู้รับสวัสดิการ7 บุคคลที่ไม่สามารถทํางานได้เรียก ผู้ไม่สามารถทํางาน8 อัตราส่วนของประชากรที่ทํางานต่อประชากรที่ไม่ทํางานเรียกว่า อัตราส่วนพึ่งพิงทางเศรษฐกิจ9
- 9. อัตราส่วนของประชากรเด็กและผู้สูงอายุต่อผู้ใหญ่เรียกว่าอัตราส่วนพึ่งพิงทางอายุ
359
อาจแบ่งประเภทประชากรตามภาคของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ประชากรทําอยู่เพื่อการดํารงชีวิต ผู้พึ่งพิงจัดไว้ในประเภทเดียวกันกับผู้หาเลี้ยงครอบครัว เราพูดถึง ประชากรพึ่งพิงต่อ1สาขากิจกรรมเฉพาะ และโดยเฉพาะของ ประชากรพึ่งพิงต่อการเกษตร2 คําว่า ประชากรทางการเกษตร2บางครั้งใช้ให้มีความหมายเดียวกันกับ ประชากรไร่นา2ซึ่งอาศัยอยู่ในไร่นา หรือพึ่งพิงการเกษตร และซึ่งแตกต่างจาก ประชากรนอกไร่นา3 หรือ ประชากรนอกการเกษตร3
360
คนอ่อนแอ1 หรือ คนพิการ1มักแสดงในสํามะโนแยกต่างหาก ประชากรเหล่านี้จะถูกจัดประเภทตามลักษณะของ ความอ่อนแอ2 หรือ ความพิการ2 ความอ่อนแอทางกาย3 หรือ ความพิการทางกาย3อย่างเช่นตาบอด หรือหูหนวก-เป็นใบ้ โดยทั่วไปจะแยกออกจาก ความอ่อนแอทางจิต4 หรือ ความพิการทางจิต4อย่างเช่นปัญญาอ่อน หรือความจําเสื่อม
361
การศึกษาเกี่ยวกับ ชีวิตการทํางาน1ของบุคคลรวมการศึกษาเกี่ยวกับ การเข้าสู่กําลังแรงงาน2 และเกี่ยวกับ การออกจากกําลังแรงงาน3 ในเรื่องการเข้าสู่แรงงาน เป็นไปได้ที่จะแยกคนที่ไม่เคยทํางานออกจากคนที่เคยเป็นกําลังแรงงานในเวลาก่อนหน้านั้น ในเรื่องการแยกออกจากแรงงานอาจทําเป็นรายการตามสาเหตุ เช่น การตาย การปลดเกษียณ4 การถอนตัวออกจากแรงงานชั่วคราว อาจทําการวิเคราะห์ตามรุ่นหรือระยะเวลา และจะเกี่ยวข้องกับ อัตราการเข้าสู่แรงงาน5 หรือ ความน่าจะเป็นของการเข้าสู่แรงงาน6 อัตราการออกจากแรงงาน7 หรือ ความน่าจะเป็นของการออกจากแรงงาน8ตามสาเหตุครั้งสุดท้าย ดัชนีเหล่านี้คํานวณตามรายอายุหรือกลุ่มอายุ
362
ดัชนีเหล่านี้ใช้ในการคิดคํานวณ ตารางของชีวิตการทํางาน1ตามรุ่นหรือตามระยะเวลา เสริมต่อความน่าจะเป็นที่ได้อธิบายไว้ในย่อหน้าก่อน ตารางนี้แสดงการกระจายตามราย อายุที่เข้าสู่แรงงาน2 และการกระจายตามราย อายุที่ออกจากแรงงาน3 (ตามสาเหตุครั้งสุดท้าย ก่อนและหลังจากดูเรื่องการตาย) อายุเฉลี่ยที่เข้าสู่แรงงาน4 และ อายุเฉลี่ยเมื่อออกจากแรงงาน5 ความคาดหวังของชีวิตการทํางาน6 ความคาดหวังรวมของชีวิตการทํางาน7 (ซึ่งไม่รวมผลกระทบของภาวะการตาย) และ ความคาดหวังสุทธิของชีวิตการทํางาน8 (ซึ่งรวมผลกระทบของภาวะการตาย) ดัชนีทั้งหมดนี้แสดงจํานวนปีเฉลี่ยของชีวิตการทํางานที่เหลืออยู่ที่ประชากรทํางานแต่ละอายุจะมี สําหรับคนที่เข้าสู่แรงงานที่อายุนั้น ความคาดหวังนี้จะให้ค่า ระยะเวลาเฉลี่ยของชีวิตการทํางาน9 ดัชนีคล้ายๆ กันนี้อาจคํานวณสําหรับทุกอายุที่เข้าสู่แรงงานรวมด้วยกัน
- 1. ตารางอย่างนี้คํานวณเมื่อการถอนตัวชั่วคราวจากแรงงานคิดเป็นสัดส่วนของทั้งหมดที่น้อยมากจนตัดทิ้งได้ และเงื่อนไขเป็นอยู่ประมาณนั้นสําหรับผู้ขาย สําหรับผู้หญิง จําเป็นที่ต้องแยกความแตกต่างระหว่างการเข้าสู่แรงงานครั้งแรก หรือการเข้าสู่แรงงาน ออกจากการเข้าสู่แรงงานอีกครั้ง
***
ไปยัง: คํานําสู่ดีโมพีเดีย | คําแนะนําการใช้ | ดาวน์โหลด
บทที่: อารัมภบท | 1. แนวคิดทั่วไป | 2. การจัดการและการประมวลผลสถิติประชากร | 3. การกระจายตัวและการจําแนกของประชากร | 4. ภาวะการตายและการเจ็บป่วย | 5. ภาวะสมรส | 6. ภาวะเจริญพันธุ์ | 7. การเพิ่มประชากรและการทดแทน | 8. การเคลื่อนย้ายเชิงพื้นที่ | 9. มุมมองด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชากรศาสตร์
หน้าที่: 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 20 | 21 | 22 | 23 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 40 | 41 | 42 | 43 | 50 | 51 | 52 | 60 | 61 | 62 | 63 | 70 | 71 | 72 | 73 | 80 | 81 | 90 | 91 | 92 | 93