วัฒนธรรมการปั่นจักรยานของชาวฮอลแลนด์…เริ่มมาจากตอนไหน?
ทุกคนเบื่อหน่ายกับปัญหารถติด ที่มีเเต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในเเต่ละวัน เมืองเล็กๆที่ค่อยๆเติบโตขึ้นเป็นเมืองใหญ่เริ่มประสบปัญหานี้เช่นกัน พวกเขาเติบโตในทิศทางที่ถูกต้อง เเละยั่งยืนรึเปล่า? มันพอจะมีวิธีไหนไหม ที่จะทําให้สถานะการณ์ที่เป็นอยู่มันดีขึ้น?
ระบบขนส่งสาธารณะเป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยเเก้ปัญหา เเต่การปรับวิธีการคิดของคนเมืองน่าจะเป็นทางออกที่ได้ผลที่สุด เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในประเทศเนเธอร์เเลนด์
ประเทศเนเธอร์เเลนด์เป็นประเทศที่มีจักรยานมากกว่าคนในประเทศ ผู้คนใช้จักรยานในการเดินทางเฉลี่ย 878 กม. ต่อปี 84% ของคนในประเทศมีจักรยานเป็นของตัวเองอย่างน้อย 1 คัน ไม่ว่าจะรวยหรือจนเเค่ไหน
มันเป็นทั้งการออกกําลังกาย ช่วยลดภาวะเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคซึมเศร้า ที่สําคัญ วิถีชีวิตเเบบนี้ ทําให้ที่นี่เป็นประเทศที่มีอุบัติเหตุน้อยที่สุดในโลก เนื่องจากระบบคมนาคมที่เอื้อต่อการปั่นจักรยาน ซึ่งสามารถพบเจอได้ในทุกที่ทั่วประเทศ
ผู้คนอาจจะมองว่า ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ราบเรียบ เป็นเมืองที่เล็กเเละมีความหนาเเน่นของประชากรสูง มีลมพัดตลอด ทําให้ไม่รู้สึกร้อน ทําให้วัฒนธรรมการปั่นเหมาะกับเนเธอร์เเลนด์ เป็นที่สุด เเต่มีปัจจัยอีกหลายอย่าง ที่ทําให้เเนวคิดนี้ สะท้อนให้เห็นถึง “มุมมอง” ที่มีต่อการ “ใช้ชีวิต” ของคนที่นี่เป็นอย่างดี
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกอย่างเปลี่ยนไป ฮอลเเลนด์ต้องการสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ เเละพวกเขาก็รวยขึ้นจากเดิมมากๆ ใน 1948 -1960 ประชากรมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 44 % เเละในปี 1970 พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 222 % ทําให้ผู้คนสามารถซื้อสินค้าที่มีราคาสูงมากขึ้น
ใน 1957 เป็นต้นมา โครงสร้างส่วนใหญ่เอื้อประโยชน์ในการขับรถมากขึ้น ถนนกว้างขึ้น เลนปั่นจักรยานเเคบลง รวมถึงทางเท้า เเละมันได้ถูกกําจัดไปในท้ายที่สุด ทําให้ที่นี่กลายเป็นเมืองที่อันตรายต่อการปั่นจักรยาน เเละต่อผู้คนที่เดินบนทางเท้า
พวกเขาได้ทําลายสิ่งก่อสร้างเก่าๆทิ้งไปเพื่อสร้างถนน จัตุรัสกลางเมืองที่ผู้คนเคยเข้ามาใช้พักผ่อน ถูกทําเป็นที่จอดรถ ผู้คนเดินทางไกลมากขึ้น จาก 3.9 กม. ต่อวัน ในปี 1957 เป็น 23.2 กม. ในปี 1975 ห้างสรรพสินค้าอยู่ไกลออกไปนอกเมือง บังคับให้คนต้องขับรถไป
ธุรกิจเกี่ยวกับจักรยานค่อยๆเลือนหายไปเรื่อยๆ โดยทํารายได้ลดลง 6 % ในทุกๆปี มีผู้คนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนกว่า 3,300 คนในปี 1971 มากกว่า 400 คนเป็นเด็กอายุไม่ถึง 14 ปี ซึ่งการสูญเสียนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการประท้วงครั้งสําคัญในประวัติศาสตร์
ผู้ชุมนุมประท้วง ชูประเด็นเรื่องการเสียชีวิตของเด็กบนท้องถนน เป็นเสมือนอาชญากรรม ประจวบเหมาะกับปี 1973 เป็นปีที่ประเทศต้องประสบกับภาวะวิกฤตน้ํามันเป็นครั้งเเรก รัฐบาลไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับปัญหานี้ยังไง
นายกรัฐมนตรี Barend Biesheuvel บอกกับประชาชนว่า นี่คือวิกฤต ที่ผู้คนต้องเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตเสียใหม่ จําเป็นที่จะต้องอาศัยพลังงานเชื้อเพลิงให้น้อยลง เเละจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของชีวิตใดๆด้วย นโยบายการรณรงค์เพื่อให้คนออกมาปั่นจักรยานจึงเริ่มขึ้นเป็นวาระเเห่งชาติ ทั้งนี้ยังได้ออกนโยบายในการงดใช้รถในวันอาทิตย์อีกด้วย ทําให้คนในประเทศได้เห็นมุมมองที่งดงาม ปลอดภัย ไร้มลพิษของประเทศอีกครั้ง
หลังจากนั้นพื้นที่ใจกลางเมืองจึงถูกจัดให้เป็นพื้นที่ปลอดรถตั้งเเต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนการประท้วงก็ยังคงมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงปี 1970s ที่เมือง The Hague ได้มีการทดลองการเเบ่งช่องเดินรถใหม่ โดยเเบ่งพื้นที่ให้ ทางจักรยานกว้างขึ้นเป็น 3.5 ม. เเละเพิ่มทางเท้าให้เป็น 2.30 ม. โดยได้รับเงินสนับสนุนจากทางรัฐบาล
เลนจักรยานได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ใน The Hague เเละ Tilburg ซึ่งได้กลายเป็นต้นเเบบในการสร้างระบบคมนาคมของประเทศในเวลาต่อมา
คนใช้จักรยานเพิ่มขึ้นใน The Hague 30 – 60 % และใน Tilburg 70 % มีเด็กเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนลดลงจาก 400 เหลือเพียง 14 คนในปี 2010 ห้างสรรพสินค้าเล็กๆต่างๆถูกย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น ร้านค้าเล็กๆขายของดีขึ้น เพราะคนมีเวลาในการตัดสินใจมากขึ้น ไม่ใช่ขับรถผ่านไป โรงเรียน โรงพยาบาล สถานีตํารวจ ถูกปรับให้มีขนาดเล็กลงให้เข้ากับผังเมือง
ค่าจอดรถมีราคาเเพงมากขึ้น ภาษีจะต้องจ่ายกับการมีรถสูงขึ้น ทั้งค่าน้ํามัน ค่าประกัน เด็กๆจะต้องมีสอบวิชาปั่นจักรยาน เเละมีกฎหมายห้ามขับรถจนกว่าอายุ 18 ที่มีความเข้มงวด
อุบัติเหตุยังคงเกิดขึ้นเเต่ก็มีน้อยมากๆ ทั้งนี้เพราะมีกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ปั่นจักรยานมากๆ ในเเบบที่ทําให้พวกเขารู้สึกว่ามีอํานาจ เเละปลอดภัยจริงๆบนท้องถนน เช่น กฎหมายใน Article 185 ที่ว่าด้วยการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่คนขับรถจะต้องชดใช้ค่ารักษาพยาบาลต่อผู้ใช้จักรยาน หรือคนบนทางเท้า 50 – 100 % เป็นกฎที่วางคุณสมบัติให้รถเหมือนเป็นอาวุธชนิดหนึ่ง ที่ผู้ขับรถจะต้องมีความรับผิดชอบสูงสุด เเม้เเต่ในกรณีเล็กๆ อย่างเช่นการทําให้คนปั่นจักรยานตกใจจนเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากการบีบแตร ก็ถือว่ามีความผิดเช่นกัน เรียกได้ว่าเงื่อนไขหลายๆอย่างทําให้คนรู้สึกถอดใจได้ง่ายมาก ในการมีรถมาขับสักคัน
Sources :
ติดตามเพจ:
One thought on “วัฒนธรรมการปั่นจักรยานของชาวฮอลแลนด์…เริ่มมาจากตอนไหน?”
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.